การพัฒนาสูตรเซรั่ม: การละลาย ความเข้ากันได้ ความขาว และสารนำพาสาร

ถามโดย: insawang.ch เมื่อ: July 11, 2019 ประเภทผลิตภัณฑ์: เครื่องสำอาง

คำถาม

  1. Ethoxydiglycol ใช้ละลาย Ferulic Acid ได้ รวมถึงละลาย Vitamin E Tocopheryl Acetate และ Vitamin E dl-alpha tocopherol ด้วยได้หรือไม่ครับ หรือ Butylene Glycol ได้ไหมครับ

  2. หากได้ เมื่อนำ Vitamin E และ Ferulic Acid ที่ละลายใน Ethoxydiglycol เรียบร้อยแล้ว นำไปละลายในน้ำ ที่ผสม Vitamin C L-ascorbic acid standard 15% ได้หรือไม่ครับ หากได้ รบกวนกำหนด% ของ Ferulic Acid, Vitamin E, Ethoxydiglycol ด้วยครับ

  3. ในสูตร หากเพิ่ม Sym White (phenylethyl resorcinol), Phospholipid, และ Pro Polymer (Acrylate Crosspolymer) ในสูตร ได้หรือไม่ครับ

  4. หากเปรียบเทียบ Sym White (phenylethyl resorcinol) และ activated resorcinol (4-butyl resorcinol) แล้ว จนท. แนะนำใช้ตัวไหน ในเรื่องการออกฤทธิ์เรื่องความขาวมากกว่ากันครับ โดยไม่นับเรื่องระคายเคือง เพราะทดลองเทสทั้งคู่แล้ว ไม่แพ้หรือระคายเคืองครับ คือถ้าไม่แพ้ ตัวใดเหมาะสมกว่ากันครับ ในความคิดเห็นของ จนท.

  5. Laurocapram ที่ใช้สำหรับนำพาสารที่ละลายในน้ำ และอีกชนิดในน้ำมัน สามารถใส่ทั้งสองชนิด ในสูตรเดียวกันได้หรือไม่ครับ ต้องลด%ในการใช้ร่วมกันไหมครับ

  6. Phospholipid ควรใช้กี่% สำหรับการใช้เพื่อนำพาสารที่ละลายในน้ำและน้ำมัน

คำตอบ

คำตอบสำหรับคำถามเกี่ยวกับการผสมสูตร

1. Ethoxydiglycol และ Butylene Glycol สามารถละลาย Vitamin E ได้หรือไม่

  • Ethoxydiglycol: ได้ Ethoxydiglycol สามารถช่วยละลายหรือกระจาย Vitamin E ได้ Ethoxydiglycol ละลายได้ในไกลคอลและน้ำมัน และ Vitamin E (ทั้ง Tocopheryl Acetate และ dl-alpha tocopherol) ละลายได้ในน้ำมัน Ethoxydiglycol ทำหน้าที่เป็นตัวทำละลายและตัวนำพาที่ช่วยนำพาส่วนผสมที่ละลายในน้ำมันเข้าสู่สูตรได้
  • Butylene Glycol: ไม่ได้ Butylene Glycol ส่วนใหญ่ละลายได้ในน้ำ และไม่เหมาะสำหรับการละลาย Vitamin E ที่ละลายในน้ำมันได้ด้วยตัวเอง

2. การนำ Ferulic Acid และ Vitamin E ที่ละลายใน Ethoxydiglycol แล้ว ไปละลายในน้ำที่ผสม Vitamin C L-ascorbic acid 15%

สามารถนำ Ferulic Acid และ Vitamin E (ที่ละลายใน Ethoxydiglycol) ไปผสมรวมกับเฟสน้ำที่มี L-Ascorbic Acid 15% ได้ แต่ส่วนผสมเหล่านี้จะไม่ "ละลาย" ในเฟสน้ำโดยตรง เนื่องจาก Ferulic Acid ไม่ละลายในน้ำ และ Vitamin E ละลายในน้ำมัน Ethoxydiglycol สามารถช่วยเชื่อมเฟสน้ำมันและน้ำเข้าด้วยกัน และทำหน้าที่เป็นตัวนำพา แต่การสร้างสูตรที่เสถียรและเป็นเนื้อเดียวกันต้องใช้เทคนิคการผสมอย่างระมัดระวัง ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับการใช้อิมัลซิไฟเออร์หรือระบบตัวทำละลายร่วมที่เหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงค่า pH ต่ำที่จำเป็นสำหรับความเสถียรของ L-Ascorbic Acid (pH 2.0-4.0 โดย อย. กำหนดขั้นต่ำ 3.5 สำหรับผลิตภัณฑ์ทาแล้วไม่ล้างออก)

สูตรทั่วไปที่ผสมส่วนผสมเหล่านี้ (มักเรียกว่าเซรั่มประเภท "CE Ferulic") ใช้เปอร์เซ็นต์โดยประมาณดังนี้:

  • L-Ascorbic Acid: 15%
  • Ferulic Acid: 0.5-1% (แนะนำ 1% สำหรับการต่อต้านริ้วรอย/ต่อต้านอนุมูลอิสระ)
  • Vitamin E (dl-alpha tocopherol หรือ Tocopheryl Acetate): 0.1-1% (แนะนำ 0.1-0.5% เป็นสารต้านอนุมูลอิสระสำหรับผิว)
  • Ethoxydiglycol: 1-10% (หมายเหตุ: อย. ปัจจุบันจำกัดการใช้ Ethoxydiglycol ไม่เกิน 2.6% สำหรับผลิตภัณฑ์ทาแล้วไม่ล้างออก)

เปอร์เซ็นต์ที่แน่นอนของ Ethoxydiglycol ที่ต้องการจะขึ้นอยู่กับสูตรเฉพาะและความสามารถในการละลาย/ความเสถียรที่ต้องการ โดยต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านกฎระเบียบ

3. การเพิ่ม Sym White, Phospholipid และ Pro Polymer ในสูตร

การเพิ่ม Sym White (Phenylethyl Resorcinol), Phospholipid (Hydrogenated Lecithin) และ Pro Polymer (Acrylate Crosspolymer) ลงในเซรั่ม L-Ascorbic Acid ที่มี pH ต่ำ ซึ่งมี Ferulic Acid และ Vitamin E อยู่แล้ว เป็นเรื่องที่ซับซ้อน เนื่องจากอาจมีปัญหาความเข้ากันได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับค่า pH และความสามารถในการละลาย:

  • Sym White (Phenylethyl Resorcinol): ส่วนผสมนี้ละลายได้ในน้ำมันและทำงานได้ดีที่สุดที่ pH 4-5 ช่วง pH นี้ขัดแย้งกับ pH ที่เหมาะสมสำหรับ L-Ascorbic Acid (2.0-4.0, ขั้นต่ำ 3.5) การรวมกันอาจส่งผลต่อความเสถียรหรือประสิทธิภาพของส่วนผสมใดส่วนผสมหนึ่งหรือทั้งสองอย่าง สูตร Sym White มักจะมีน้ำมันและ Disodium EDTA และไม่แนะนำให้ใช้ร่วมกับส่วนผสมบางอย่าง เช่น Carbomer หรือกลุ่มโปรตีน
  • Phospholipid (Hydrogenated Lecithin): ใช้สำหรับการห่อหุ้มสารและกระจายตัวในน้ำมัน สามารถช่วยนำพาส่วนผสมที่ละลายได้ทั้งในน้ำและน้ำมัน การรวมเข้ากับสูตรจะขึ้นอยู่กับวิธีการผสมเฉพาะ (เช่น การสร้างไลโปโซมหรือระบบนำส่งอื่นๆ)
  • Pro Polymer (Acrylate Crosspolymer): เป็นสารสร้างเนื้อเจลที่ละลายน้ำได้ แม้ว่าจะมีความทนทานต่ออิเล็กโทรไลต์ แต่ค่า pH ต่ำของสารละลาย L-Ascorbic Acid อาจส่งผลต่อคุณสมบัติการสร้างเจลได้ ความเข้ากันได้กับส่วนผสมอื่นๆ รวมถึง Sym White (ซึ่งไม่แนะนำโพลิเมอร์บางชนิด) ก็ต้องพิจารณาด้วย

แม้ว่าในทางเทคนิคอาจเป็นไปได้ที่จะผสมสูตรที่มีส่วนผสมเหล่านี้ แต่การได้ผลิตภัณฑ์ที่เสถียรและมีประสิทธิภาพต้องใช้ความเชี่ยวชาญด้านการผสมสูตรอย่างมาก เพื่อจัดการกับความต้องการในการละลายที่แตกต่างกัน ความไวต่อค่า pH และปฏิกิริยาที่อาจเกิดขึ้นระหว่างส่วนประกอบต่างๆ

4. การเปรียบเทียบประสิทธิภาพด้านความขาว: Sym White vs. Activated Resorcinol

ทั้ง Sym White (Phenylethyl Resorcinol) และ Activated Resorcinol (4-Butyl Resorcinol) ถูกอธิบายว่าเป็นสารที่ช่วยให้ผิวกระจ่างใสได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง โดยทำงานโดยการยับยั้งเอนไซม์ Tyrosinase

  • Sym White (Phenylethyl Resorcinol): คำอธิบายระบุว่าให้ "ประสิทธิภาพสูงสุด" เมื่อเทียบกับสารให้ความขาวทั่วไป และแสดงให้เห็นในการทดลองในจานเพาะเชื้อว่ามีประสิทธิภาพมากกว่า Kojic Acid ในการควบคุมการสร้างเม็ดสีมากกว่า 210 เท่า ถูกนำเสนอว่าเป็นหนึ่งในสารให้ความขาวที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด
  • Activated Resorcinol (4-Butyl Resorcinol): คำอธิบายระบุว่ามี "ประสิทธิภาพสูงกว่าอย่างเห็นได้ชัด" ในการลดการสร้างเม็ดสีเมื่อเทียบกับ Vitamin C และ Arbutin และ "มีประสิทธิภาพมากกว่า" Kojic Acid และ Alpha Arbutin

จากข้อมูลที่ให้ไว้ในคำอธิบายผลิตภัณฑ์ Sym White (Phenylethyl Resorcinol) ดูเหมือนจะถูกนำเสนอว่ามีประสิทธิภาพด้านความขาวที่สูงกว่า โดยมีข้อมูลเปรียบเทียบเฉพาะกับ Kojic Acid อย่างไรก็ตาม ทั้งสองถือเป็นสารที่ช่วยให้ผิวกระจ่างใสที่มีศักยภาพสูง

5. การใช้ Laurocapram ทั้งชนิดละลายน้ำและละลายน้ำมันร่วมกัน

คำอธิบายผลิตภัณฑ์สำหรับ Laurocapram ทั้งชนิดละลายน้ำและละลายน้ำมัน แนะนำอย่างยิ่งว่าไม่ควรใช้ร่วมกับ ตัวนำพาอื่นๆ ยกเว้น 1,2-Hexanediol โดยระบุว่าผลโดยรวมอาจลดลง แต่ละชนิดเหมาะสำหรับนำพาส่วนผสมในเฟสของตัวเองโดยเฉพาะ (ละลายน้ำสำหรับสารที่ละลายน้ำ, ละลายน้ำมันสำหรับสารที่ละลายน้ำมัน)

ดังนั้น จากข้อมูลผลิตภัณฑ์ ไม่แนะนำ ให้ใช้ Laurocapram ทั้งชนิดละลายน้ำและละลายน้ำมันในสูตรเดียวกัน การทำเช่นนั้นอาจไม่ให้ประโยชน์เสริมกัน และอาจลดประสิทธิภาพโดยรวมของการนำพาสารเมื่อเทียบกับการใช้ชนิดที่เหมาะสมสำหรับส่วนผสมออกฤทธิ์เฉพาะในสูตรของคุณ คำอธิบายไม่ได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการลดเปอร์เซ็นต์หากใช้ร่วมกัน ซึ่งยืนยันว่าอาจไม่ใช่วิธีการที่ตั้งใจไว้หรือเหมาะสมที่สุด

6. เปอร์เซ็นต์ที่แนะนำสำหรับ Phospholipid ในการนำพาสารเข้าสู่ผิว

คำอธิบายผลิตภัณฑ์สำหรับ Hydrogenated Lecithin (Phospholipid) มุ่งเน้นไปที่การใช้เพื่อ ห่อหุ้ม ส่วนผสมออกฤทธิ์เพื่อเพิ่มการดูดซึม ความสามารถในการละลาย หรือความเสถียรของสาร แม้ว่าจะถูกระบุว่าเป็นตัวนำพา แต่คำอธิบาย ไม่ได้ให้เปอร์เซ็นต์การใช้งานทั่วไปที่แนะนำสำหรับการนำพาสารเข้าสู่ผิวโดยเฉพาะ เมื่อใช้เดี่ยวๆ หรือไม่ได้ใช้เพื่อการห่อหุ้ม อัตราการใช้สำหรับการห่อหุ้มจะขึ้นอยู่กับส่วนผสมออกฤทธิ์เฉพาะและวิธีการห่อหุ้มที่ใช้ ซึ่งบริษัทไม่สามารถให้คำแนะนำทางเทคนิคได้


ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Vitamin E (Tocopheryl Acetate)
Vitamin E (Tocopheryl Acetate)
เครื่องสำอาง
Pure-Ferulic Acid™
Pure-Ferulic Acid™
เครื่องสำอาง
Vitamin C (L-ascorbic acid) (Ultra-Fine)
Vitamin C (L-ascorbic acid) (Ultra-Fine)
เครื่องสำอาง
Vitamin E (dl-alpha tocopherol)
Vitamin E (dl-alpha tocopherol)
เครื่องสำอาง
Ethoxydiglycol (e.q. Transcutol)
Ethoxydiglycol (e.q. Transcutol)
เครื่องสำอาง
Pro Polymer™ (Gel Maker)
Pro Polymer™ (Gel Maker)
เครื่องสำอาง
Butylene Glycol
Butylene Glycol
เครื่องสำอาง
Laurocapram (Oil Soluble)
Laurocapram (Oil Soluble)
เครื่องสำอาง
Phenylethyl Resorcinol (e.q. SymWhite 377)
Phenylethyl Resorcinol (e.q. SymWhite 377)
เครื่องสำอาง
Vitamin C (L-ascorbic acid) (Standard)
Vitamin C (L-ascorbic acid) (Standard)
เครื่องสำอาง
Laurocapram (Water Soluble)
Laurocapram (Water Soluble)
เครื่องสำอาง
Hydrogenated Lecithin (95% Phosphatidylcholine)
Hydrogenated Lecithin (95% Phosphatidylcholine)
เครื่องสำอาง
Hydrogenated Lecithin (70% Phosphatidylcholine)
Hydrogenated Lecithin (70% Phosphatidylcholine)
เครื่องสำอาง