การเลือกระหว่าง LHA และ Liquid Azelaic™ สำหรับจุดด่างดำและการผลัดเซลล์ผิว
คำถาม
สวัสดีพี่ๆ ทีมงาน myskinrecipes
ตอนแรกผมว่าจะเลือก AHA ที่มีฤทธิ์การผลัดเซลล์ผิว จากปัญหาจุดด่างดำเฉพาะจุดบนใบหน้า แต่ทีนี้ดูไปดูมา เหมือนมีสารที่ทำการออกฤทธิ์ดีกว่า มีประสิทธิภาพมากกว่า AHA (Glycolic Acid)
ก็เลยมี 2 ตัวนี้เป็นตัวเลือกครับ ก็คงจะเลือกใช้แค่ตัวเดียว...
Capryloyl Salicylic Acid (LHA) EZ™
- จากผลการทดลองของ L'Oreal พบว่า LHA มีประสิทธิภาพในการทำ facial peeling ได้ดีกว่า Glycolic Acid มีความสามารถในการลดริ้วรอยได้มากกว่า
Azelaic Acid (Liquid Azelaic™)
- Azelaic Acid ชนิดละลายน้ำได้ (Liquid Azelaic™) ให้ผิวกระจ่างใส ลดรอยดำ ลดความมันบนผิว ควบคุมการสร้างน้ำมันของรูขุมขน ลดสิวอุดตัน
2 ตัวเลือกนี้มีฤทธิ์ผลัดเซลล์ผิวที่เหมือนกันเลย ก็เลยไม่รู้ถึงความแตกต่างเท่าไหร่ ว่าตัวไหนจะดีกว่ากัน
ถ้าเลือกได้ตัวเดียว พี่ๆ ทีมงานแนะนำเป็นตัวไหนครับ ถ้าเน้นเรื่องการผลัดเซลล์ผิว เพื่อแก้ไขปัญหาจุดด่างดำ หรือผิวหยาบกร้านเฉพาะจุด เพื่อขจัดเซลล์ที่ตายแล้วออกไป
คำถามพิเศษ: การใช้สารเหล่านี้ผสมในรูปของ ครีม หรือ เจล ทาทิ้งไว้เหมือนครีมปกติได้เลยมั้ยครับ หรือว่าต้องทาผิว 15 นาทีแล้วล้างออกรึเปล่าครับ? ผมได้ยินมาว่าครีมแบบ AHA ให้ทาทิ้งไว้แค่ 15 นาทีแล้วต้องล้างออก..
ก็คงต้องใช้ครีมกันแดดร่วมด้วย เพราะผิวจะบางกว่าปกติ ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด
ขอบคุณพี่ๆ ทีมงาน Myskinrecipes มากๆ นะครับ
คำตอบ
การเลือกระหว่าง LHA และ Azelaic Acid สำหรับจุดด่างดำและการผลัดเซลล์ผิว
ขอบคุณที่ติดต่อเข้ามานะคะ เป็นเรื่องที่ดีมากที่คุณกำลังมองหาส่วนผสมที่มีประสิทธิภาพสำหรับปัญหาผิวของคุณค่ะ
คุณกำลังเปรียบเทียบ Capryloyl Salicylic Acid (LHA) และ Azelaic Acid (โดยเฉพาะ Liquid Azelaic™) ในด้านคุณสมบัติการผลัดเซลล์ผิวเพื่อจัดการกับจุดด่างดำและผิวที่หยาบกร้าน
นี่คือการเปรียบเทียบเพื่อช่วยในการตัดสินใจของคุณค่ะ:
Capryloyl Salicylic Acid (LHA): ส่วนผสมนี้เป็นที่รู้จักในด้านการผลัดเซลล์ผิวที่มีประสิทธิภาพ (chemical peeling) และความสามารถในการช่วยละลายสิวอุดตัน จากการศึกษาพบว่ามีประสิทธิภาพในการทำ facial peeling และลดริ้วรอยได้ดีกว่า Glycolic Acid (AHA) โดยทั่วไปแล้ว LHA ถือว่าอ่อนโยนกว่า BHA (Salicylic Acid) เนื่องจากมีขนาดโมเลกุลที่ใหญ่กว่าและมีค่า pH ใกล้เคียงกับค่า pH ตามธรรมชาติของผิว เหมาะสำหรับการผลัดเซลล์ผิวทั่วไป ปรับปรุงสภาพผิว และจัดการกับปัญหาสิว
Azelaic Acid (Liquid Azelaic™): Azelaic Acid ในรูปแบบนี้สามารถละลายน้ำได้และมีประโยชน์หลายอย่าง มีประสิทธิภาพในการทำให้ผิวกระจ่างใสและลดจุดด่างดำโดยเฉพาะ นอกจากนี้ยังช่วยควบคุมความมันบนผิวและลดสิวอุดตัน แม้ว่าจะมีคุณสมบัติในการผลัดเซลล์ผิวด้วย แต่จุดเด่นหลักที่เน้นคือการทำให้ผิวกระจ่างใสและลดจุดด่างดำ นอกเหนือจากการควบคุมความมันและสิว
ควรเลือกตัวไหนดี?
ส่วนผสมทั้งสองชนิดมีคุณสมบัติในการผลัดเซลล์ผิวที่สามารถช่วยปรับปรุงสภาพผิวและลดเลือนจุดด่างดำได้โดยการส่งเสริมการผลัดเซลล์ผิว อย่างไรก็ตาม หากเป้าหมายหลักของคุณคือการลด จุดด่างดำ และต้องการผิวที่กระจ่างใสขึ้น Azelaic Acid (Liquid Azelaic™) อาจเป็นตัวเลือกที่ตรงจุดกว่าเล็กน้อย เนื่องจากมีคุณสมบัติเฉพาะในการทำให้ผิวกระจ่างใสและลดจุดด่างดำ หากคุณกังวลเกี่ยวกับการผลัดเซลล์ผิวทั่วไป ปรับปรุงสภาพผิว และอาจมีปัญหาสิวอุดตันเล็กน้อย LHA ก็เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมเช่นกันค่ะ
วิธีการใช้ (ทาทิ้งไว้ vs. ล้างออก)
ในส่วนของวิธีการใช้ ทั้ง Capryloyl Salicylic Acid (LHA) และ Azelaic Acid (Liquid Azelaic™) มักถูกนำไปผสมในผลิตภัณฑ์ประเภท leave-on เช่น ครีม เซรั่ม เจล หรือโลชั่น คุณสามารถทาผลิตภัณฑ์เหล่านี้ได้เหมือนครีมหรือเซรั่มทั่วไปและทาทิ้งไว้ได้เลยค่ะ การที่ต้องล้างออกหลังจากทา 15 นาทีไม่ใช่คำแนะนำมาตรฐานสำหรับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมเหล่านี้ในความเข้มข้นที่ใช้ทั่วไป คำแนะนำนี้อาจเป็นคำแนะนำเฉพาะสำหรับผลิตภัณฑ์บางประเภทหรือการรักษาที่มีความเข้มข้นสูง ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับการทำทรีตเมนต์ AHA บางชนิด แต่โดยทั่วไปแล้วไม่ใช้กับผลิตภัณฑ์ประเภท leave-on ที่มี LHA หรือ Liquid Azelaic™
การใช้ครีมกันแดด
คุณเข้าใจถูกต้องแล้วค่ะ! เมื่อใช้ส่วนผสมที่ช่วยในการผลัดเซลล์ผิว เช่น LHA, Azelaic Acid หรือ AHA ผิวของคุณอาจไวต่อแสงแดดมากขึ้น การใช้ ครีมกันแดดทุกวัน จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งเพื่อปกป้องผิวจากความเสียหายจากรังสี UV ซึ่งอาจทำให้จุดด่างดำแย่ลงและนำไปสู่ปัญหาอื่นๆ ได้ค่ะ
สรุปคือ สำหรับการลดจุดด่างดำโดยเฉพาะ Azelaic Acid (Liquid Azelaic™) เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ ทั้งสองชนิดใช้ในผลิตภัณฑ์แบบทาทิ้งไว้ และจำเป็นต้องใช้ครีมกันแดดทุกวันเมื่อใช้ส่วนผสมใดส่วนผสมหนึ่งค่ะ
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Azelaic Acid (Liquid Azelaic™)
