การสร้างครีม Tester สูตรพิเศษสำหรับปัญหาผิวผสม
คำถาม
สภาพผิวหน้าของฉันคือ ผิวผสมมันทีโซนแต่ขาดน้ำ (จากการตรวจสภาพผิว) มีปัญหารูขุมขนกว้าง ผิวหมองคล้ำ กร้าน และมีริ้วรอย
ฉันต้องการสั่งครีม tester จากเว็บไซต์ โดยใช้ Pure Aloe เป็นเบส และใส่ส่วนผสมดังนี้:
vitamin B3
5%Glucosamine (N-acetyl-D)
4%Sea kelp Bioferment
10%Matrixyl 3000
5%Pepha-Tight
3%
ฉันมีคำถามดังนี้ค่ะ:
- สามารถใส่ส่วนผสมทั้งหมดตามความเข้มข้นที่ระบุได้ไหมคะ? เพราะรวมแล้ว 27% ซึ่งเกินจากที่ในเว็บไซต์แจ้งไว้
- สามารถใช้ครีมนี้ได้ทั้งกลางวัน (ทาครีมกันแดด) และกลางคืนได้เลยไหมคะ?
- ขอคำแนะนำเพิ่มเติมว่าควรตัดอะไรออก และเพิ่มอะไรเข้าไปได้อีกบ้างคะ?
ขอบคุณมากค่ะ
คำตอบ
คำแนะนำสำหรับการสร้างครีมสูตรพิเศษ
สำหรับคำถามเกี่ยวกับการสร้างครีม Tester สูตรพิเศษโดยใช้ Pure Aloe เป็นเบส และเพิ่มส่วนผสมตามที่คุณระบุ:
สามารถใส่ส่วนผสมทั้งหมดตามความเข้มข้นที่ระบุได้หรือไม่ (รวม 27%)?
การเพิ่มส่วนผสม Active Ingredients รวมกันถึง 27% ในเบสอย่าง Pure Aloe อาจเกินขีดจำกัดความเข้มข้นสูงสุดสำหรับการทำครีม Tester สูตรพิเศษบนเว็บไซต์ แม้ว่าความเข้มข้นที่คุณเลือกสำหรับส่วนผสมแต่ละชนิด (Vitamin B3 5%, Glucosamine 4%, Sea Kelp Bioferment 10%, Matrixyl 3000 5%, Pepha-Tight 3%) จะอยู่ในช่วงที่แนะนำสำหรับการใช้ส่วนผสมแต่ละตัว แต่เมื่อรวมกันแล้วถือว่ามีความเข้มข้นสูงมาก สิ่งสำคัญคือต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดของเว็บไซต์สำหรับการทำ Tester เพื่อให้มั่นใจในความคงตัวและประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปสามารถใช้ครีมนี้ได้ทั้งกลางวันและกลางคืนหรือไม่?
ได้ค่ะ ส่วนผสมที่คุณเลือกมาโดยทั่วไปสามารถใช้ได้ทั้งกลางวันและกลางคืน Vitamin B3, Glucosamine, Sea Kelp, Matrixyl 3000 และ Pepha-Tight โดยทั่วไปไม่ทำให้ผิวไวต่อแสง อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องทาครีมกันแดดเป็นขั้นตอนสุดท้ายในตอนเช้าเสมอเมื่อใช้ครีมนี้ในเวลากลางวันขอคำแนะนำเพิ่มเติมว่าควรตัดอะไรออกและเพิ่มอะไรเข้าไป?
สภาพผิวของคุณคือผิวผสมมันทีโซนแต่ขาดน้ำ รูขุมขนกว้าง ผิวหมองคล้ำ กร้าน และมีริ้วรอย ส่วนผสมที่คุณเลือกมานั้นเหมาะสมดีในการดูแลปัญหาเหล่านี้:- Vitamin B3 (Niacinamide): ดีเยี่ยมในการลดความมัน ลดขนาดรูขุมขน ปรับปรุงความหมองคล้ำ และลดริ้วรอย ความเข้มข้น 5% เป็นระดับที่ให้ผลดี
- Glucosamine (N-acetyl-D): ทำงานเสริมฤทธิ์กับ Vitamin B3 ในการช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้น ปรับปรุงความชุ่มชื้นและสภาพผิว ความเข้มข้น 4% เหมาะสมดี
- Sea Kelp Bioferment: ให้ความชุ่มชื้นและบำรุงผิว ซึ่งดีสำหรับผิวที่ขาดน้ำ ความเข้มข้น 10% ที่คุณระบุมานั้นค่อนข้างสูง (โดยทั่วไปแนะนำ 1-3% สำหรับผิว) และอาจทำให้มีกลิ่นชัดเจนหรือส่งผลต่อเนื้อสัมผัส การใช้ในความเข้มข้นที่ต่ำลงก็ยังคงให้ประโยชน์ด้านความชุ่มชื้นได้
- Matrixyl 3000 และ Pepha-Tight: ทั้งคู่เป็นเปปไทด์ที่มีประสิทธิภาพในการจัดการกับริ้วรอยและช่วยให้ผิวกระชับขึ้น การใช้ทั้งสองตัวร่วมกันสามารถให้ประโยชน์ในการต่อต้านริ้วรอยได้อย่างครอบคลุม
เพื่อให้เป็นไปตามข้อจำกัดทั่วไปของการทำสูตรพิเศษและเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่สมดุล ลองพิจารณาปรับลดความเข้มข้นลง สูตรที่ปรับปรุงแล้วซึ่งยังคงดูแลปัญหาผิวของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาจเป็นดังนี้:
- Vitamin B3: 5%
- Glucosamine (N-acetyl-D): 4%
- Sea Kelp Bioferment: 3%
- Matrixyl 3000: 3%
- Pepha-Tight: 3%
สูตรนี้จะรวม Active Ingredients ทั้งหมดเป็น 18% ซึ่งมีแนวโน้มที่จะเข้ากันได้กับเบสมาตรฐานและอยู่ในขีดจำกัดของการทำสูตรพิเศษได้มากกว่า ขณะเดียวกันก็ยังคงให้ประโยชน์ที่สำคัญสำหรับปัญหาผิวขาดน้ำ รูขุมขนกว้าง ความหมองคล้ำ และริ้วรอย หากปัญหาผิวขาดน้ำเป็นหลัก คุณอาจพิจารณาเพิ่มส่วนผสมที่ช่วยให้ความชุ่มชื้นอย่าง Sodium Hyaluronate ในความเข้มข้นต่ำๆ (เช่น 0.1-0.5%) ได้ หากความเข้มข้นรวมยังอยู่ในขีดจำกัด
อย่าลืมตรวจสอบเปอร์เซ็นต์รวมสูงสุดของ Active Ingredients ที่อนุญาตสำหรับการทำครีม Tester สูตรพิเศษบนเว็บไซต์อีกครั้งก่อนยืนยันการสั่งซื้อนะคะ
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Pal-GHK, Pal-GQPR (eq Matrixyl 3000)

Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)

Aloe Vera Extract (อัตราสกัด 10:1 FullAssay™)

Sea Kelp Extract

GlucoBright™ (Acetyl Glucosamine)
