การรวมส่วนผสม BHA Toner กับเซรั่ม: ความท้าทายในการขึ้นสูตรและข้อแนะนำ
คำถาม
ต้องการทำเซรั่มสำหรับผิวขาวใส ลดสิว และควบคุมความมันเล็กน้อย โดยใช้ส่วนผสมดังนี้:
- วิตามินบี 12 (VB12) 5%
- วิตามินบี 5
- N-acetyl Glucosamine
- Zinc PCA 1%
- Licochalcone A
- Propylene Glycol (PG) 5%
- BHA
ต้องการรวมส่วนผสมทั้งหมดนี้เข้าด้วยกันในสูตรเซรั่มเดียว จะมีปัญหาอะไรบ้างกับการรวมส่วนผสมเหล่านี้ โดยเฉพาะเรื่องเนื้อผลิตภัณฑ์ ความคงตัว และประสิทธิภาพ และมีข้อแนะนำอย่างไรบ้าง?
คำตอบ
ตามความคิดเห็นที่ได้รับเกี่ยวกับสูตรเซรั่มของคุณสำหรับผิวขาวใส ลดสิว และควบคุมความมันเล็กน้อย นี่คือการวิเคราะห์และข้อเสนอแนะสำหรับการปรับปรุง:
การวิเคราะห์สูตรและเนื้อผลิตภัณฑ์:
- เนื้อผลิตภัณฑ์: ตามที่ระบุในคำตอบ เนื้อผลิตภัณฑ์ที่ได้จากส่วนผสมและเปอร์เซ็นต์ปัจจุบันมีแนวโน้มที่จะเหลวมาก คล้ายกับน้ำหรือโทนเนอร์ ("เหลวหยดติ๋งๆ เหมือน น้ำ") จะไม่มีความหนืดเหมือนเซรั่มทั่วไป เนื่องจากสูตรขาดสารที่ช่วยสร้างเนื้อเจลหรือเพิ่มความหนืด
- ความเหนียวเหนอะหนะ: ความคิดเห็นแนะนำว่าผลิตภัณฑ์จะไม่เหนียวเหนอะหนะ แต่จะรู้สึก "ลื่นๆนิดหน่อย" เนื่องจากมี Propylene Glycol (PG)
- สี: วิตามินบี 12 (VB12) ในปริมาณสูงจะทำให้ผลิตภัณฑ์มีสีแดง
ข้อเสนอแนะสำหรับการปรับปรุงและข้อควรพิจารณา:
- แยก BHA ออก: ข้อเสนอแนะที่สำคัญที่สุดคือการแนะนำให้แยก BHA ออกไปอยู่ในผลิตภัณฑ์อื่น เช่น โทนเนอร์ การรวม BHA (ซึ่งทำงานได้ดีที่สุดที่ pH ต่ำสำหรับการผลัดเซลล์ผิว) เข้ากับส่วนผสมอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่วนผสมที่มี pH สูง เช่น วิตามินบี 5 อาจทำให้การปรับ pH เพื่อประสิทธิภาพและความคงตัวสูงสุดของส่วนผสมทั้งหมดทำได้ยาก การสร้างโทนเนอร์ BHA แยกต่างหากสำหรับการผลัดเซลล์ผิว และเซรั่ม/เจลสำหรับส่วนผสมที่เป็นประโยชน์อื่นๆ (วิตามิน, N-acetyl Glucosamine, Zinc PCA, Licochalcone A) เป็นแนวทางที่นิยมและมักจะมีประสิทธิภาพมากกว่า
- การปรับเนื้อผลิตภัณฑ์ (หากต้องการรวมเป็นผลิตภัณฑ์เดียวหรือสำหรับเซรั่มที่แยกออกมา): หากคุณต้องการเนื้อเซรั่ม คุณจะต้องเพิ่มสารสร้างเนื้อเจลหรือเพิ่มความหนืด (เช่น Pro Polymer ตามที่เจ้าหน้าที่แนะนำ) ลงในสูตรที่มีวิตามินและสารออกฤทธิ์อื่นๆ (ยกเว้น BHA) หากคุณเลือกที่จะทำเป็นผลิตภัณฑ์เดียว โปรดทราบถึงเนื้อสัมผัสที่เหลว สีแดง และความท้าทายในการปรับ pH ให้เหมาะสมสำหรับส่วนผสมทั้งหมดพร้อมกัน
- ปริมาณวิตามินบี 12: ข้อเสนอแนะให้ลด VB12 เหลือ 2% เป็นสิ่งที่ควรพิจารณา ปริมาณ 5% ถือว่าค่อนข้างสูงและอาจระคายเคืองสำหรับบางสภาพผิว มักใช้สำหรับภาวะการอักเสบที่รุนแรงกว่า การลดปริมาณลงจะช่วยลดสีแดงที่เข้มข้นลงด้วย
- Propylene Glycol (PG): มีคำถามเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ของการใช้ PG 5% แม้ว่าจะเป็นสารให้ความชุ่มชื้นและตัวทำละลาย หากคุณต้องการเนื้อสัมผัสที่เบามากและไม่ลื่น คุณอาจพิจารณาลดปริมาณลงหรือใช้สารให้ความชุ่มชื้นทางเลือกอื่น อย่างไรก็ตาม 5% โดยทั่วไปถือว่ายอมรับได้และมีส่วนทำให้เกิดความรู้สึก "ลื่นๆ" ที่กล่าวถึง
- Zinc PCA: โปรดทราบว่าคุณสมบัติในการควบคุมความมันของ Zinc PCA อาจแสดงผลได้ชัดเจนยิ่งขึ้นในสูตรที่มีส่วนประกอบที่ให้ความชุ่มชื้นน้อย ในสูตรปัจจุบันของคุณ PG เป็นสารให้ความชุ่มชื้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบเล็กน้อยต่อคุณสมบัตินี้ แต่ 1% Zinc PCA เป็นอัตราการใช้มาตรฐาน
- การจัดการ pH: ตามที่ชี้ให้เห็น วิตามินบี 5 มี pH สูง เพื่อให้แน่ใจว่าส่วนผสมอื่นๆ (เช่น Niacinamide ซึ่งอาจเปลี่ยนเป็น Niacin ที่ pH สูง ทำให้เกิดอาการร้อนแดง หรือ Zinc PCA) มีประสิทธิภาพและคงตัว จำเป็นต้องมีการปรับ pH ของสูตรสุดท้าย (หรือส่วนของเซรั่มที่แยกออกมา) อย่างระมัดระวัง โดยมักจะปรับให้เป็นช่วงกรดอ่อนๆ ถึงกลางๆ (เช่น pH 5-6)
สรุป:
สูตรปัจจุบันของคุณตามที่เป็นอยู่ มีแนวโน้มที่จะเป็นของเหลวสีแดงและมีความเหลวคล้ายน้ำ เพื่อให้ได้เนื้อเซรั่มและอาจมีประสิทธิภาพ/ความคงตัวที่ดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับ BHA ข้อแนะนำที่แข็งแกร่งที่สุดคือการแบ่งสูตรออกเป็นสองผลิตภัณฑ์: โทนเนอร์ BHA และเซรั่ม/เจลแยกต่างหากที่มีวิตามินและสารออกฤทธิ์อื่นๆ หากคุณเลือกที่จะทำเป็นผลิตภัณฑ์เดียว โปรดทราบถึงเนื้อสัมผัสที่เหลว สีแดง และความท้าทายในการปรับ pH ให้เหมาะสมสำหรับส่วนผสมทั้งหมดพร้อมกัน.