การพัฒนาสูตรเซรั่ม: การละลาย ความเข้ากันได้ ความขาว และสารนำพาสาร
คำถาม
Ethoxydiglycol ใช้ละลาย Ferulic Acid ได้ รวมถึงละลาย Vitamin E Tocopheryl Acetate และ Vitamin E dl-alpha tocopherol ด้วยได้หรือไม่ครับ หรือ Butylene Glycol ได้ไหมครับ
หากได้ เมื่อนำ Vitamin E และ Ferulic Acid ที่ละลายใน Ethoxydiglycol เรียบร้อยแล้ว นำไปละลายในน้ำ ที่ผสม Vitamin C L-ascorbic acid standard 15% ได้หรือไม่ครับ หากได้ รบกวนกำหนด% ของ Ferulic Acid, Vitamin E, Ethoxydiglycol ด้วยครับ
ในสูตร หากเพิ่ม Sym White (phenylethyl resorcinol), Phospholipid, และ Pro Polymer (Acrylate Crosspolymer) ในสูตร ได้หรือไม่ครับ
หากเปรียบเทียบ Sym White (phenylethyl resorcinol) และ activated resorcinol (4-butyl resorcinol) แล้ว จนท. แนะนำใช้ตัวไหน ในเรื่องการออกฤทธิ์เรื่องความขาวมากกว่ากันครับ โดยไม่นับเรื่องระคายเคือง เพราะทดลองเทสทั้งคู่แล้ว ไม่แพ้หรือระคายเคืองครับ คือถ้าไม่แพ้ ตัวใดเหมาะสมกว่ากันครับ ในความคิดเห็นของ จนท.
Laurocapram ที่ใช้สำหรับนำพาสารที่ละลายในน้ำ และอีกชนิดในน้ำมัน สามารถใส่ทั้งสองชนิด ในสูตรเดียวกันได้หรือไม่ครับ ต้องลด%ในการใช้ร่วมกันไหมครับ
Phospholipid ควรใช้กี่% สำหรับการใช้เพื่อนำพาสารที่ละลายในน้ำและน้ำมัน
คำตอบ
คำตอบสำหรับคำถามเกี่ยวกับการผสมสูตร
1. Ethoxydiglycol และ Butylene Glycol สามารถละลาย Vitamin E ได้หรือไม่
- Ethoxydiglycol: ได้ Ethoxydiglycol สามารถช่วยละลายหรือกระจาย Vitamin E ได้ Ethoxydiglycol ละลายได้ในไกลคอลและน้ำมัน และ Vitamin E (ทั้ง Tocopheryl Acetate และ dl-alpha tocopherol) ละลายได้ในน้ำมัน Ethoxydiglycol ทำหน้าที่เป็นตัวทำละลายและตัวนำพาที่ช่วยนำพาส่วนผสมที่ละลายในน้ำมันเข้าสู่สูตรได้
- Butylene Glycol: ไม่ได้ Butylene Glycol ส่วนใหญ่ละลายได้ในน้ำ และไม่เหมาะสำหรับการละลาย Vitamin E ที่ละลายในน้ำมันได้ด้วยตัวเอง
2. การนำ Ferulic Acid และ Vitamin E ที่ละลายใน Ethoxydiglycol แล้ว ไปละลายในน้ำที่ผสม Vitamin C L-ascorbic acid 15%
สามารถนำ Ferulic Acid และ Vitamin E (ที่ละลายใน Ethoxydiglycol) ไปผสมรวมกับเฟสน้ำที่มี L-Ascorbic Acid 15% ได้ แต่ส่วนผสมเหล่านี้จะไม่ "ละลาย" ในเฟสน้ำโดยตรง เนื่องจาก Ferulic Acid ไม่ละลายในน้ำ และ Vitamin E ละลายในน้ำมัน Ethoxydiglycol สามารถช่วยเชื่อมเฟสน้ำมันและน้ำเข้าด้วยกัน และทำหน้าที่เป็นตัวนำพา แต่การสร้างสูตรที่เสถียรและเป็นเนื้อเดียวกันต้องใช้เทคนิคการผสมอย่างระมัดระวัง ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับการใช้อิมัลซิไฟเออร์หรือระบบตัวทำละลายร่วมที่เหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงค่า pH ต่ำที่จำเป็นสำหรับความเสถียรของ L-Ascorbic Acid (pH 2.0-4.0 โดย อย. กำหนดขั้นต่ำ 3.5 สำหรับผลิตภัณฑ์ทาแล้วไม่ล้างออก)
สูตรทั่วไปที่ผสมส่วนผสมเหล่านี้ (มักเรียกว่าเซรั่มประเภท "CE Ferulic") ใช้เปอร์เซ็นต์โดยประมาณดังนี้:
- L-Ascorbic Acid: 15%
- Ferulic Acid: 0.5-1% (แนะนำ 1% สำหรับการต่อต้านริ้วรอย/ต่อต้านอนุมูลอิสระ)
- Vitamin E (dl-alpha tocopherol หรือ Tocopheryl Acetate): 0.1-1% (แนะนำ 0.1-0.5% เป็นสารต้านอนุมูลอิสระสำหรับผิว)
- Ethoxydiglycol: 1-10% (หมายเหตุ: อย. ปัจจุบันจำกัดการใช้ Ethoxydiglycol ไม่เกิน 2.6% สำหรับผลิตภัณฑ์ทาแล้วไม่ล้างออก)
เปอร์เซ็นต์ที่แน่นอนของ Ethoxydiglycol ที่ต้องการจะขึ้นอยู่กับสูตรเฉพาะและความสามารถในการละลาย/ความเสถียรที่ต้องการ โดยต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านกฎระเบียบ
3. การเพิ่ม Sym White, Phospholipid และ Pro Polymer ในสูตร
การเพิ่ม Sym White (Phenylethyl Resorcinol), Phospholipid (Hydrogenated Lecithin) และ Pro Polymer (Acrylate Crosspolymer) ลงในเซรั่ม L-Ascorbic Acid ที่มี pH ต่ำ ซึ่งมี Ferulic Acid และ Vitamin E อยู่แล้ว เป็นเรื่องที่ซับซ้อน เนื่องจากอาจมีปัญหาความเข้ากันได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับค่า pH และความสามารถในการละลาย:
- Sym White (Phenylethyl Resorcinol): ส่วนผสมนี้ละลายได้ในน้ำมันและทำงานได้ดีที่สุดที่ pH 4-5 ช่วง pH นี้ขัดแย้งกับ pH ที่เหมาะสมสำหรับ L-Ascorbic Acid (2.0-4.0, ขั้นต่ำ 3.5) การรวมกันอาจส่งผลต่อความเสถียรหรือประสิทธิภาพของส่วนผสมใดส่วนผสมหนึ่งหรือทั้งสองอย่าง สูตร Sym White มักจะมีน้ำมันและ Disodium EDTA และไม่แนะนำให้ใช้ร่วมกับส่วนผสมบางอย่าง เช่น Carbomer หรือกลุ่มโปรตีน
- Phospholipid (Hydrogenated Lecithin): ใช้สำหรับการห่อหุ้มสารและกระจายตัวในน้ำมัน สามารถช่วยนำพาส่วนผสมที่ละลายได้ทั้งในน้ำและน้ำมัน การรวมเข้ากับสูตรจะขึ้นอยู่กับวิธีการผสมเฉพาะ (เช่น การสร้างไลโปโซมหรือระบบนำส่งอื่นๆ)
- Pro Polymer (Acrylate Crosspolymer): เป็นสารสร้างเนื้อเจลที่ละลายน้ำได้ แม้ว่าจะมีความทนทานต่ออิเล็กโทรไลต์ แต่ค่า pH ต่ำของสารละลาย L-Ascorbic Acid อาจส่งผลต่อคุณสมบัติการสร้างเจลได้ ความเข้ากันได้กับส่วนผสมอื่นๆ รวมถึง Sym White (ซึ่งไม่แนะนำโพลิเมอร์บางชนิด) ก็ต้องพิจารณาด้วย
แม้ว่าในทางเทคนิคอาจเป็นไปได้ที่จะผสมสูตรที่มีส่วนผสมเหล่านี้ แต่การได้ผลิตภัณฑ์ที่เสถียรและมีประสิทธิภาพต้องใช้ความเชี่ยวชาญด้านการผสมสูตรอย่างมาก เพื่อจัดการกับความต้องการในการละลายที่แตกต่างกัน ความไวต่อค่า pH และปฏิกิริยาที่อาจเกิดขึ้นระหว่างส่วนประกอบต่างๆ
4. การเปรียบเทียบประสิทธิภาพด้านความขาว: Sym White vs. Activated Resorcinol
ทั้ง Sym White (Phenylethyl Resorcinol) และ Activated Resorcinol (4-Butyl Resorcinol) ถูกอธิบายว่าเป็นสารที่ช่วยให้ผิวกระจ่างใสได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง โดยทำงานโดยการยับยั้งเอนไซม์ Tyrosinase
- Sym White (Phenylethyl Resorcinol): คำอธิบายระบุว่าให้ "ประสิทธิภาพสูงสุด" เมื่อเทียบกับสารให้ความขาวทั่วไป และแสดงให้เห็นในการทดลองในจานเพาะเชื้อว่ามีประสิทธิภาพมากกว่า Kojic Acid ในการควบคุมการสร้างเม็ดสีมากกว่า 210 เท่า ถูกนำเสนอว่าเป็นหนึ่งในสารให้ความขาวที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด
- Activated Resorcinol (4-Butyl Resorcinol): คำอธิบายระบุว่ามี "ประสิทธิภาพสูงกว่าอย่างเห็นได้ชัด" ในการลดการสร้างเม็ดสีเมื่อเทียบกับ Vitamin C และ Arbutin และ "มีประสิทธิภาพมากกว่า" Kojic Acid และ Alpha Arbutin
จากข้อมูลที่ให้ไว้ในคำอธิบายผลิตภัณฑ์ Sym White (Phenylethyl Resorcinol) ดูเหมือนจะถูกนำเสนอว่ามีประสิทธิภาพด้านความขาวที่สูงกว่า โดยมีข้อมูลเปรียบเทียบเฉพาะกับ Kojic Acid อย่างไรก็ตาม ทั้งสองถือเป็นสารที่ช่วยให้ผิวกระจ่างใสที่มีศักยภาพสูง
5. การใช้ Laurocapram ทั้งชนิดละลายน้ำและละลายน้ำมันร่วมกัน
คำอธิบายผลิตภัณฑ์สำหรับ Laurocapram ทั้งชนิดละลายน้ำและละลายน้ำมัน แนะนำอย่างยิ่งว่าไม่ควรใช้ร่วมกับ ตัวนำพาอื่นๆ ยกเว้น 1,2-Hexanediol โดยระบุว่าผลโดยรวมอาจลดลง แต่ละชนิดเหมาะสำหรับนำพาส่วนผสมในเฟสของตัวเองโดยเฉพาะ (ละลายน้ำสำหรับสารที่ละลายน้ำ, ละลายน้ำมันสำหรับสารที่ละลายน้ำมัน)
ดังนั้น จากข้อมูลผลิตภัณฑ์ ไม่แนะนำ ให้ใช้ Laurocapram ทั้งชนิดละลายน้ำและละลายน้ำมันในสูตรเดียวกัน การทำเช่นนั้นอาจไม่ให้ประโยชน์เสริมกัน และอาจลดประสิทธิภาพโดยรวมของการนำพาสารเมื่อเทียบกับการใช้ชนิดที่เหมาะสมสำหรับส่วนผสมออกฤทธิ์เฉพาะในสูตรของคุณ คำอธิบายไม่ได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการลดเปอร์เซ็นต์หากใช้ร่วมกัน ซึ่งยืนยันว่าอาจไม่ใช่วิธีการที่ตั้งใจไว้หรือเหมาะสมที่สุด
6. เปอร์เซ็นต์ที่แนะนำสำหรับ Phospholipid ในการนำพาสารเข้าสู่ผิว
คำอธิบายผลิตภัณฑ์สำหรับ Hydrogenated Lecithin (Phospholipid) มุ่งเน้นไปที่การใช้เพื่อ ห่อหุ้ม ส่วนผสมออกฤทธิ์เพื่อเพิ่มการดูดซึม ความสามารถในการละลาย หรือความเสถียรของสาร แม้ว่าจะถูกระบุว่าเป็นตัวนำพา แต่คำอธิบาย ไม่ได้ให้เปอร์เซ็นต์การใช้งานทั่วไปที่แนะนำสำหรับการนำพาสารเข้าสู่ผิวโดยเฉพาะ เมื่อใช้เดี่ยวๆ หรือไม่ได้ใช้เพื่อการห่อหุ้ม อัตราการใช้สำหรับการห่อหุ้มจะขึ้นอยู่กับส่วนผสมออกฤทธิ์เฉพาะและวิธีการห่อหุ้มที่ใช้ ซึ่งบริษัทไม่สามารถให้คำแนะนำทางเทคนิคได้
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Vitamin E (Tocopheryl Acetate)

Pure-Ferulic Acid™

Vitamin C (L-ascorbic acid) (Ultra-Fine)

Vitamin E (dl-alpha tocopherol)

Ethoxydiglycol (e.q. Transcutol)

Pro Polymer™ (Gel Maker)

Butylene Glycol

Laurocapram (Oil Soluble)

Phenylethyl Resorcinol (e.q. SymWhite 377)

Vitamin C (L-ascorbic acid) (Standard)

Laurocapram (Water Soluble)

Hydrogenated Lecithin (95% Phosphatidylcholine)
