การพัฒนาสูตรไวท์เทนนิ่งเซรั่มด้วย Water-Capsule: ขั้นตอนผสม, ความเข้ากันได้, และเนื้อสัมผัส
คำถาม
กำลังพัฒนาสูตรไวท์เทนนิ่งเซรั่มโดยใช้อิมัลซิไฟเออร์ Water-Capsule และ Light Cream Maker (หรือ Pro Polymer) ในสูตรมีส่วนผสมต่างๆ เช่น Ethyl Ascorbic Acid, Niacinamide, Dimethicone, Activated Resorcinol, MSH White, Natural Bisabolol, SKIN-DEFENSE® V, ODA-White Plus™, และ Matrixyl 3000 ต้องการคำแนะนำเกี่ยวกับขั้นตอนการผสมและประเด็นเฉพาะในสูตร คำถามคือ:
- การผสมส่วนผสมใน Oil phase รวมถึงซิลิโคน (Dimethicone) และ Water-Capsule เข้าด้วยกันก่อนนำไปรวมกับ Water phase ถูกต้องหรือไม่?
- สามารถเติม ODA-White Plus™ และ Matrixyl 3000 ในขั้นตอนสุดท้ายหลังจากที่ได้เนื้ออิมัลชั่นและเย็นลงแล้วได้หรือไม่?
- สามารถลดความเข้มข้นของสารกันเสีย Mild Preserved™ (Ethylhexylglycerin) จาก 1% ได้หรือไม่?
- จะปรับสูตรอย่างไรเพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสที่มีการเคลือบผิวและให้ความรู้สึก "ชุ่มฉ่ำ" คล้ายกับเซรั่ม Kiehl's Hydro-Plumping?
คำตอบ
คำแนะนำการทำสูตร Whitening Water-in-Oil Serum
จากสูตรที่คุณต้องการทำและจากการพูดคุยกับทีมงานก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะประเด็นที่ต้องเปลี่ยนจาก Water-in-Oil EZ เป็น Water-Capsule เนื่องจากข้อจำกัดด้านเครื่องมือปั่น และประเด็นการเข้ากันไม่ได้ระหว่าง Ethyl Ascorbic Acid กับ Niacinamide ทางเรามีคำแนะนำสำหรับสูตรเซรั่มไวท์เทนนิ่งของคุณดังนี้ค่ะ
สิ่งสำคัญอันดับแรกคือต้องแก้ไขปัญหาการเข้ากันไม่ได้ของส่วนผสม ทีมงานได้แจ้งอย่างถูกต้องแล้วว่า Ethyl Ascorbic Acid และ Niacinamide ไม่สามารถใช้ร่วมกันในสูตรเดียวได้ เนื่องจากจะทำให้สารอนุพันธ์วิตามินซีเสื่อมคุณภาพลง คุณต้องเลือกใช้เพียงอย่างใดอย่างหนึ่งระหว่าง Ethyl Ascorbic Acid หรือ Safe-B3™ (Niacinamide) ในสูตรของคุณ ไม่ควรใช้ทั้งสองตัวร่วมกัน ลองพิจารณาประโยชน์อื่นๆ ของสารแต่ละตัว (Ethyl Ascorbic Acid เป็นอนุพันธ์วิตามินซีที่เสถียรและมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ส่วน Safe-B3™ ช่วยเสริมเกราะป้องกันผิว ควบคุมความมัน และต้านการอักเสบ) เพื่อตัดสินใจเลือกตัวที่เหมาะสมกับคุณสมบัติโดยรวมของเซรั่มที่คุณต้องการค่ะ
เนื่องจากมีการเปลี่ยนมาใช้อิมัลซิไฟเออร์ Water-Capsule ขั้นตอนการผสมจะแตกต่างออกไป โดยให้ทำตามขั้นตอน 3 ขั้นตอนที่ทีมงานแนะนำดังนี้ค่ะ:
- เตรียมส่วนของน้ำมัน (Oil Phase): นำส่วนผสมที่ละลายในน้ำมันทั้งหมด ได้แก่ Water-Capsule, Dimethicone, Activated Resorcinol, MSH White, Natural Bisabolol, SKIN-DEFENSE® V และ ODA-White Plus™ มารวมกันในส่วนนี้ ปั่นให้เข้ากันดีด้วยเครื่องปั่นที่คุณมี อาจต้องมีการอุ่นเล็กน้อยสำหรับส่วนผสมบางตัวเพื่อให้ละลาย (ประมาณ 60-80°C สำหรับ MSH White แต่ควรหลีกเลี่ยงความร้อนสูงเกิน 50°C สำหรับ SKIN-DEFENSE® V และ Activated Resorcinol หากเป็นไปได้ หรือใช้ความร้อนในช่วงเวลาสั้นๆ) ODA-White Plus™ เป็นน้ำมันในตัวเองอยู่แล้ว
- เตรียมส่วนของน้ำ (Water Phase): นำส่วนผสมที่ละลายในน้ำทั้งหมด ได้แก่ Purified Water, Disodium EDTA, GlucoBright™ (Acetyl Glucosamine), Rhamnose, Ethoxydiglycol และ Light Cream Maker (หรือ Pro Polymer หากต้องการเนื้อเจล) มารวมกันในส่วนนี้ ปั่นให้เข้ากันดีจนได้เนื้อเจลหรือสารละลายที่สม่ำเสมอ เติม Ethyl Ascorbic Acid หรือ Safe-B3™ (Niacinamide) (ตัวที่คุณเลือกใช้) ลงในส่วนนี้และปั่นให้ละลาย
- รวมส่วนผสมทั้งสอง: เทส่วนของน้ำมันทั้งหมดลงในส่วนของน้ำทั้งหมดในครั้งเดียว ห้ามใช้เครื่องปั่นความเร็วสูงในขั้นตอนนี้ ให้ใช้ไม้พายหรือช้อนคนส่วนผสมอย่างรวดเร็วประมาณ 3-5 นาที จนเนื้ออิมัลชั่นแบบ Water-in-Oil เข้ากันเป็นเนื้อเดียว
สำหรับคำถามเฉพาะของคุณ:
1) การผสม Oil phase กับ Silicone Phase พร้อมกัน: ใช่ค่ะ ส่วนประกอบที่เป็นน้ำมันและซิลิโคน (เช่น Dimethicone) จะถูกรวมอยู่ในส่วนของน้ำมันพร้อมกับอิมัลซิไฟเออร์ Water-Capsule ก่อนที่จะนำไปรวมกับส่วนของน้ำเพื่อทำอิมัลชั่น นี่เป็นวิธีการที่ถูกต้องสำหรับระบบ Water-Capsule ค่ะ
2) การผสม ODA-White และ Matrixyl 3000 ในขั้นตอนสุดท้าย: ใช่ค่ะ ตามคำแนะนำของผลิตภัณฑ์ทั้ง ODA-White Plus™ และ Matrixyl 3000 ควรเติมในขั้นตอนสุดท้ายหลังจากที่เนื้อครีมหรือโลชั่นได้ก่อตัวขึ้นแล้วและอุณหภูมิลดลง (ต่ำกว่า 40°C สำหรับ Matrixyl 3000) วิธีนี้เข้ากันได้กับขั้นตอนการผสมแบบ Water-Capsule และช่วยให้ส่วนผสมเหล่านี้คงประสิทธิภาพค่ะ
3) การลดความเข้มข้นของ Mild Preserved: ขอแนะนำอย่างยิ่งให้คงความเข้มข้นของ Mild Preserved™ (Ethylhexylglycerin) ไว้ที่ 1% หรือใช้ระบบสารกันเสียแบบ Broad-spectrum ที่เหมาะสมในอัตราส่วนที่แนะนำ แม้ว่า Rhamnose และ Activated Resorcinol จะมีคุณสมบัติในการยับยั้งเชื้อแบคทีเรียบางส่วน แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะให้การป้องกันการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ได้อย่างครอบคลุมในสูตร การลดระดับสารกันเสียอาจส่งผลต่อความปลอดภัยและอายุการเก็บรักษาของผลิตภัณฑ์ได้ค่ะ
4) การปรับสูตรเพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสแบบ Kiehl’s Hydro-Plumping: เพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสที่มีการเคลือบผิวและให้ความรู้สึกชุ่มฉ่ำคล้ายกับเซรั่มของ Kiehl’s ลองพิจารณาปรับสูตรดังนี้ โดยคำนึงถึงข้อสังเกตของทีมงานที่ว่าสูตรเดิมมีส่วนผสมค่อนข้างเยอะและอาจรู้สึกเหนอะหนะได้:
* Dimethicone: ขณะนี้คุณใช้ Dimethicone 5% การเพิ่มเปอร์เซ็นต์ของ Dimethicone (สามารถใช้ได้ถึง 10% ในผลิตภัณฑ์แบบ Leave-on) สามารถช่วยเพิ่มความรู้สึกเรียบลื่นและให้การเคลือบผิวที่ชัดเจนขึ้นได้ค่ะ
* Humectants: สูตรเดิมเน้น Ethoxydiglycol และส่วนผสมอื่นๆ เช่น GlucoBright™ (Acetyl Glucosamine) และ Rhamnose ในการให้ความชุ่มชื้น การเพิ่มสาร Humectant ทั่วไป เช่น Glycerin (ประมาณ 3-5%) หรือสารละลาย Sodium Hyaluronate ลงในส่วนของน้ำ สามารถช่วยเสริมความรู้สึกอิ่มฟูและชุ่มชื้นได้มากค่ะ Glycerin เป็น Humectant ที่มีประสิทธิภาพและนิยมใช้ หรือ Sodium Hyaluronate ก็ให้ความชุ่มชื้นที่ดีและสัมผัสที่เรียบเนียนบนผิว
โปรดระวังว่าการเพิ่มส่วนผสม โดยเฉพาะ Humectant ในปริมาณสูง อาจเพิ่มโอกาสให้เนื้อผลิตภัณฑ์รู้สึกเหนอะหนะได้ โดยเฉพาะในสูตร Water-in-Oil ที่มักจะให้ความรู้สึกเคลือบผิวมากกว่าแบบ Oil-in-Water คุณอาจต้องทดลองปรับเปอร์เซ็นต์เพื่อให้ได้สมดุลของเนื้อสัมผัสที่ต้องการโดยไม่เหนอะหนะจนเกินไปค่ะ
โดยสรุป คุณจะต้องปรับสูตรโดยเลือกใช้ระหว่าง Ethyl Ascorbic Acid หรือ Safe-B3™ (Niacinamide) เพียงตัวเดียว และปฏิบัติตามขั้นตอนการผสมเฉพาะสำหรับ Water-Capsule และ Light Cream Maker (หรือ Pro Polymer) คุณสามารถเติม ODA-White Plus™ และ Matrixyl 3000 ในขั้นตอนสุดท้ายได้ และควรรักษาระดับความเข้มข้นของสารกันเสียตามคำแนะนำเพื่อความปลอดภัย ในการปรับเนื้อสัมผัสให้ใกล้เคียงกับเซรั่มของ Kiehl’s ลองเพิ่ม Dimethicone เล็กน้อย และเพิ่ม Humectant เช่น Glycerin หรือ Sodium Hyaluronate ในส่วนของน้ำ โดยปรับเปอร์เซ็นต์อย่างระมัดระวังเพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสที่ต้องการค่ะ
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Pal-GHK, Pal-GQPR (eq Matrixyl 3000)

Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)

Natural Bisabolol (Brazil Chamomile)

GlucoBright™ (Acetyl Glucosamine)

Ethoxydiglycol (e.q. Transcutol)

Light Cream Maker™

Dimethicone (Medium/350, Low-Odor)

Disodium EDTA

Pro Polymer™ (Gel Maker)

Activated Resorcinol™ (4-Butyl Resorcinol)

Ethylhexylglycerin

Water-Capsule™ (Water-in-Oil Cream)

SKIN-DEFENSE® V ลดระคายเคืองจากธรรมชาติ

MSH White™ (Undecylenoyl phenylalanine)

Water-in-Oil EZ™ (Cetyl PEG/PPG-10/1 Dimethicone)

Rhamnose (น้ำตาลแรมโนส)
