การพัฒนาสูตรโลชั่นและครีมกันแดดเพื่อผิวกระจ่างใส และการเติมส่วนผสมในครีมสำเร็จรูป
คำถาม
มีคำถามเกี่ยวกับการพัฒนาสูตรเครื่องสำอางและการใช้ส่วนผสมดังนี้ค่ะ:
- จะพัฒนาสูตร โลชั่นทาตัวเพื่อผิวขาวกระจ่างใส ได้อย่างไร?
- จะพัฒนาสูตร ครีมทาหน้าพร้อมกันแดด SPF PA+++ 30 ได้อย่างไร?
- ได้ซื้อสารสกัดต่างๆ จาก eBay มา เช่น สารสกัดจากใบปอสา, สารสกัดโกจิเบอร์รี่, สารสกัดจากสับปะรด, สารสกัดจากมะละกอ, สารสกัดจากเปลือกทับทิม, สารสกัดจากถั่วเหลือง, สารสกัดจากมะขามป้อม, และสารสกัดจากรากชะเอมเทศ โดยมีสเปคระบุ เช่น 10:1, 50%, Ellagic acid 90%, SBOS 80%, และ Glycyrrhizic acid 20% จะนำสารสกัดเหล่านี้ไปใช้ในสูตรได้อย่างถูกต้องได้อย่างไร?
- หากต้องการเติม วิตามินบี 3 หรือส่วนผสมอื่นๆ ลงใน ครีมสำเร็จรูป (เช่น ครีมเบบี้มายด์) ที่ซื้อจากท้องตลาด (ซึ่งระบุส่วนผสมไว้มากแต่ไม่บอกปริมาณ) จำเป็นต้องเติมสารกันเสียเพิ่มหรือไม่?
- กระดาษลิตมัส ใช้ทำอะไรในการทำเครื่องสำอาง และควรตั้งเป้าหมายค่า pH ไว้ที่เท่าไหร่?
คำตอบ
การผสมโลชั่นทาตัวและครีมทาหน้าเพื่อผิวกระจ่างใส
สำหรับคำถามของคุณเกี่ยวกับการผสมโลชั่นทาตัวเพื่อให้ผิวกระจ่างใส ครีมทาหน้าพร้อมกันแดด SPF PA+++ 30 และการเติมส่วนผสมลงในครีมสำเร็จรูป:
สิ่งสำคัญอย่างยิ่งคือคุณต้องได้รับข้อมูลการใช้งานที่เฉพาะเจาะจง ปริมาณที่แนะนำ ความสามารถในการละลาย และข้อมูลความคงตัวโดยตรงจากผู้จำหน่ายสำหรับสารสกัดแต่ละตัวที่คุณซื้อมาจาก eBay (สารสกัดจากใบปอสา, สารสกัดโกจิเบอร์รี่, สารสกัดจากสับปะรด, สารสกัดจากมะละกอ, สารสกัดจากเปลือกทับทิม, สารสกัดจากถั่วเหลือง, สารสกัดจากมะขามป้อม, สารสกัดจากรากชะเอมเทศ) วิธีการสกัดและการกำหนดมาตรฐานที่แตกต่างกันส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มีคุณสมบัติและแนวทางการใช้งานที่แตกต่างกันมาก หากไม่มีข้อมูลที่เฉพาะเจาะจงนี้ จะไม่สามารถให้คำแนะนำการผสมที่แม่นยำหรือปริมาณที่แนะนำสำหรับสารสกัดของคุณได้
ฉันได้ทำการค้นหาสารสกัดที่คุณระบุไว้แล้ว แต่ไม่พบข้อมูลของสารสกัดเวอร์ชันที่ตรงกับสเปคที่คุณกล่าวถึง (เช่น 10:1, 50%, Ellagic acid 90%, SBOS 80%, Glycyrrhizic acid 20%) ในฐานข้อมูลของเรา ดังนั้น ฉันจึงไม่สามารถให้คำแนะนำที่เฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับวิธีการนำสารสกัด ของคุณ ไปใช้ในการผสมได้
อย่างไรก็ตาม นี่คือข้อมูลทั่วไปบางประการ:
โลชั่นทาตัวเพื่อผิวขาวกระจ่างใส
การทำโลชั่นจำเป็นต้องมีส่วนประกอบพื้นฐาน เช่น ส่วนของน้ำ (Water Phase), ส่วนของน้ำมัน/อีโมเลียนท์ (Oil Phase), สารทำอิมัลชัน (Emulsifier) เพื่อช่วยให้น้ำและน้ำมันเข้ากัน, สารเพิ่มความหนืด (Thickener), สารกันเสีย (Preservative) และสารออกฤทธิ์ (Active Ingredients) ที่ช่วยให้ผิวกระจ่างใส
สารสกัดที่คุณมีหลายตัวอาจมีคุณสมบัติช่วยเรื่องความกระจ่างใสได้ เช่น สารสกัดจากเปลือกทับทิม (Ellagic acid), สารสกัดจากถั่วเหลือง (Soybean extract), สารสกัดจากมะขามป้อม (Emblica extract), และสารสกัดจากรากชะเอมเทศ (Licorice root extract) อย่างไรก็ตาม ในการนำสารสกัดเหล่านี้ไปใช้ในสูตรได้อย่างถูกต้อง จำเป็นต้องทราบข้อมูลจากผู้จำหน่าย เช่น ความสามารถในการละลาย (ละลายในน้ำ น้ำมัน หรือแอลกอฮอล์), ช่วง pH ที่เหมาะสม, ความคงตัวต่อความร้อนหรือแสง, และปริมาณที่แนะนำในการใช้
ส่วนผสมอื่นๆ ที่นิยมใช้เพื่อผิวกระจ่างใสในโลชั่น ได้แก่ วิตามินบี 3 (Niacinamide), อัลฟ่า อาร์บูติน (Alpha Arbutin), และวิตามินซีในรูปแบบต่างๆ (เช่น Ascorbyl Glucoside, Sodium Ascorbyl Phosphate)
ครีมทาหน้าพร้อมกันแดด SPF PA+++ 30
การทำผลิตภัณฑ์กันแดดเพื่อให้ได้ค่า SPF และ PA ตามที่ต้องการ (เช่น SPF 30 PA+++) เป็นกระบวนการที่ซับซ้อนมาก ไม่สามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยการผสมสารกันแดดลงในเบสครีมทั่วไปได้
จำเป็นต้องใช้สารกรองรังสี UV (UV Filters) ในปริมาณที่เหมาะสม ซึ่งมีทั้งแบบ Physical Filters (เช่น Zinc Oxide, Titanium Dioxide) และ Chemical Filters
สูตรกันแดดต้องผ่านการทดสอบประสิทธิภาพ (In-vivo testing) ในห้องปฏิบัติการเฉพาะทาง เพื่อยืนยันค่า SPF และ PA ที่ระบุบนฉลาก
ดังนั้น การทำครีมกันแดดที่มีค่า SPF/PA ที่แน่นอนด้วยตัวเองจึงเป็นเรื่องที่ทำได้ยากและไม่แนะนำ หากไม่มีความเชี่ยวชาญและเครื่องมือทดสอบที่เหมาะสม
การผสมวิตามินบี 3 และสารกันเสียในครีมเบบี้มายด์สำเร็จรูป
ตามที่ได้มีการตอบไปในกระทู้ก่อนหน้านี้ ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปที่วางขายทั่วไป (เช่น ครีมเบบี้มายด์) มีการผสมสารกันเสียในปริมาณที่เพียงพอต่อการป้องกันเชื้อจุลินทรีย์ตลอดอายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์อยู่แล้ว
หากคุณต้องการเติมวิตามินบี 3 (ซึ่งโดยทั่วไปละลายน้ำได้ดี) ลงในครีมเบบี้มายด์ คุณสามารถทำได้โดย ไม่จำเป็นต้องเติมสารกันเสียเพิ่ม เนื่องจากระบบกันเสียในครีมเดิมจะยังคงทำงานอยู่
อย่างไรก็ตาม การเติมสารใดๆ ลงในผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปอาจส่งผลต่อความคงตัวของเนื้อครีมได้ ควรทดลองในปริมาณน้อยๆ ก่อน
การใช้กระดาษลิตมัส
กระดาษลิตมัสใช้สำหรับวัดค่า pH (ความเป็นกรด-ด่าง) ของสารละลาย
คุณต้องการวัดค่า pH ของอะไร และต้องการให้ได้ค่าเท่าไหร่คะ? โดยทั่วไปผลิตภัณฑ์บำรุงผิวจะมีค่า pH ที่เหมาะสมกับผิว (ประมาณ pH 4.5-5.5) การปรับ pH อาจจำเป็นเมื่อใช้สารออกฤทธิ์บางชนิด
คำแนะนำเพิ่มเติม:
เพื่อให้สามารถใช้สารสกัดที่คุณมีได้อย่างถูกต้องและปลอดภัยที่สุด แนะนำให้ติดต่อผู้จำหน่ายที่คุณซื้อมาโดยตรง เพื่อขอเอกสารข้อมูลผลิตภัณฑ์ (Certificate of Analysis - CoA หรือ Technical Data Sheet - TDS) ซึ่งจะระบุรายละเอียดสำคัญ เช่น สเปคสารสำคัญ, ปริมาณแนะนำในการใช้, วิธีการละลาย, ข้อควรระวัง และข้อมูลความคงตัว
หากต้องการทำโลชั่นหรือครีมบำรุงผิวด้วยตัวเอง ควรเริ่มต้นจากการใช้เบสครีมสำเร็จรูปที่ออกแบบมาสำหรับการเติมสารสกัด (Cream Base) หรือเรียนรู้วิธีการทำเนื้อครีมพื้นฐานโดยใช้สารทำอิมัลชันและสารสร้างเนื้อต่างๆ ซึ่งมีจำหน่ายทั่วไปสำหรับทำเครื่องสำอาง
ฉันได้ค้นหาข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับส่วนผสมที่คุณกล่าวถึงและส่วนผสมที่นิยมใช้เพื่อผิวกระจ่างใสและกันแดดในฐานข้อมูลของเรา เพื่อเป็นข้อมูลประกอบ แต่โปรดจำไว้ว่าข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ตรงกับสเปคของสารสกัดที่คุณซื้อมาโดยตรง
- Licorice Extract (Glabridin 4.5%, Water-Soluble) (ID 7798)
- Pure-Glabridin™ Licorice Extract (Glabridin 90%) (ID 1502)
- Hi-Glabridin™ Licorice Extract (Glabridin 40%) (ID 1503)
- Licorice Extract (Licochalcone A 20%) (ID 1504)
- Licorice Extract (Licochalcone A 1%, Water-Soluble) (ID 69)
- Pomegranate Sterols (ID 6974)
- Papaya Enzyme (Papain) (ID 1036)
- Pineapple Enzyme (Bromelain) (ID 1077)
- Tryptic-Soy™ (ID 125264)
เนื่องจากฉันไม่สามารถให้สูตรที่เฉพาะเจาะจงสำหรับสารสกัดที่คุณมีได้ในขณะนี้ คำตอบนี้จึงเน้นให้ข้อมูลทั่วไปและคำแนะนำในการหาข้อมูลเพิ่มเติมค่ะ
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Licorice Extract (Licochalcone A 1%, Water-Soluble)

Papaya Enzyme (Papain)

Pineapple Enzyme (Bromelain)

Pure-Glabridin™ Licorice Extract (Glabridin 90%)

Hi-Glabridin™ Licorice Extract (Glabridin 40%)

Hi-LiconeA™ Licorice Extract (Licochalcone A 20%)

Pomegranate Sterols

Licorice Extract (Glabridin 4.5%, Water-Soluble)
