การรวม Repair Activator และ Ceramide Complex ในสูตรครีม/โลชั่น
คำถาม
ต้องการรวมส่วนผสมหลักจากผลิตภัณฑ์สองชนิดที่ใช้อยู่ คือ Repair Activator (ซึ่งอยู่ในผลิตภัณฑ์เบสน้ำ) และ Ceramide Complex (ซึ่งอยู่ในผลิตภัณฑ์เบสน้ำมัน) เข้าไว้ในสูตรเดียวกัน อยากทำเป็นสูตรครีมหรือโลชั่นสำหรับใช้เอง ซึ่งมีส่วนผสมหลักที่สนใจดังนี้:
- Repair Activator™ (Bifida Ferment Lysate)
- Ceramide Complex (รวมถึง Ceramide 1, 3, 6 II, Cholesterol, Phytosphingosine)
- Panthenol (Pro Vitamin B5)
- Pep-Coll (Palmitoyl Tripeptide-5)
- Sodium Hyaluronate
- Squalane (Olive)
- Bisabolol
- Tocopherol (Vitamin E)
- Cholesterol
- Phytosphingosine
- Fractionated Coconut Oil
- LipidSoft™ F (Ethyl Linoleate)
- Yeast Extract
- Hydrogenated Lecithin
เป็นไปได้หรือไม่ที่จะรวมส่วนผสมเหล่านี้ ซึ่งมาจากผลิตภัณฑ์คนละเบส (น้ำและน้ำมัน) เข้าด้วยกันในสูตรครีมหรือโลชั่นที่คงตัว? และมีขั้นตอนการทำสูตรโดยทั่วไปอย่างไรบ้าง?
คำตอบ
สวัสดีค่ะ
เข้าใจว่าท่านสมาชิกต้องการรวมส่วนผสมหลักจากทั้งสองผลิตภัณฑ์ที่คุณใช้แล้วได้ผลดี คือ Repair Activator (Bifida Ferment Lysate) และ Ceramide Complex เข้าไว้ในสูตรเดียวกันนะคะ
เป็นไปได้ค่ะที่จะรวมส่วนผสมทั้งสองชนิดนี้ไว้ในสูตรเดียว แม้ว่าตัวหนึ่งจะมาจากผลิตภัณฑ์เบสน้ำ (Estee Lauder) และอีกตัวมาจากผลิตภัณฑ์เบสน้ำมัน (Elizabeth Arden) เนื่องจากสามารถทำสูตรให้อยู่ในรูปของ เนื้อครีม หรือ โลชั่น (Emulsion) ซึ่งเป็นระบบที่สามารถนำพาทั้งส่วนผสมที่ละลายในน้ำ (Water Phase) และส่วนผสมที่ละลายในน้ำมัน (Oil Phase) เข้าไว้ด้วยกันได้อย่างคงตัวค่ะ
ในการทำสูตร ท่านจะต้องสร้างเนื้อครีมหรือโลชั่นขึ้นมาก่อน โดยมีส่วนประกอบของ:
- ส่วนของน้ำ (Water Phase): ใช้น้ำบริสุทธิ์เป็นหลัก และเติมส่วนผสมที่ละลายน้ำได้ เช่น Bifida Ferment Lysate, Sodium Hyaluronate, Panthenol, Glycerin/Glycereth-26, Bisabolol, Caffeine, Yeast Extract, Pep-Coll (หรือเปปไทด์อื่นๆ ที่เลือกใช้)
- ส่วนของน้ำมัน (Oil Phase): Contains oils, emollients, and oil-soluble ingredients like Ceramide Complex, Cholesterol, Phytosphingosine, Squalane, Fractionated Coconut Oil, LipidSoft F, Retinyl Palmitate, Tocopherol/Tocopheryl Acetate, Hydrogenated Lecithin.
- สารประสานเนื้อ (Emulsifier): เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยทำให้น้ำและน้ำมันเข้ากันเป็นเนื้อเดียวกันได้ โดยเลือกใช้ Emulsifier ที่เหมาะสมกับประเภทของเนื้อครีมที่ต้องการ (เช่น O/W หรือ W/O)
- สารสร้างเนื้อ (Thickener/Rheology Modifier): ช่วยปรับความข้นหนืดของเนื้อครีม เช่น Carbomer, Xanthan Gum
- สารกันเสีย (Preservative): เพื่อป้องกันการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ เช่น Phenoxyethanol, Ethylhexylglycerin + Caprylyl Glycol
- ส่วนผสมอื่นๆ: เช่น สารปรับค่า pH, สาร Chelating Agent (เช่น Disodium EDTA)
ขั้นตอนโดยทั่วไป คือ การแยกละลายส่วนผสมที่ละลายน้ำได้ในส่วนของน้ำ และส่วนผสมที่ละลายน้ำมันได้ในส่วนของน้ำมัน จากนั้นจึงนำทั้งสองส่วนมาผสมเข้าด้วยกันโดยใช้ Emulsifier และคนด้วยความเร็วที่เหมาะสมเพื่อให้เกิดเนื้อครีมที่คงตัว หลังจากได้เนื้อครีมแล้ว จึงเติมสารกันเสียและส่วนผสมอื่นๆ ที่อาจต้องเติมในภายหลัง (เช่น สารสกัดบางชนิดที่ไวต่อความร้อน)
ทีมงานแนะนำให้ศึกษาพื้นฐานการทำเนื้อครีม/โลชั่นเพิ่มเติมจากแหล่งข้อมูลที่ทีมงานเดิมได้แนะนำไว้ เพื่อให้เข้าใจหลักการและขั้นตอนอย่างถูกต้องก่อนเริ่มลงมือทำนะคะ
ส่วนผสมหลักที่คุณสนใจและมีจำหน่าย ได้แก่:
- Repair Activator™ (Bifida Ferment Lysate) - ID 259
- Ceramide Complex - ID 46 (ซึ่งมักจะมี Ceramide 1, 3, 6 II, Cholesterol, Phytosphingosine อยู่ด้วย)
- Panthenol (Pro Vitamin B5) - ID 111 (ใช้แทน Pantethine ได้)
- Pep-Coll (Palmitoyl Tripeptide-5) - ID 50 (ใช้แทน Tripeptide-32 ได้)
- Sodium Hyaluronate - ID 105
- Squalane (Olive) - ID 128
- Bisabolol - ID 78
- Tocopherol (Vitamin E) - ID 135
- Cholesterol - ID 638
- Phytosphingosine - ID 46 (มักรวมอยู่ใน Ceramide Complex)
- Fractionated Coconut Oil - ID 169
- LipidSoft™ F (Ethyl Linoleate) - ID 1203 (ใช้แทน Linoleic Acid ได้)
- Yeast Extract - ID 1108
- Hydrogenated Lecithin - ID 1169
คุณสามารถเลือกส่วนผสมเหล่านี้และส่วนผสมพื้นฐานอื่นๆ (เช่น Emulsifier, Thickener, Preservative) เพื่อสร้างสูตรครีมหรือโลชั่นที่มี Repair Activator และ Ceramide Complex เป็นส่วนผสมหลักได้ค่ะ
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Ceramide Complex (CeraTouch™, Cream)

Hyaluronic Acid (Small Molecule)

Panthenol (Vitamin B5, DL-Panthenol, Powder)

Squalane (Olive)
