การพัฒนาสูตรโลชั่นบำรุงผิวเพื่อผิวกระจ่างใสและชุ่มชื้นเข้มข้น

ถามโดย: sujitra.turakit เมื่อ: February 05, 2019 ประเภทผลิตภัณฑ์: เครื่องสำอาง

คำถาม

ขอทราบวิธีการผสมครีมบำรุงผิวค่ะ Staff สามารถเพิ่มบางส่วนผสมที่คิดว่าน่าจะดีกว่า หรือแนะนำตัวที่คิดว่าเหนผลมากกว่าแน่ๆได้เลยค่ะหรือตัดส่วนผสมที่ไม่จำเปนหรือซ้ำซ้อนออกได้ค่ะ อยากได้โลชั่นทาตัว ที่เกลี่ยง่าย ซึมลงผิวเร็ว เนื้อหนักหรือเบาไม่ซีเรียสค่ะ แต่เน้นผิวขาว กระจ่างใสแบบขีดสุดคือเน้นหลักๆเรื่องปรับสีผิวให้ขาวขึ้น กระจ่างใสขึ้นค่ะ ต้องการความเข้มข้นที่เห็นผลรวดเรวและผลชัดเจนในแบบที่เปรียบเสมือนเปนมาร์คบำรุงผิวเหมือนสลิปปิ้งมาร์คเลยก้อได้ค่ะแต่อยุ่ในรุปของโลชั่นหรือครีมทาผิวตัว แต่ผลอยุ่ในระยะยาวค่ะ ไม่อยากได้แบบพอหยุดใช้สามวัน กลับมาดำทันที และให้ความชุ่มชื่นผิวค่ะเพราะผิวแห้งในระดับนึงแต่ไม่มาก ช่วยให้ผิวสามารถเก็บกักความชุ่มชื้นได้ดีและยาวนาน ระคายเคืองผิวได้ค่ะ ไม่ซีเรียส

ขออนุญาตบอกลักษณะผิวนะคะ ผิวคล้ำ และผิวคล้ำเสียจากแสงแดดแบบแขนกับขา เปนท่อนๆ ตัดกับสีผิวที่ตัวเลยค่ะ ผิวจะแห้งนิดหน่อย

ขอทราบวิธีการผสมจากรายการส่วนผสมที่สนใจดังนี้ค่ะ:

  1. DI Water ส่วนที่เหลือให้ครบ 100%
  2. Safe-B3 (Niacinamide) 10%
  3. GlucoBright (N-Acetyl Glucosamine) 4%
  4. Alpha Arbutin 2 %
  5. Active Resveratrol 3-5%
  6. Satin Cream Maker 1%
  7. Shea Butter (Ultra Soft) 5%
  8. Cyclomethicone / Cyclopentasiloxane (Low-Odor) 1%
  9. Phenoxyethanol SA 1%
  10. Vitamin C ชนิด L-ascorbic acid (Ultra-Fine) 15% และ Standard 15%
  11. MOIST72 (Saccharide Isomerate) 5%
  12. Nutto gum
  13. Kojic Acid Dipalmitate

กรุณาให้คำแนะนำวิธีการผสมและปรับปรุงสูตรเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการค่ะ

คำตอบ

สูตรโลชั่นบำรุงผิวเพื่อผิวกระจ่างใสและชุ่มชื้นเข้มข้น

ขอบคุณที่แบ่งปันสูตรที่คุณต้องการค่ะ คุณมีเป้าหมายในการทำโลชั่นบำรุงผิวที่ทรงพลังเพื่อจัดการกับปัญหาผิวคล้ำเสียจากแดดและผิวแห้ง โดยเน้นที่การปรับสีผิวให้ขาวกระจ่างใสอย่างเข้มข้นและยาวนาน พร้อมให้ความชุ่มชื้นและมีเนื้อสัมผัสที่เกลี่ยง่าย ซึมเร็วค่ะ

รายการส่วนผสมที่คุณให้มามีส่วนผสมที่ดีเยี่ยมหลายตัวสำหรับการปรับสีผิวและความชุ่มชื้น อย่างไรก็ตาม การใช้ L-ascorbic acid ในความเข้มข้นรวม 30% ในเนื้อโลชั่นนั้นเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างยิ่ง เนื่องจากความไม่เสถียรและแนวโน้มที่จะเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันได้ง่าย ซึ่งจะทำให้สูญเสียประสิทธิภาพอย่างรวดเร็วและอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองอย่างมากได้ สำหรับโลชั่นปรับสีผิวที่เสถียรและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับความเข้มข้นของสารออกฤทธิ์ที่สูง แนะนำให้ใช้รูปแบบของวิตามินซีที่มีความเสถียรมากกว่า หรือใช้การผสมผสานของสารปรับสีผิวที่ทรงพลังและเสถียรอื่นๆ ค่ะ

จากเป้าหมายของคุณที่ต้องการความขาวกระจ่างใสสูงสุด ผลลัพธ์ที่ยาวนาน ความชุ่มชื้น และความทนทานต่อการระคายเคืองที่อาจเกิดขึ้น ดิฉันขอเสนอสูตรปรับปรุงดังนี้ค่ะ สูตรนี้ผสมผสานสารปรับสีผิวที่มีประสิทธิภาพสูงหลายชนิดเข้ากับสารให้ความชุ่มชื้นที่ทรงพลัง เพื่อตอบโจทย์ปัญหาผิวของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สูตรโลชั่นบำรุงผิว (ปรับปรุง)

นี่คือสูตรที่เสนอซึ่งผสมผสานสารออกฤทธิ์ที่ทรงพลังและสารให้ความชุ่มชื้น:

  • DI Water: ส่วนที่เหลือให้ครบ 100%
  • Safe-B3 (Niacinamide): 10%
  • GlucoBright (Acetyl Glucosamine): 8%
  • Alpha Arbutin: 2%
  • Kojic Acid Dipalmitate: 3%
  • Sodium Ascorbyl Phosphate (SAP): 5% (วิตามินซีอนุพันธ์ที่มีความเสถียร)
  • Satin Cream Maker: 1.5%
  • Shea Butter (Ultra Soft): 5%
  • Cyclopentasiloxane: 5%
  • Xanthan Gum: 0.3%
  • Saccharide Isomerate (MOIST72): 5%
  • Phenoxyethanol SA: 1%

วิธีการผสม

  1. ส่วนน้ำ (Water Phase): รวม DI Water, Safe-B3, GlucoBright, Sodium Ascorbyl Phosphate, Saccharide Isomerate, และ Xanthan Gum เข้าด้วยกัน คนหรือผสมด้วยเครื่องปั่นจนผงทั้งหมดละลายและ Xanthan Gum พองตัวเป็นเนื้อเจลที่สม่ำเสมอ สามารถใช้ความร้อนอ่อนๆ (ต่ำกว่า 60°C) ช่วยในการละลายได้ แต่หลีกเลี่ยงการใช้ความร้อนเป็นเวลานาน โดยเฉพาะหลังจากเติม Sodium Ascorbyl Phosphate แล้ว
  2. ส่วนน้ำมัน (Oil Phase): ในภาชนะแยกต่างหาก รวม Shea Butter และ Cyclopentasiloxane เข้าด้วยกัน ให้ความร้อนอ่อนๆ ประมาณ 70°C จน Shea Butter ละลายหมด เติม Kojic Acid Dipalmitate และคนจนละลาย
  3. การทำอิมัลชัน: เติม Satin Cream Maker ลงในส่วนน้ำ และผสมสั้นๆ จากนั้นค่อยๆ เทส่วนน้ำมันลงในส่วนน้ำพร้อมกับผสมอย่างต่อเนื่อง ผสมต่อไปจนได้เนื้อโลชั่นที่เนียนสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงการผสมด้วยความเร็วสูง (เกิน 2500 รอบต่อนาที) เนื่องจากอาจทำให้ Satin Cream Maker เสียหายได้
  4. การทำให้เย็น: ปล่อยให้โลชั่นเย็นลงจนอุณหภูมิต่ำกว่า 30°C
  5. การใส่สารกันเสีย: เติม Phenoxyethanol SA และผสมให้เข้ากันดี
  6. การปรับค่า pH: สำคัญมาก ตรวจสอบค่า pH ของโลชั่นที่ได้ เพื่อความเสถียรและประสิทธิภาพสูงสุดของ Sodium Ascorbyl Phosphate ค่า pH ควรอยู่ในช่วง 7-8 ปรับค่า pH หากจำเป็นโดยใช้สารปรับค่า pH ที่เหมาะสมสำหรับเครื่องสำอาง
  7. การผสมครั้งสุดท้าย: ผสมสั้นๆ อีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี

สูตรนี้ให้การผสมผสานที่ทรงพลังของสารปรับสีผิว (Niacinamide, Acetyl Glucosamine, Alpha Arbutin, Kojic Acid Dipalmitate, และ Sodium Ascorbyl Phosphate) เพื่อเป้าหมายในการลดรอยดำและส่งเสริมสีผิวที่สว่างและสม่ำเสมอมากขึ้น Shea Butter และ Saccharide Isomerate ให้ความชุ่มชื้นที่สำคัญและยาวนานเพื่อต่อสู้กับความแห้งกร้าน อิมัลซิไฟเออร์และซิลิโคนที่เลือกใช้จะช่วยให้ได้เนื้อโลชั่นที่เกลี่ยง่ายและซึมซาบได้ดี ตรงตามความต้องการของคุณในด้านเนื้อสัมผัส พร้อมทั้งให้ผลลัพธ์ที่ทรงพลังค่ะ

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Alpha Arbutin (Switzerland)
Alpha Arbutin (Switzerland)
เครื่องสำอาง
Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)
Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)
เครื่องสำอาง
GlucoBright™ (Acetyl Glucosamine)
GlucoBright™ (Acetyl Glucosamine)
เครื่องสำอาง
Kojic Acid Dipalmitate
Kojic Acid Dipalmitate
เครื่องสำอาง
Cyclopentasiloxane (Low-Odor Cyclomethicone)
Cyclopentasiloxane (Low-Odor Cyclomethicone)
เครื่องสำอาง
Shea Butter (Ultra Soft)
Shea Butter (Ultra Soft)
เครื่องสำอาง
Satin Cream Maker™
Satin Cream Maker™
เครื่องสำอาง
Phenoxyethanol SA (eq. Optiphen Plus)
Phenoxyethanol SA (eq. Optiphen Plus)
เครื่องสำอาง
Sodium Ascorbyl Phosphate (Vitamin C SAP, e.q. Stay C50)
Sodium Ascorbyl Phosphate (Vitamin C SAP, e.q. Stay C50)
เครื่องสำอาง