การพัฒนาสูตรเซรั่ม: เบสซิลิโคนสูงร่วมกับส่วนน้ำและการปรับค่า pH
คำถาม
กำลังพยายามพัฒนาสูตรเซรั่มที่ให้ความชุ่มชื้น เนื้อเหลวแต่มีความหนืดเล็กน้อย ใส ไม่มีสี เหมาะสำหรับผิวหน้ามัน ขาดน้ำ แพ้ง่าย และมีแนวโน้มเป็นสิว ได้ร่างสูตรไว้ดังนี้:
- Cyclomethicone (39%)
- Silicone Gel (34%)
- Hyaluronic Acid (Nano) (0.5%)
- สารสกัดว่านหางจระเข้ (3%)
- Phenoxyethanol (0.5%)
- Polysorbate 20 (7%)
- น้ำกลั่น (16%)
รวมซิลิโคน 73% และส่วนน้ำ 26.5%
มีคำถามเกี่ยวกับสูตรนี้ดังนี้ค่ะ:
- ส่วนผสมทั้งหมดนี้ใช้ร่วมกันได้เหมาะสมที่จะเป็นเซรั่มตามที่ตัวเองต้องการใช่หรือไม่คะ
- ต้องใส่อะไรเพิ่มเติมหรือไม่คะ
- เรื่องของ%ต้องปรับอะไรไหมคะ
- ต้องแก้ไขอะไรเพิ่มเติมไหมคะ
- อยากให้แนะนำเรื่องการวัดค่า pH และการปรับค่า pH ด้วยค่ะ
คำตอบ
คำแนะนำสำหรับการทำเซรั่ม
สวัสดีค่ะ!
เป็นเรื่องที่ดีมากที่คุณสนใจทำเซรั่มใช้เองและได้ศึกษาข้อมูลเบื้องต้นมาแล้วค่ะ ความตั้งใจแบบนี้จะช่วยให้คุณพัฒนาฝีมือในการทำเครื่องสำอางได้แน่นอนค่ะ เรามาดูสูตรที่คุณคิดไว้และคำถามของคุณกันนะคะ โดยจะอิงจากเป้าหมายของคุณและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญที่ให้ไว้ค่ะ
การพิจารณาสูตรที่คุณเสนอ
เป้าหมายของคุณคือเซรั่มที่ให้ความชุ่มชื้น เนื้อเหลวแต่มีความหนืดเล็กน้อย ใส ไม่มีสี เหมาะสำหรับผิวหน้ามัน ขาดน้ำ แพ้ง่าย และมีแนวโน้มเป็นสิว สูตรที่คุณเสนอประกอบด้วย:
- Cyclomethicone (39%)
- Silicone Gel (34%)
- Hyaluronic Acid (Nano) (0.5%)
- Aloe Vera Extract (3%)
- Phenoxyethanol (0.5%)
- Polysorbate 20 (7%)
- น้ำกลั่น (16%)
ปริมาณซิลิโคนทั้งหมด (Cyclomethicone + Silicone Gel) คือ 73% และส่วนของน้ำ (น้ำ + Hyaluronic Acid + Aloe Vera + Polysorbate 20) คือ 26.5% (Phenoxyethanol คือ 0.5%)
จากคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ มีประเด็นสำคัญบางอย่างที่ควรพิจารณาค่ะ:
- ปริมาณซิลิโคนสูงเกินไป: ปริมาณซิลิโคนรวม 73% ถือว่าสูงมากค่ะ แม้ซิลิโคนจะให้ความรู้สึกที่ดีและเป็นเบสได้ แต่ปริมาณที่สูงขนาดนี้จะทำให้การผสานส่วนของน้ำทำได้ยาก อาจทำให้สูตรไม่เสถียรหรือแยกชั้นได้ค่ะ
- Polysorbate 20 เป็นสารประสาน: Polysorbate 20 มักใช้เพื่อละลายน้ำมันปริมาณน้อยในน้ำปริมาณมาก (ระบบ Oil-in-Water) ไม่เหมาะสำหรับการผสานส่วนของน้ำปริมาณมากเข้ากับเบสซิลิโคน (ระบบ Water-in-Silicone) ซึ่งเป็นแนวทางของสูตรคุณที่มีซิลิโคนสูง นี่เป็นสาเหตุหลักที่อาจทำให้สูตรของคุณแยกชั้นค่ะ
- ความเข้มข้นของสารออกฤทธิ์: ความเข้มข้นรวมของสารออกฤทธิ์หลักของคุณ (Hyaluronic Acid และ Aloe Vera Extract) คือ 3.5% แม้จะเป็นส่วนผสมที่ดีในการให้ความชุ่มชื้นและปลอบประโลมผิว แต่การเพิ่มปริมาณสารออกฤทธิ์รวมเป็นประมาณ 10% จะช่วยให้เห็นผลชัดเจนยิ่งขึ้นสำหรับปัญหาผิวของคุณ (ความชุ่มชื้น การปลอบประโลม และอาจรวมถึงส่วนผสมควบคุมความมันหรือลดสิว)
- สารสกัดว่านหางจระเข้และสารสร้างเนื้อ: ตามที่ผู้เชี่ยวชาญได้ให้คำแนะนำไว้ สารสกัดว่านหางจระเข้มีอิเล็กโทรไลต์ที่สามารถรบกวนความหนืดของสารสร้างเนื้อบางชนิด ทำให้เนื้อเซรั่มเหลวลงได้ค่ะ
การตอบคำถามของคุณ
ส่วนผสมทั้งหมดนี้ใช้ร่วมกันได้เหมาะสมที่จะเป็นเซรั่มตามที่ตัวเองต้องการใช่หรือไม่: จากส่วนประกอบ โดยเฉพาะปริมาณซิลิโคนและการใช้ Polysorbate 20 สูตรนี้ตามที่เขียนไว้น่าจะไม่เสถียรและไม่สามารถให้เนื้อสัมผัสและความใสตามที่คุณต้องการได้ค่ะ จำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนอย่างมาก
ต้องใส่อะไรเพิ่มเติมหรือไม่: ใช่ค่ะ คุณจำเป็นต้องใช้สารประสานหรือสารสร้างเนื้อที่เหมาะสม ซึ่งสามารถผสานส่วนของน้ำ (ที่มี Hyaluronic Acid และ Aloe Vera) เข้ากับเบสซิลิโคนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยให้สูตรคงตัว Polysorbate 20 ไม่เหมาะกับสูตรนี้ค่ะ คุณอาจพิจารณาเพิ่มสารออกฤทธิ์อื่นๆ ที่ดีต่อผิวหน้ามัน ขาดน้ำ แพ้ง่าย เป็นสิว เช่น Niacinamide, Panthenol หรือสารสกัดเฉพาะทางที่ช่วยปลอบประโลม/ลดสิว โดยคำนึงถึงการละลายและความเข้ากันได้กับเบสด้วยค่ะ
เรื่องของ%ต้องปรับอะไรไหม: จำเป็นต้องปรับอย่างมากค่ะ ปริมาณซิลิโคนรวมควรลดลง ควรอยู่ที่ต่ำกว่า 60% เพื่อให้สูตรเสถียรและผสานส่วนของน้ำได้ดีขึ้น ปริมาณสารออกฤทธิ์รวมสามารถเพิ่มขึ้นได้ถึงประมาณ 10% เพื่อประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น ปริมาณของสารประสาน/สารสร้างเนื้อจะขึ้นอยู่กับชนิดของสารที่เลือกใช้และเนื้อสัมผัสที่ต้องการ และอาจต้องมีการปรับอย่างละเอียด โดยเฉพาะเมื่อมีการใช้สารสกัดว่านหางจระเข้ร่วมด้วยค่ะ
ต้องแก้ไขอะไรเพิ่มเติมไหม: ใช่ค่ะ การแก้ไขหลักคือการเปลี่ยน Polysorbate 20 เป็นระบบอิมัลชันที่เหมาะสมสำหรับสูตรเบสซิลิโคน ซึ่งสามารถรองรับส่วนของน้ำและอิเล็กโทรไลต์จากว่านหางจระเข้ได้ วิธีการผสมก็สำคัญเช่นกัน โดยทั่วไปแล้ว ส่วนของน้ำจะถูกเติมลงในส่วนของซิลิโคนอย่างช้าๆ พร้อมกับการคน เมื่อใช้สารประสานแบบ W/Si หรือเบสซิลิโคนเจลอีลาสโตเมอร์ค่ะ
อยากให้แนะนำเรื่องการวัดค่าphและการปรับค่าphด้วยค่ะ:
- ทำไมต้องวัดค่า pH? ค่า pH ของเซรั่มมีความสำคัญต่อความเข้ากันได้กับผิว (ผิวมีสภาพเป็นกรดอ่อนๆ ประมาณ 4.5-5.5) ความเสถียรของผลิตภัณฑ์ และประสิทธิภาพของสารออกฤทธิ์บางชนิด โดยทั่วไป ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าควรมีค่า pH อยู่ในช่วง 4.5 ถึง 6.5 ค่ะ
- วิธีการวัด: ใช้เครื่องวัดค่า pH ที่ปรับเทียบแล้ว หรือใช้กระดาษวัดค่า pH สำหรับเครื่องสำอางโดยเฉพาะ กระดาษวัดค่า pH ทั่วไปอาจไม่แม่นยำสำหรับสูตรเครื่องสำอางบางชนิดค่ะ
- วิธีการปรับ: หลังจากผสมเซรั่มเข้ากันดีแล้ว ให้วัดค่า pH หากต้องการปรับ:
- ต้องการลดค่า pH (ให้เป็นกรดมากขึ้น): ค่อยๆ เติมสารละลายกรดอ่อนๆ เช่น สารละลาย Citric Acid (ความเข้มข้นประมาณ 10%) ทีละน้อย คนให้เข้ากันดี แล้ววัดค่าใหม่ จนกว่าจะได้ค่า pH ที่ต้องการค่ะ
- ต้องการเพิ่มค่า pH (ให้เป็นด่างมากขึ้น): ค่อยๆ เติมสารละลายด่างอ่อนๆ เช่น สารละลาย Sodium Hydroxide (NaOH) หรือ Triethanolamine (TEA) (ความเข้มข้นประมาณ 10%) ทีละน้อย คนให้เข้ากันดี แล้ววัดค่าใหม่ จนกว่าจะได้ค่า pH ที่ต้องการค่ะ
- ควรปรับค่า pH เป็นขั้นตอนสุดท้ายเสมอค่ะ
แนวทางการปรับปรุงสูตร
แทนที่จะพยายามปรับเปลี่ยนสูตรเดิมโดยตรง อาจมีประสิทธิภาพมากกว่าหากเริ่มต้นจากเบสที่ออกแบบมาเพื่อผสานส่วนของน้ำเข้ากับซิลิโคนได้ดี เช่น ซิลิโคนเจลอีลาสโตเมอร์ (อย่าง Silicone Gel (Ultra Clear, Super Silky) หรือ Silicone Gel 9040) หรือสารประสานแบบ Water-in-Silicone โดยเฉพาะ จากนั้นจึงค่อยๆ สร้างสูตรของคุณรอบๆ เบสนี้ ค่อยๆ ผสานส่วนของน้ำที่มี Hyaluronic Acid และ Aloe Vera Extract เข้าไป ปรับปริมาณส่วนผสมต่างๆ เพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสและความเข้มข้นของสารออกฤทธิ์ตามที่คุณต้องการ โดยรักษาสัดส่วนซิลิโคนรวมให้ต่ำกว่า 60% ค่ะ
จำไว้ว่าการทำสูตรเครื่องสำอางต้องอาศัยการทดลอง โดยเฉพาะเมื่อใช้ส่วนผสมที่อาจส่งผลต่อความหนืดอย่างสารสกัดว่านหางจระเข้ ให้เริ่มต้นจากการทำในปริมาณน้อยๆ และค่อยๆ ปรับเปลี่ยนสัดส่วนตามผลลัพธ์ที่ได้ค่ะ
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Aloe Vera Extract (อัตราสกัด 10:1 FullAssay™)

Phenoxyethanol (Extra Pure)

Cyclopentasiloxane (Low-Odor Cyclomethicone)

Polysorbate 20 (Tween 20)

Silicone Gel (Ultra Clear, Super Silky)

Phenoxyethanol SA (eq. Optiphen Plus)

Hyaluronic Acid (Nano Molecule, 800daltons)
