การเพิ่ม PHA/LHA ในครีมเบสและความเหมาะสมกับผิวหน้ามัน/สิวเสี้ยน
คำถาม
มีคำถามเกี่ยวกับการเพิ่มสารออกฤทธิ์ลงในเนื้อครีมเบสและความเหมาะสมสำหรับปัญหาผิวบางประการดังนี้ครับ:
1. สามารถนำสารออกฤทธิ์ เช่น PHA หรือ LHA มาผสมเพิ่มลงในเนื้อครีมเบสสำเร็จรูป เช่น Johnson's Baby Milk Cream ได้โดยตรงหรือไม่? จะเกิดอะไรขึ้นหากผสมแบบนั้น?
2. การวัดค่า pH ในเนื้อครีมหรืออิมัลชันควรทำอย่างไรให้แม่นยำ?
3. สำหรับปัญหาผิวหน้ามันและสิวเสี้ยน สารออกฤทธิ์ชนิดใดมีประสิทธิภาพมากกว่ากันระหว่าง PHA, LHA, หรือ BHA? เคยได้ยินว่า BHA สามารถใช้ความเข้มข้น 2% สำหรับทาบริเวณสิวเสี้ยนที่จมูกได้
คำตอบ
ข้อมูลเกี่ยวกับ PHA และ LHA ในการทำสูตร
จากคำถามของคุณเกี่ยวกับการเพิ่ม PHA หรือ LHA ลงในเนื้อครีมเบส และความเหมาะสมสำหรับผิวหน้ามัน/สิวเสี้ยน มีข้อมูลดังนี้ครับ:
การเพิ่มสารออกฤทธิ์ลงในเนื้อครีมเบสสำเร็จรูป
โดยทั่วไป ไม่แนะนำ ให้เพิ่มสารออกฤทธิ์ เช่น PHA หรือ LHA ลงในเนื้อครีมเบสสำเร็จรูป เช่น Johnson's Baby Milk Cream เบสเหล่านี้เป็นอิมัลชันที่เสถียร การเติมส่วนผสมเพิ่มเติม โดยเฉพาะผงหรือของเหลวที่ละลายน้ำได้ มักจะรบกวนโครงสร้างของอิมัลชัน ทำให้เกิดความไม่เสถียรหรือการแยกชั้นได้ วิธีที่ถูกต้องในการผสมสารเหล่านี้คือการทำในระหว่างกระบวนการผลิตเนื้อเบสเองครับ
การวัดค่า pH ในเนื้อครีม
การวัดค่า pH โดยตรงบนเนื้อครีมหรืออิมัลชันมักจะ ไม่แม่นยำ เครื่องวัดค่า pH มาตรฐานถูกออกแบบมาสำหรับสารละลายที่เป็นน้ำ การวัดค่า pH ของครีมต้องใช้วิธีพิเศษหรือการเจือจางเพื่อให้ได้ค่าที่แม่นยำมากขึ้น
PHA กับ LHA สำหรับผิวหน้ามันและสิวเสี้ยน
สำหรับปัญหาผิวหน้ามันและสิวเสี้ยน LHA (Lipo Hydroxy Acid) หรือ BHA (Beta Hydroxy Acid เช่น Salicylic Acid) มักถูกพิจารณาว่ามีประสิทธิภาพมากกว่า PHA (Poly Hydroxy Acid) LHA และ BHA สามารถละลายได้ในน้ำมัน ทำให้สามารถซึมเข้าสู่รูขุมขนและช่วยจัดการกับสิ่งอุดตันได้ PHA เป็นโมเลกุลขนาดใหญ่กว่า ซึ่งเน้นการผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยนที่ผิวชั้นบนและให้ความชุ่มชื้น ความเข้มข้นที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับชนิดของสารและประเภทของผลิตภัณฑ์ โดยทั่วไปสำหรับ LHA/BHA ในผลิตภัณฑ์แบบ Leave-on จะอยู่ที่ประมาณ 0.5% ถึง 2%
การผสมสารออกฤทธิ์ลงในสูตร
หากคุณกำลังทำเนื้อเบสของคุณเอง การผสมสารออกฤทธิ์ เช่น PHA หรือ LHA ต้องทำในระหว่างกระบวนการทำสูตร ซึ่งรวมถึงการทำความเข้าใจคุณสมบัติการละลายและความเสถียรของสาร และการเติมในขั้นตอน (เฟส) และอุณหภูมิที่เหมาะสม ตามหลักการทำสูตรเครื่องสำอางที่ถูกต้อง