ความแตกต่างระหว่างเจลว่านหางจระเข้ และความเข้ากันได้ของส่วนผสม

สำหรับความแตกต่างระหว่าง Aloe Vera Gel (Lite) และ Aloe Vera Gel (Heavy) ความแตกต่างหลักอยู่ที่สารที่ใช้สร้างเนื้อเจล ซึ่งส่งผลต่อความรู้สึกบนผิว Aloe Vera Gel (Lite) ใช้ Pro Polymer Silk ทำให้ได้เนื้อที่บางเบา ลื่น และไม่เหนอะหนะ ซึมซาบเร็ว ส่วน Aloe Vera Gel (Heavy) ใช้ Pro Polymer มาตรฐาน ทำให้ได้เนื้อที่หนักกว่าเล็กน้อย ใกล้เคียงกับเจลว่านหางจระเข้ธรรมชาติ และอาจรู้สึกเหนอะหนะในช่วงแรก สำหรับผิวหน้ามัน แนะนำให้ใช้ Aloe Vera Gel (Lite) เนื่องจากให้ความรู้สึกที่บางเบากว่า

สำหรับรายการส่วนผสมที่คุณแจ้งว่าต้องการนำมาผสมในเบสเจลว่านหางจระเข้ (Copper Peptide 3%, Safe-B3 5%, Centella Asiatica Extract 2%, Vitamin E 1%, Wrinkle-Fill™ 2%, Vitamin B12 2%, Licorice Extract 1%, Blueberry Pterostilbene 3%) โดยทั่วไปแล้วส่วนผสมเหล่านี้สามารถนำมารวมกันได้ แต่มีข้อควรพิจารณาที่สำคัญเกี่ยวกับความเข้ากันได้และการเตรียมสูตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาจากสภาพผิวของคุณ (ผิวมันแต่ขาดน้ำ) และการใช้งานร่วมกับ Dermaroller

ข้อควรพิจารณาเรื่องความเข้ากันได้และการเตรียมสูตร:

• Copper Peptide และ Disodium EDTA: จุดสำคัญคือ Copper Peptide ไม่เข้ากันกับ Disodium EDTA ประสิทธิภาพของ Copper Peptide จะลดลงเมื่อใช้ร่วมกับ Disodium EDTA รายการส่วนผสมของคุณมี Copper Peptide และคุณยังสอบถามเกี่ยวกับ Disodium EDTA ที่เกี่ยวข้องกับ Sym-White™ ซึ่งคำอธิบายของ Sym-White™ ระบุว่า Disodium EDTA ช่วยเพิ่มความเสถียร ดังนั้น คุณต้องเลือกระหว่างการใส่ Copper Peptide (และไม่ใส่ Disodium EDTA) หรือการใส่ Sym-White™ ร่วมกับ Disodium EDTA (และไม่ใส่ Copper Peptide) เนื่องจากคุณระบุ Copper Peptide ในสูตรที่คุณต้องการ จึงควรงดการใช้ Disodium EDTA ในส่วนผสมนี้
• Vitamin E: ตามคำแนะนำก่อนหน้านี้ การใช้ Vitamin E (Tocopheryl Acetate) ที่ความเข้มข้น 1% อาจทำให้รู้สึกเหนอะหนะ โดยเฉพาะสำหรับผิวหน้ามัน แนะนำให้ลดความเข้มข้นลงเหลือไม่เกิน 0.1% เพื่อให้เนื้อสัมผัสเบาขึ้น นอกจากนี้ Vitamin E (Tocopheryl Acetate) ละลายในน้ำมัน จึงจำเป็นต้องนำไปผสมกับน้ำมันหรือสารประสานเนื้อก่อนนำไปผสมในเบสเจลว่านหางจระเข้ซึ่งเป็นเบสที่ไม่มีน้ำมัน หากใช้เบสที่ไม่มีน้ำมัน จะต้องมีขั้นตอนเพิ่มเติมในการละลาย Vitamin E
• Pure-Pterostilbene™: ส่วนผสมนี้ต้องใช้ Ethanol หรือ Propylene Glycol ในการละลาย ซึ่งจำเป็นต้องเติมสารเหล่านี้ลงในสูตร หรือนำ Pterostilbene ไปละลายล่วงหน้าก่อนนำมาผสมในเบสเจล
• Wrinkle-Fill™: ส่วนผสมนี้มีฤทธิ์เป็นกรดและจะทำให้ค่า pH ของส่วนผสมสุดท้ายลดลง คุณจะต้องปรับค่า pH ของสูตรสุดท้ายเพื่อให้แน่ใจว่าส่วนผสมทั้งหมดมีความเสถียรและมีประสิทธิภาพ ช่วงค่า pH ที่เหมาะสมสำหรับส่วนผสมต่างๆ เช่น Vitamin B12 (4.0-6.5, เหมาะสมที่สุด 5.8), Copper Peptide (4.5-7.4) และ Sym-White™ (4-5) เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณา
• Vitamin B12: ส่วนผสมนี้ไวต่อแสงและวิตามินชนิดอื่น ควรเก็บผลิตภัณฑ์สุดท้ายในภาชนะทึบแสง
• Sym-White™ และ Disodium EDTA: สำหรับคำถามแยกต่างหากของคุณ Disodium EDTA ช่วยเพิ่มความเสถียรของ Sym-White™ แม้ว่าจะไม่จำเป็นอย่างยิ่งในทุกกรณี โดยเฉพาะหากใช้น้ำกลั่นและเก็บรักษาอย่างเหมาะสม แต่การไม่ใส่ Disodium EDTA อาจลดความเสถียรในระยะยาวของ Sym-White™ ในสูตรได้ โดยเฉพาะหากมีไอออนของโลหะอยู่ในน้ำ

เนื่องจากคุณวางแผนที่จะใช้ส่วนผสมนี้ร่วมกับ Dermaroller จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่สูตรสุดท้ายจะต้องปราศจากเชื้อและไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง จำเป็นต้องพิจารณาความเข้มข้นของส่วนผสม ความสามารถในการละลาย ค่า pH และปฏิกิริยาที่อาจเกิดขึ้นอย่างรอบคอบ

สรุปแล้ว แม้ว่าส่วนผสมเหล่านี้จะสามารถนำมารวมกันได้ แต่สูตรจำเป็นต้องมีการเตรียมอย่างระมัดระวัง การปรับค่า pH และการตัดสินใจเกี่ยวกับการใช้ Copper Peptide กับ Disodium EDTA (และผลกระทบต่อความเสถียรของ Sym-White™) นอกจากนี้ยังแนะนำให้ลดปริมาณ Vitamin E สำหรับผิวหน้ามัน