การเพิ่มวิตามินซีและ Rose Hip Oil ในสูตรโลชั่นบำรุงผิวขาว
คำถาม
ดิฉันกำลังพัฒนาสูตรโลชั่นทาผิวกายเพื่อผิวขาวและชุ่มชื้น โดยมีปัญหากระตามแขน สูตรเบื้องต้นมีดังนี้ค่ะ
- Alpha Arbutin 2%
- B3 5%
- GlucoBright 4%
- Tranexamic 3%
- MOIST72 4%
- Light Cream Maker 1%
- Phenoxyethanol 1%
ปัญหาคือ อยากเพิ่ม Vitamin C แต่ไม่รู้จะเลือกตัวไหนที่เสถียรและเหมาะกับโลชั่นทาผิวกาย หรือควรทำโลชั่น Vitamin C แยกไปเลย และอยากเพิ่ม Rose Hip Oil ลงไปด้วย ไม่ทราบว่าควรใช้กี่ % คะ
คำตอบ
คำแนะนำสำหรับการปรับปรุงสูตรโลชั่นบำรุงผิวขาวและเพิ่มความชุ่มชื้น
สำหรับสูตรโลชั่นที่คุณต้องการพัฒนาเพื่อผิวขาวและชุ่มชื้น พร้อมแก้ไขปัญหากระตามแขน โดยมีส่วนผสมเบื้องต้นที่ดีอยู่แล้วดังนี้: Alpha Arbutin 2%, Vitamin B3 5%, GlucoBright 4%, Tranexamic Acid 3%, MOIST72 4%, Light Cream Maker 1%, Phenoxyethanol 1%
ขอให้คำแนะนำเพิ่มเติมและตอบคำถามเกี่ยวกับการเพิ่ม Vitamin C และ Rose Hip Oil ดังนี้ค่ะ
การปรับสัดส่วนส่วนผสมเดิม
- MOIST72: สำหรับผิวธรรมดา การใช้ MOIST72 ที่ 4% อาจทำให้รู้สึกเหนอะหนะได้ตามที่คุณ cosmeceutical7 ได้ให้ข้อคิดเห็นไว้ค่ะ แนะนำให้ลองปรับลดสัดส่วน MOIST72 ลงมาที่ 2-3% ก่อน เพื่อให้เนื้อโลชั่นสบายผิวมากขึ้น หากรู้สึกว่ายังชุ่มชื้นไม่พอสำหรับผิวของคุณ ค่อยๆ ปรับเพิ่มขึ้นได้ในการทำครั้งต่อไปค่ะ
- Light Cream Maker: Light Cream Maker เป็นสารที่ช่วยสร้างเนื้อครีมแบบอิมัลชันชนิด O/W (Oil-in-Water) ซึ่งจำเป็นต้องมีส่วนของน้ำมันในสูตรด้วย การที่คุณต้องการเพิ่ม Rose Hip Oil เข้าไป จะช่วยเติมเต็มส่วนของน้ำมันที่จำเป็นสำหรับ Light Cream Maker ค่ะ
การเพิ่ม Vitamin C
คุณต้องการเพิ่ม Vitamin C เพื่อเสริมประสิทธิภาพด้านความกระจ่างใสและต้านอนุมูลอิสระ การเลือก Vitamin C ที่เสถียรและเข้ากับสูตรโลชั่นของคุณเป็นสิ่งสำคัญค่ะ
จากส่วนผสมที่คุณมี โดยเฉพาะ Vitamin B3 (Niacinamide) ที่ 5% ซึ่งทำงานได้ดีในช่วง pH 4-7 ทำให้ Vitamin C บางชนิดที่ไม่เสถียรในช่วง pH นี้ หรือมีข้อจำกัดในการใช้ร่วมกับ Niacinamide จะไม่เหมาะกับสูตรนี้ค่ะ
- Perfect-C™ (Ascorbyl Tetraisopalmitate) และ Ethyl Ascorbic Acid เป็น Vitamin C อนุพันธ์ที่เสถียรและมีประสิทธิภาพสูง แต่มีข้อจำกัดคือ ไม่ควรใช้ร่วมกับ Vitamin B3 (Niacinamide) ในสูตรเดียวกัน เนื่องจากอาจทำให้ประสิทธิภาพลดลงหรือเกิดปัญหาความเสถียรของสูตรได้ Perfect-C™ เป็นชนิดที่ละลายในน้ำมัน และ Ethyl Ascorbic Acid ละลายในน้ำ แต่ทั้งคู่มีข้อจำกัดในการใช้ร่วมกับ B3 ค่ะ
- Magnesium Ascorbyl Phosphate (MAP) และ Sodium Ascorbyl Phosphate (SAP) เป็น Vitamin C อนุพันธ์ที่ละลายในน้ำและมีความเสถียรสูง สามารถใช้ร่วมกับ Vitamin B3 ได้ แต่ ทั้งสองชนิดนี้ทำงานได้ดีและเสถียรในช่วง pH ที่ค่อนข้างด่าง (pH 7-9) ในขณะที่ส่วนผสมอื่นๆ ในสูตรของคุณ เช่น Alpha Arbutin (pH 3.5-6.5), GlucoBright (pH 3-7), Tranexamic Acid (pH 3-8) ทำงานได้ดีในช่วง pH ที่เป็นกรดอ่อนๆ ถึงกลางๆ หากปรับ pH ของสูตรไปที่ 7-8 เพื่อให้ MAP หรือ SAP เสถียร อาจส่งผลให้ประสิทธิภาพของ Alpha Arbutin และ GlucoBright ลดลงได้ค่ะ
ข้อสรุปสำหรับ Vitamin C:
หากต้องการเพิ่ม Vitamin C ในสูตรนี้โดยที่ยังมี Vitamin B3 อยู่ด้วย และต้องการความเสถียร Magnesium Ascorbyl Phosphate (MAP) หรือ Sodium Ascorbyl Phosphate (SAP) เป็นตัวเลือกที่ เป็นไปได้ แต่คุณจะต้องปรับ pH ของสูตรให้อยู่ในช่วง 7-8 ซึ่งอาจต้องพิจารณาถึงผลต่อประสิทธิภาพของส่วนผสมอื่นๆ ด้วยค่ะ
ตามคำแนะนำของคุณ cosmeceutical7 การใช้ Perfect-C™ เป็น Vitamin C ที่ดี แต่เนื่องจากสูตรของคุณมี Niacinamide อยู่แล้ว การใช้ Perfect-C™ ในสูตรนี้จึงไม่แนะนำค่ะ
หากคุณต้องการใช้ Vitamin C ที่มีประสิทธิภาพสูงและเสถียรโดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องการใช้ร่วมกับ Niacinamide และ pH ที่เหมาะสมกับส่วนผสมอื่นๆ ในสูตรเดิม การทำโลชั่น Vitamin C แยกไปเลยอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่าค่ะ หรือหากต้องการรวมในสูตรเดียว อาจต้องพิจารณาใช้ MAP หรือ SAP และยอมรับการปรับ pH ค่ะ
หากเลือกใช้ MAP หรือ SAP ในสูตรนี้ แนะนำให้ใช้ที่สัดส่วนประมาณ 3% และปรับ pH สุดท้ายของสูตรให้อยู่ในช่วง 7-8 ค่ะ
การเพิ่ม Rose Hip Oil
Rose Hip Oil เป็นน้ำมันที่มีประโยชน์ในการบำรุงผิว ซ่อมแซมผิว และให้ความชุ่มชื้น เหมาะสำหรับผิวธรรมดาถึงผิวแห้ง การเพิ่ม Rose Hip Oil ลงในสูตรโลชั่นของคุณจะช่วยเสริมคุณสมบัติการบำรุงและความชุ่มชื้น และเป็นส่วนของน้ำมันที่จำเป็นสำหรับ Light Cream Maker ค่ะ
สำหรับผิวธรรมดา การใช้ Rose Hip Oil ที่สัดส่วน 3-5% ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีค่ะ หากผิวของคุณค่อนข้างไปทางแห้ง สามารถเพิ่มได้ถึง 5% หรือมากกว่านั้นได้ แต่หากผิวค่อนข้างมัน การใช้ในสัดส่วนที่สูงเกินไปอาจทำให้รู้สึกเหนอะหนะได้ค่ะ
สรุปและข้อเสนอแนะในการปรับสูตรเบื้องต้น
จากส่วนผสมที่คุณมีและคำแนะนำเพิ่มเติม ขอเสนอสูตรปรับปรุงเบื้องต้นดังนี้ (คุณสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสมหลังจากทดลองทำและใช้จริง):
- Alpha Arbutin: 2%
- Vitamin B3 (Safe-B3™ or Extreme-B3™): 5%
- GlucoBright™: 4%
- Tranexamic Acid (Trans-White™ or Nano-TXA™): 3%
- MOIST72™: 2-3% (ปรับตามความรู้สึกเหนอะหนะบนผิว)
- Rose Hip Oil (Virgin, Fresh or Extra Virgin): 3-5% (ปรับตามความต้องการความชุ่มชื้น/ความมัน)
- Light Cream Maker™: 1%
- Phenoxyethanol (Extra Pure or Phenoxyethanol SA): 1%
- Vitamin C (Choose MAP or SAP if combining in this formula): 3% (และปรับ pH สุดท้าย 7-8)
- น้ำสะอาด หรือส่วนผสมอื่นๆ ที่เหลือ: ปรับให้ครบ 100%
ข้อควรพิจารณาเพิ่มเติม:
- หากเลือกเพิ่ม Vitamin C ชนิด MAP หรือ SAP อย่าลืมปรับ pH สุดท้ายของสูตรให้อยู่ในช่วง 7-8 และควรเติม Disodium EDTA ประมาณ 0.05% เพื่อช่วยเรื่องความเสถียรค่ะ
- หากไม่ต้องการปรับ pH ให้สูงถึง 7-8 เพื่อใช้ MAP/SAP หรือต้องการใช้ Vitamin C อนุพันธ์อื่นที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าอย่าง Perfect-C™ หรือ Ethyl Ascorbic Acid ที่เข้ากับ Niacinamide ไม่ได้ แนะนำให้ทำโลชั่น Vitamin C แยกสูตรไปเลยค่ะ
- ควรทดลองทำในปริมาณน้อยๆ ก่อน เพื่อทดสอบเนื้อสัมผัสและความรู้สึกบนผิว และปรับสัดส่วน MOIST72 และ Rose Hip Oil ให้เหมาะสมกับผิวของคุณที่สุดค่ะ
- การใช้สารกลุ่ม Whitening หลายตัวในสูตรเดียวมีโอกาสเห็นผลดี แต่ก็อาจเพิ่มความเสี่ยงในการระคายเคืองได้ ควรทดสอบการแพ้ก่อนใช้ทั่วร่างกายค่ะ
หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ในการพัฒนาสูตรโลชั่นของคุณนะคะ
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Alpha Arbutin (Switzerland)

Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)

GlucoBright™ (Acetyl Glucosamine)

Light Cream Maker™

Phenoxyethanol (Extra Pure)

MOIST72™

Perfect-C™ (Ascorbyl Tetraisopalmitate)

Tranexamic Acid (Trans-White™)

Magnesium Ascorbyl Phosphate

Rose Hip Oil (Virgin, Fresh)
