การพัฒนาสูตรเซรั่ม: เนื้อสัมผัส ความเหนอะหนะ และความเสถียรกับสารสำคัญปริมาณสูง
คำถาม
กำลังพัฒนาสูตรเซรั่มและมีข้อกังวลเกี่ยวกับเนื้อสัมผัสและความเสถียรค่ะ
สูตรเริ่มต้นของฉันมีสารสำคัญประมาณ 35-36% ร่วมกับซิลิโคน, SiliSolve Plus, Retinyl Palmitate, Tocopheryl Acetate, และเบส Hyaluronic Preserve Free
จากนั้นได้ปรับสูตรโดยเพิ่ม Transamine (3%), DMAE (3%), Safe B3 (5%), และ GlucoBright (4%) พร้อมลดปริมาณน้ำลง
คำถามของฉันคือ:
- สูตรเริ่มต้นและสูตรที่ปรับปรุงจะมีเนื้อสัมผัสเป็นอย่างไร (ต้องการให้ข้น นุ่มลื่น ซึมไว ไม่เหนอะหนะ)?
- ส่วนผสมใดบ้าง โดยเฉพาะ Transamine, DMAE, Safe B3, GlucoBright, Retinyl Palmitate, Tocopheryl Acetate, ซิลิโคน, SiliSolve Plus, และเบส Hyaluronic Preserve Free ที่มีส่วนทำให้เกิดความเหนอะหนะ?
- ส่วนผสมที่ละลายในน้ำมันอย่าง Retinyl Palmitate และ Tocopheryl Acetate เหมาะสมกับเบสแบบน้ำ/ซิลิโคน/SiliSolve Plus นี้หรือไม่?
- มีความกังวลด้านความเสถียรสำหรับสูตรเหล่านี้อย่างไรบ้าง โดยเฉพาะเมื่อผสมส่วนผสมที่มีคุณสมบัติการละลายต่างกัน?
- จะปรับสูตรอย่างไรเพื่อให้ได้เซรั่มที่ข้น นุ่มลื่น ซึมไว และเหนอะหนะน้อยลง โดยเฉพาะสำหรับผิวธรรมดาถึงผิวมัน?
- สารสำคัญที่เพิ่มเข้ามา (Transamine, DMAE, Safe B3, GlucoBright) จะส่งผลต่อกลิ่นของเซรั่มอย่างมีนัยสำคัญหรือไม่?
คำตอบ
สวัสดีค่ะ
จากสูตรเซรั่มที่คุณเสนอมาและข้อมูลตอบกลับก่อนหน้านี้ ขอวิเคราะห์และให้คำแนะนำดังนี้ค่ะ
1. เนื้อเซรั่มจะเป็นอย่างไร:
- สูตรเริ่มต้นของคุณที่มีสารสำคัญรวม 35-36% บวกกับส่วนผสมอื่นๆ เช่น ซิลิโคน, SiliSolve Plus ฯลฯ มีแนวโน้มที่จะได้เนื้อที่ข้นมาก อาจจะข้นเกินไปและทายาก ซึมช้า แม้ว่าคุณต้องการเนื้อข้น แต่การทำให้ข้น นุ่มลื่น ซึมไว และไม่เหนอะหนะพร้อมกันเป็นเรื่องที่ท้าทาย โดยเฉพาะเมื่อมีปริมาณส่วนผสมรวมสูง สูตรที่คุณปรับเพิ่ม Transamine, DMAE, Safe B3, และ GlucoBright โดยลดน้ำลง จะยิ่งมีแนวโน้มเหนอะหนะมากขึ้น ตามที่ทีมงานยืนยันเกี่ยวกับ DMAE
2. ส่วนผสมที่ไม่ควรใส่ในส่วนที่ 1 (สูตรเริ่มต้น):
- วิตามินเอ (Retinyl Palmitate) และ วิตามินอี (Tocopheryl Acetate): สารเหล่านี้ละลายในน้ำมัน สูตรของคุณดูเหมือนจะเป็นเบสน้ำและซิลิโคนเป็นหลัก โดยมี SiliSolve Plus ช่วยประสานน้ำ น้ำมัน และซิลิโคน อย่างไรก็ตาม การใส่วิตามินที่ละลายในน้ำมันในปริมาณมาก เช่น วิตามินเอ และวิตามินอีซึ่งมีความหนืดสูงมาก จำเป็นต้องมีระบบอิมัลชันที่เหมาะสมและมีเฟสน้ำมันที่ชัดเจน ซึ่งจะทำให้สูตรซับซ้อนขึ้น หากไม่มีเฟสน้ำมันที่ชัดเจน สารเหล่านี้อาจเข้ากันได้ไม่ดีหรือไม่เสถียร ความหนืดสูงของวิตามินอีก็ทำให้เนื้อหนักขึ้นด้วยค่ะ
3. ความเสถียร:
- ความเสถียรเป็นข้อกังวลสำคัญเมื่อผสมส่วนผสมที่มีคุณสมบัติการละลายต่างกัน (สารสำคัญที่ละลายน้ำ, วิตามินที่ละลายน้ำมัน, ซิลิโคน) โดยไม่มีระบบอิมัลชันที่แข็งแรงและเข้ากันได้ดี แม้ SiliSolve Plus จะช่วยได้ แต่ปริมาณส่วนผสมที่หลากหลายและเข้มข้นสูงจะเพิ่มความเสี่ยงต่อความไม่เสถียร (การแยกชั้น, การเปลี่ยนแปลงเนื้อหรือลักษณะภายนอก) เมื่อเวลาผ่านไป สูตรที่เน้นสารสำคัญที่ละลายน้ำได้ (เช่น B3, HA, GlucoBright, Transamine, DMAE) ในเบสน้ำ/ซิลิโคน โดยมีอิมัลซิไฟเออร์/สารช่วยกระจายตัวและสารกันเสียที่เหมาะสม มักจะมีความเสถียรมากกว่าค่ะ
- ตามที่ทีมงานแจ้ง SiliSolve Plus ต้องใช้เครื่องปั่นในการผสม ไม่สามารถคนด้วยมือได้ เพื่อให้เข้ากันได้ดี
เกี่ยวกับสูตรที่ปรับปรุงและปัญหาความเหนอะหนะ:
- คุณสอบถามเกี่ยวกับความเหนอะหนะของสูตรที่เพิ่ม Transamine (3%), DMAE (3%), Safe B3 (5%), GlucoBright (4%) ในเบส Hyaluronic Preserve Free และลดปริมาณน้ำลง
- ตามที่ทีมงานยืนยัน DMAE เป็นส่วนผสมหลักในกลุ่มที่คุณกล่าวถึงที่ทำให้เกิดความเหนอะหนะ แม้ใช้ที่ 3% ปริมาณสารสำคัญที่เพิ่มเข้ามานี้ (3+3+5+4 = 15%) บวกกับเบส HA และส่วนผสมอื่นๆ จากสูตรเริ่มต้น (ซิลิโคน, SiliSolve Plus ฯลฯ) จะทำให้ปริมาณส่วนผสมรวมสูงมาก ซึ่งจะส่งผลให้เนื้อเหนอะหนะ โดยเฉพาะสำหรับคนผิวมันถึงผิวธรรมดาค่ะ
คำแนะนำเพื่อปรับปรุงเนื้อสัมผัส (ให้ข้น นุ่มลื่น ซึมไว และเหนอะหนะน้อยลง):
- ลดปริมาณสารสำคัญรวม: ปริมาณสารสำคัญรวม (35-36% ในตอนแรก และเพิ่มขึ้นในภายหลัง) ถือว่าสูงมากสำหรับเซรั่มที่ต้องการให้ซึมไวและไม่เหนอะหนะ การลดปริมาณสารสำคัญรวมจะช่วยปรับปรุงเนื้อสัมผัสได้อย่างมาก
- ลดหรือตัด DMAE: เนื่องจาก DMAE เป็นสาเหตุหลักของความเหนอะหนะ การลดปริมาณหรือตัดออกจะช่วยให้เนื้อสัมผัสเหนอะหนะน้อยลง ซึ่งสำคัญมากสำหรับคนผิวมันและผิวธรรมดา
- พิจารณาการใช้วิตามินที่ละลายน้ำมัน (A & E) อีกครั้ง: หากเป้าหมายคือเซรั่มเบสน้ำ/ซิลิโคนที่ไม่เหนอะหนะ ควรหลีกเลี่ยงวิตามินที่ละลายน้ำมัน เว้นแต่คุณจะทำสูตรอิมัลชันที่มีเฟสน้ำมันและอิมัลซิไฟเออร์ที่เหมาะสม ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์คนละประเภทกัน
- ใช้สารสร้างเนื้อเจล (Gel Maker): หากต้องการเนื้อที่ข้นขึ้นโดยไม่พึ่งพาสารสำคัญที่เข้มข้นสูงซึ่งอาจทำให้เหนอะหนะ ลองพิจารณาใช้สารสร้างเนื้อเจลที่ละลายน้ำได้ (เช่น Pro Polymer) ในเฟสน้ำ ซึ่งจะช่วยควบคุมความหนืดได้โดยไม่ขึ้นกับความเข้มข้นของสารสำคัญ
- ปรับส่วนผสมให้เหมาะกับสภาพผิว: สำหรับคนผิวมันและผิวธรรมดา มักจะชอบเซรั่มที่บางเบา ซึมไว จึงควรใช้ส่วนผสมที่อาจทำให้เหนอะหนะ (เช่น DMAE และสารให้ความชุ่มชื้น/สารสำคัญในปริมาณสูงมาก) ในความเข้มข้นที่ต่ำลง ผิวแห้งอาจทนต่อสารให้ความชุ่มชื้นที่เข้มข้นสูงกว่าได้เล็กน้อย แต่ความเหนอะหนะที่มากเกินไปมักไม่เป็นที่ต้องการสำหรับทุกสภาพผิวค่ะ
เกี่ยวกับกลิ่น:
- ตามที่ได้กล่าวไป สารสำคัญที่คุณเพิ่มเข้ามา (Transamine, DMAE, Safe B3, GlucoBright) ไม่มีกลิ่นแรง จึงไม่น่าจะทำให้กลิ่นโดยรวมของเซรั่มเปลี่ยนแปลงไปมากนักค่ะ
สรุปคือ เพื่อให้ได้เซรั่มที่เหนอะหนะน้อยลง ซึมไวขึ้น แต่ยังคงเนื้อสัมผัสที่ดี คุณจำเป็นต้องลดปริมาณส่วนผสมรวมลง โดยเฉพาะส่วนผสมที่ทราบว่าทำให้เหนอะหนะ เช่น DMAE พิจารณาใช้สารสร้างเนื้อเจลเพื่อควบคุมความหนืด และเลือกใช้สารสำคัญโดยคำนึงถึงคุณสมบัติการละลายและผลต่อเนื้อสัมผัสค่ะ
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Vitamin E (Tocopheryl Acetate)

Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)

GlucoBright™ (Acetyl Glucosamine)

Cyclopentasiloxane (Low-Odor Cyclomethicone)

Vitamin A Palmitate (retinyl palmitate, 1MIU/g)

Silicone Gel (Ultra Clear, Super Silky)

Pro Polymer™ (Gel Maker)

Double Hyaluron Liquid

DMAE (SkinTight MD™) Liquid

SiliSolve Plus™

Tranexamic Acid (Trans-White™)
