การยืดอายุกลิ่นหอมในบาล์มน้ำหอมเนื้อแข็ง

เป็นเรื่องปกติที่กลิ่นน้ำหอมในบาล์มที่ทำจากไขผึ้งและน้ำมันมะพร้าวจะระเหยไว เนื่องจากส่วนประกอบเหล่านี้อาจไม่ได้ช่วยยึดเกาะโมเลกุลน้ำหอมได้ดีนัก การใช้สารช่วยยืดกลิ่น หรือ Fragrance Fixative จะช่วยให้น้ำหอมติดทนยาวนานขึ้นได้ค่ะ

สารช่วยยืดกลิ่น (Fragrance Fixatives) คือส่วนผสมที่มีอัตราการระเหยต่ำ ซึ่งจะช่วยยึดกลิ่นโน้ตบน (Top Notes) และโน้ตกลาง (Middle Notes) ที่ระเหยง่ายกว่า ทำให้น้ำหอมติดอยู่บนผิวได้นานขึ้น

จากข้อมูลที่มี นี่คือส่วนผสมบางส่วนที่สามารถทำหน้าที่เป็นสารช่วยยืดกลิ่นและอาจเหมาะสมสำหรับใช้ในบาล์มของคุณ:

• Coumarin: เป็นเบสโน้ตที่มีกลิ่นหวานคล้ายหญ้าแห้ง เป็นที่รู้จักในคุณสมบัติการช่วยยืดกลิ่น
• Cosmone: เป็นมัสก์สังเคราะห์ที่ช่วยเพิ่มความลึกและติดทนของกลิ่นได้ดีเยี่ยม
• Vetimoss: เป็นเบสโน้ตที่ได้จากหญ้าแฝก ซึ่งมีกลิ่นเอิร์ธตี้ วู้ดดี้ และมีคุณสมบัติการช่วยยืดกลิ่นที่แข็งแรง
• Cassiffix: ตามชื่อบ่งบอก น่าจะเป็นสารช่วยยืดกลิ่นโดยเฉพาะ อาจมีกลิ่นที่เกี่ยวข้องกับแบล็คเคอร์แรนท์
• Traseolide: เป็นมัสก์สังเคราะห์อีกชนิดหนึ่ง ช่วยให้กลิ่นติดทนด้วยกลิ่นมัสก์ที่สะอาด
• Ambergris (Fragrance Oil): แม้จะเป็นน้ำหอมปรุงสำเร็จ แต่มีส่วนประกอบที่เลียนแบบอำพันทะเล ซึ่งเป็นสารช่วยยืดกลิ่นแบบคลาสสิก
• Tuberose Absolute: เป็นสารสกัดธรรมชาติจากดอกซ่อนกลิ่น มีกลิ่นหอมเข้มข้นและโมเลกุลที่หนักซึ่งช่วยในการยึดกลิ่น

วิธีการผสมสารช่วยยืดกลิ่นในบาล์ม

1. หลอมไขผึ้งและน้ำมันมะพร้าวตามปกติ
2. เมื่อเบสละลายแล้ว ให้เติมสารช่วยยืดกลิ่นที่เลือก ก่อน ที่จะเติมหัวน้ำหอมหลักของคุณ
3. คนให้เข้ากันดีเพื่อให้สารช่วยยืดกลิ่นกระจายตัวอย่างทั่วถึงในเบสน้ำมัน/ไข
4. จากนั้น เติมหัวน้ำหอมหลักของคุณ และคนเบาๆ จนเข้ากันดี
5. เทส่วนผสมลงในภาชนะและปล่อยให้แข็งตัว

คำแนะนำปริมาณการใช้

ปริมาณสารช่วยยืดกลิ่นที่ใช้ขึ้นอยู่กับชนิดของสารและผลลัพธ์ที่ต้องการ จุดเริ่มต้นทั่วไปคือใช้สารช่วยยืดกลิ่นที่ปริมาณ 1-5% ของปริมาณหัวน้ำหอมทั้งหมด ที่คุณใช้ หรืออาจพิจารณาใช้ที่ปริมาณเล็กน้อยประมาณ 0.5% - 2% ของน้ำหนักรวมของบาล์มทั้งหมด

ขอแนะนำอย่างยิ่งให้ทดลองทำในปริมาณน้อยๆ ก่อน เพื่อหาปริมาณที่เหมาะสมที่สุดที่จะช่วยยืดอายุกลิ่นได้โดยไม่ทำให้กลิ่นหอมโดยรวมหรือเนื้อสัมผัสของบาล์มเปลี่ยนไปมากนัก สารช่วยยืดกลิ่นบางชนิดมีกลิ่นเฉพาะตัว ซึ่งจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของกลิ่นน้ำหอมสุดท้ายของคุณ