การทำเอสเซนต์วิตามินซีเนื้อเจล (100มล.)

การทำเอสเซนต์ที่มีส่วนผสมของ L-Ascorbic Acid (วิตามินซี) อาจมีความท้าทาย เนื่องจากวิตามินซีชนิดนี้ไม่เสถียรและสลายตัวได้ง่ายเมื่อละลายในน้ำ การใช้ร่วมกับ Vitamin E และ Ferulic Acid ดังเช่นในชุด Vitamin C E Ferulic เป็นแนวทางที่ดี เนื่องจากส่วนผสมนี้ช่วยเพิ่มความเสถียรและประสิทธิภาพ

ในการทำเอสเซนต์เนื้อเจลใสขนาด 100มล. ที่มี L-Ascorbic Acid 15-20% คุณจะต้องใช้วัตถุดิบหลักหลายชนิด:

วัตถุดิบหลัก:

• L-Ascorbic Acid (ผงวิตามินซี): คุณสามารถใช้ Vitamin C (L-ascorbic acid) (Ultra-Fine), Vitamin C (L-ascorbic acid) (Fine), หรือ Vitamin C (L-ascorbic acid) (Standard) สำหรับความเข้มข้น 15% ใช้ 15 กรัม และสำหรับ 20% ใช้ 20 กรัม เกรด Ultra-Fine จะละลายง่ายที่สุด
• ระบบตัวทำละลาย: โดยทั่วไปใช้น้ำบริสุทธิ์ร่วมกับไกลคอล เช่น Propylene Glycol หรือ Ethoxydiglycol เพื่อช่วยละลาย L-Ascorbic Acid และ Ferulic Acid รวมถึงช่วยในการซึมสู่ผิว
• สารต้านอนุมูลอิสระ/สารช่วยให้คงตัว:
  • Pure-Ferulic Acid™: ช่วยให้วิตามินซีคงตัวและมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ มักใช้ที่ความเข้มข้น 0.5-1%
  • Vitamin E (dl-alpha tocopherol): สารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ทำงานเสริมฤทธิ์กับวิตามinซีและ Ferulic Acid มักใช้ที่ความเข้มข้น 0.5-1%
• สารขึ้นเนื้อเจล: เพื่อให้ได้เนื้อเจลใส คุณต้องเลือกสารที่ทำงานได้ดีในสภาวะ pH ต่ำ (L-Ascorbic Acid ต้องการ pH ประมาณ 2.5-3.5 เพื่อความเสถียรและการดูดซึมเข้าสู่ผิว) ตัวเลือกที่เหมาะสมได้แก่:
  • Hydroxyethyl Cellulose (HEC): มีหลายความหนืด เช่น Hydroxyethyl Cellulose (HEC) (4500mPa.s), Hydroxyethyl Cellulose (HEC) (2800mPa.s), หรือ Hydroxyethyl Cellulose (HEC) (2000mPa.s) (Super Clear Gel) อัตราการใช้ประมาณ 0.5-3% ขึ้นอยู่กับความหนืดที่ต้องการ HEC ต้องใช้ความร้อนช่วยในการละลาย
  • Poly-Protect (Hydrolyzed Sclerotium Gum): เป็นสารจากธรรมชาติที่ช่วยสร้างเนื้อเจลได้ มักใช้ที่ความเข้มข้น 0.5-2% ควรหลีกเลี่ยงความร้อนเกิน 60°C
• สารปรับค่า pH: สารที่มีความเป็นกรด เช่น สารละลาย Citric Acid มีความสำคัญอย่างยิ่งในการปรับค่า pH ให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสม (2.5-3.5) เพื่อความเสถียรและประสิทธิภาพของ L-Ascorbic Acid
• สารกันเสีย: จำเป็นสำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบ เพื่อป้องกันการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและเชื้อรา เลือกชนิดที่ครอบคลุมและทำงานได้ดีใน pH ต่ำ
• สารคีเลต (แนะนำ): เช่น Disodium EDTA ช่วยจับไอออนโลหะที่อาจทำให้ L-Ascorbic Acid สลายตัวได้

ขั้นตอนการผสมเบื้องต้น:

1. เตรียมระบบตัวทำละลาย (น้ำและไกลคอล)
2. ค่อยๆ ละลาย L-Ascorbic Acid, Ferulic Acid, และ Vitamin E ในระบบตัวทำละลาย Ferulic Acid อาจต้องใช้ความร้อนอ่อนๆ และ/หรือตัวทำละลายร่วมอย่าง Ethoxydiglycol เพื่อช่วยให้ละลายหมด
3. หากใช้ HEC เป็นสารขึ้นเนื้อเจล ให้อุ่นส่วนของน้ำให้ได้ประมาณ 70°C แล้วค่อยๆ โปรยผง HEC ลงไปในน้ำร้อนพร้อมคนอย่างต่อเนื่องจนขึ้นเนื้อเจลและละลายหมด หากใช้ Sclerotium Gum ให้เติมลงในส่วนของน้ำและผสมโดยไม่ใช้ความร้อนเกิน 60°C
4. เมื่อได้เนื้อเจลแล้วและเย็นลง (หากมีการใช้ความร้อน) ให้เติมส่วนผสมของวิตามินซี, Ferulic Acid, และ Vitamin E ที่ละลายไว้ลงไป
5. เติมสารกันเสียและสารคีเลต (ถ้าใช้)
6. ขั้นตอนสำคัญคือ การวัดค่า pH ด้วยเครื่องวัด pH หรือกระดาษวัด pH ที่เชื่อถือได้
7. ค่อยๆ เติมสารละลาย Citric Acid ทีละน้อย คนให้เข้ากันหลังเติมแต่ละครั้ง จนกว่าค่า pH จะอยู่ในช่วง 2.5-3.5
8. ผสมให้เข้ากันดีเพื่อให้ส่วนผสมกระจายตัวสม่ำเสมอ
9. บรรจุเอสเซนต์ลงในภาชนะทึบแสงและปิดสนิท เพื่อป้องกันแสงและอากาศ ซึ่งอาจทำให้เกิดการสลายตัวได้

ชุด Vitamin C E Ferulic ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้กระบวนการนี้ง่ายขึ้น โดยมีส่วนผสมที่ตวงไว้แล้วและคำแนะนำในการทำเซรั่มที่เสถียร ซึ่งอาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีก่อนที่จะลองทำในรูปแบบเจลโดยใช้วัตถุดิบแยกแต่ละชนิด

โปรดจำไว้ว่าการทำสูตรที่มี L-Ascorbic Acid ต้องใส่ใจอย่างยิ่งในเรื่องค่า pH, ความเข้ากันได้ของส่วนผสม, และสภาวะการเก็บรักษา เพื่อรักษาประสิทธิภาพและความเสถียรของผลิตภัณฑ์