การพิจารณาสูตรแชมพูและคำแนะนำส่วนผสม
คำถาม
กำลังพัฒนาสูตรแชมพูสำหรับสภาพเส้นผมของตัวเอง ซึ่งมีลักษณะแห้ง เส้นเล็ก ลีบ ปลายชี้ฟู แต่หนังศีรษะมัน สูตรปัจจุบันมีส่วนผสมดังนี้:
- Lauryl Glucoside (5%)
- Coco Wash™ (5%)
- SugarThick™ (1%)
- Panthenol (Vitamin B5) (0.5%)
- Natural Moisturizing Amino Acid (0.5%)
- Hydroprotein (3%)
- น้ำ (85%)
มีคำถามเกี่ยวกับสูตรนี้ดังนี้ค่ะ:
- ตอนแรกเลือก
Cetrimonium Chloride (CETAC 30%)
ไว้สำหรับใช้ร่วมกับSiliWater™ (ซิลิโคนละลายในน้ำ)
เพื่อเป็นสารปรับสภาพเส้นผม เหมาะสมหรือไม่ที่จะใช้ทั้งสองตัวร่วมกัน หรือควรเลือกใช้ตัวใดตัวหนึ่ง? และความรู้สึกที่ได้จากทั้งสองตัวแตกต่างกันอย่างไร? - สามารถใส่น้ำมันมะกอก (Olive Oil) ลงในสูตรนี้ได้หรือไม่? ถ้าได้ ควรใส่ตอนไหนและอย่างไร? ทราบมาว่าอาจต้องใช้
ClearClean™
ช่วยในการประสาน
รบกวนผู้เชี่ยวชาญช่วยพิจารณาความเหมาะสมของสูตรโดยรวมสำหรับสภาพเส้นผมของดิฉัน และให้คำแนะนำเกี่ยวกับการใช้ส่วนผสมเพิ่มเติมเหล่านี้ด้วยค่ะ
คำตอบ
การพิจารณาสูตรแชมพูและคำแนะนำ
นี่คือการพิจารณาสูตรแชมพูของคุณและคำตอบสำหรับคำถามของคุณ โดยอิงจากส่วนผสมและการพูดคุยในกระทู้:
1. ปริมาณส่วนผสม
ปริมาณเปอร์เซ็นต์ของส่วนผสมในสูตรของคุณโดยทั่วไปอยู่ในช่วงที่เหมาะสมสำหรับการทำแชมพู แต่มีข้อควรปรับปรุงและพิจารณาบางประการ:
- Lauryl Glucoside (5%) และ Coco Wash™ (5%): ความเข้มข้นของสารลดแรงตึงผิวรวม (10%) เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับการทำความสะอาดอย่างอ่อนโยน ดังที่เจ้าหน้าที่ได้กล่าวไว้ คุณอาจต้องปรับปริมาณนี้ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพในการทำความสะอาดหนังศีรษะที่มันของคุณ หากจำเป็น คุณสามารถเพิ่มเปอร์เซ็นต์สารลดแรงตึงผิวรวมเล็กน้อย หรือพิจารณาเปลี่ยน Coco Wash™ เป็น Coco-Betaine ซึ่งมีประสิทธิภาพในการทำความสะอาดที่ดีกว่าในขณะที่ยังคงความอ่อนโยน
- SugarThick™ (1%): ปริมาณนี้เหมาะสมสำหรับการเพิ่มความข้นของสูตรและเข้ากันได้กับสารลดแรงตึงผิวที่คุณเลือก ช่วยสร้างเนื้อเจลที่น่าใช้
- Panthenol (Vitamin B5) (0.5%): ปริมาณนี้อยู่ในช่วงที่แนะนำสำหรับแชมพู (0.1-0.5%) และให้ประโยชน์ในการให้ความชุ่มชื้นแก่เส้นผม
- Hydroprotein (3%): ความเข้มข้น 3% ของ Hydrolyzed Protein (เช่น Hydrolyzed Silk Protein, Hydrolyzed Pea Protein, หรือ Hair Wheat Protein) อยู่ในช่วงการใช้งานทั่วไป (0.1-5%) และมีประโยชน์ในการเสริมสร้างและปรับสภาพเส้นผม ช่วยลดผมชี้ฟู
- Natural Moisturizing Amino Acid (0.5%): ปริมาณนี้อยู่ในช่วงที่แนะนำสำหรับผลิตภัณฑ์บำรุงผมแบบไม่ต้องล้างออก (0.5-1%) และให้ความสามารถในการกักเก็บความชุ่มชื้นที่ดีเยี่ยมสำหรับเส้นผม
- น้ำ (85%): เป็นส่วนประกอบหลักของสูตรคุณ
ข้อควรทราบที่สำคัญ: ดังที่เจ้าหน้าที่ได้ชี้แจงไว้อย่างถูกต้อง Lauryl Glucoside มีค่า pH สูง (ประมาณ 11.5) คุณต้องปรับค่า pH สุดท้ายของแชมพูลงมาอยู่ในช่วงที่เหมาะสมสำหรับเส้นผมและหนังศีรษะ (pH 5-7 โดยเฉพาะอย่างยิ่งประมาณ 5.5-6.5) โดยใช้ Citric Acid หากไม่ปรับค่า pH อาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้
2. ความเหมาะสมสำหรับสภาพเส้นผมของคุณ
สูตรนี้มีศักยภาพที่จะใช้ได้กับสภาพเส้นผมของคุณ (ผมแห้ง เส้นเล็ก ลีบ ปลายชี้ฟู แต่หนังศีรษะมัน) โดยมีข้อควรพิจารณาบางประการ:
- หนังศีรษะมัน: ระดับสารลดแรงตึงผิวเริ่มต้น (10%) ถือว่าอ่อนโยน คุณจะต้องทดลองใช้เพื่อดูว่าเพียงพอสำหรับการทำความสะอาดหนังศีรษะที่มันของคุณหรือไม่ หากไม่พอ การเพิ่มปริมาณสารลดแรงตึงผิวรวมเล็กน้อย หรือใช้ Coco-Betaine แทน Coco Wash™ อาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำความสะอาดได้
- ผมแห้ง เส้นเล็ก ปลายชี้ฟู: Panthenol, Hydroprotein และ Natural Moisturizing Amino Acids เป็นส่วนผสมที่ดีเยี่ยมสำหรับการให้ความชุ่มชื้นและปรับสภาพเส้นผมและปลายผม ซึ่งควรช่วยลดความแห้งและชี้ฟู ส่วนผสมเหล่านี้ช่วยให้เส้นผมชุ่มชื้นและแข็งแรงขึ้น
- การปรับสภาพเส้นผม: สำหรับผมเส้นเล็กที่ชี้ฟูและพันกันง่าย การเพิ่มสารปรับสภาพเส้นผมจะเป็นประโยชน์ เจ้าหน้าที่แนะนำ SiliWater™ (PEG/PPG-20/15 Dimethicone) ซึ่งเป็นซิลิโคนที่ละลายน้ำได้ ช่วยปรับสภาพเส้นผมโดยไม่ทำให้เกิดการสะสม (build-up) ซึ่งดีสำหรับผมเส้นเล็กและหนังศีรษะมัน Cetrimonium Chloride เป็นสารปรับสภาพเส้นผมอีกชนิดหนึ่ง (สารลดแรงตึงผิวประจุบวก) ที่ช่วยลดไฟฟ้าสถิตและทำให้ผมนุ่มลื่น จัดทรงง่าย แต่เป็นสารปรับสภาพคนละประเภท ดังที่กล่าวในการตอบกลับ คุณอาจลองใช้ตัวใดตัวหนึ่งก่อน หรือใช้ร่วมกันก็ได้ GuarCat™ Clear เป็นโพลิเมอร์ประจุบวกอีกชนิดที่ช่วยปรับสภาพเส้นผมและเพิ่มความข้นได้
โดยรวมแล้ว สูตรพื้นฐานนี้มีส่วนผสมที่ดีในการให้ความชุ่มชื้นและปรับสภาพสำหรับปัญหาผมแห้ง/ชี้ฟู แต่คุณอาจต้องปรับประสิทธิภาพการทำความสะอาดสำหรับหนังศีรษะมันให้เหมาะสม
3. การเติมน้ำมันมะกอก
การเติมน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ (Extra Virgin) ลงในสูตรแชมพูที่เป็นเบสน้ำโดยตรงนั้นไม่แนะนำ เพราะน้ำมันและน้ำจะไม่เข้ากันหากไม่มีอิมัลซิไฟเออร์ จะทำให้แยกชั้นได้
- หากคุณต้องการใส่น้ำมันลงในแชมพู โดยทั่วไปแล้วคุณจะต้องใช้ส่วนผสมเฉพาะที่ช่วยให้เข้ากันได้ เช่น ClearClean™ ดังที่กล่าวในการตอบกลับ ซึ่งช่วยแขวนลอยน้ำมันและอนุภาคต่างๆ ในเบสแชมพูที่ใส อย่างไรก็ตาม แม้จะมีสารช่วยแขวนลอย การเติมน้ำมันบริสุทธิ์ในปริมาณมากอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำความสะอาด และอาจทำให้หนังศีรษะมันหรือมีสิ่งตกค้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับหนังศีรษะที่มันอยู่แล้ว
- อีกทางเลือกหนึ่งคือการใช้น้ำมันอนุพันธ์ที่ละลายน้ำได้ เช่น Olive Oil Water (Olive Oil PEG-7 Esters) ซึ่งออกแบบมาให้ผสมกับสูตรที่เป็นเบสน้ำได้และให้ความนุ่มลื่นโดยไม่แยกชั้น
- นอกจากนี้ ดังที่ผู้ใช้ C7 ได้ชี้ให้เห็น น้ำมันธรรมชาติอย่างน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์อาจเหม็นหืนได้เมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะในผลิตภัณฑ์ที่เป็นเบสน้ำ ซึ่งอาจส่งผลต่อความคงตัวและอายุการเก็บรักษาของแชมพูของคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณวางแผนที่จะทำในปริมาณมากหรือเพื่อขาย
สำหรับแชมพูที่เน้นสำหรับหนังศีรษะมัน การเติมน้ำมันบริสุทธิ์อาจขัดแย้งกับจุดประสงค์ในการทำความสะอาด หากคุณต้องการประโยชน์ในการบำรุงจากน้ำมันมะกอก ให้พิจารณาใช้ในผลิตภัณฑ์ทรีทเมนต์ผมหรือครีมนวดผมแยกต่างหาก หรือสำรวจน้ำมันอนุพันธ์ที่ละลายน้ำได้ซึ่งเหมาะสำหรับแชมพู
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Olive Oil (Extra Virgin)

Panthenol (Vitamin B5, DL-Panthenol, Powder)

Cetrimonium Chloride (CTAC)

Lauryl Glucoside

Coco Wash™ (PEG-7 Glyceryl Cocoate)

Natural Moisturizing Amino Acids (e.q. Prodew 400)

SugarThick™ (PEG-120 Methyl Glucose Dioleate)

ClearClean™ (ให้ความข้นหนืดในแชมพู/สบู่เหลว)

D-Panthenol Care (Pro-Vitamin B5, 100% Liquid)

Hydrolyzed Pea Protein (High-Peptide)

Citric Acid (Anhydrous, Natural)

GuarCat™ Clear (ให้เนื้อใส)

PEG/PPG-20/15 Dimethicone
