การแก้ไขปัญหาเหม็นหืนและการเลือกน้ำมันสำหรับครีมทาตา ครีมกลางวัน และครีมกลางคืน

ถามโดย: jn_andy เมื่อ: May 24, 2016 ประเภทผลิตภัณฑ์: เครื่องสำอาง

คำถาม

กำลังพัฒนาสูตรครีมสำหรับผิวธรรมดาถึงแห้ง (ครีมทาตา ครีมกลางวัน และครีมกลางคืน) ได้เลือกใช้น้ำมันดังนี้ และต้องการทราบว่าน้ำมันชนิดใดเหมาะสมกับครีมแต่ละประเภท:

  • Olive Oil (Hydrogenated Olive Oil)
  • Squalane (Olive)
  • Jojoba Oil (clear - deodorized)
  • Jojoba Oil (golden - extra fine - deodorized)
  • Safflower Seed Oil (refined)

ขอคำแนะนำเกี่ยวกับความเหมาะสมของน้ำมันเหล่านี้สำหรับสูตรครีมทาตา ครีมกลางวัน และครีมกลางคืน

คำตอบ

การวิเคราะห์และคำแนะนำสำหรับสูตรครีมทาตาของคุณ

ขอบคุณสำหรับสูตรครีมทาตาและคำถามโดยละเอียดของคุณ จากส่วนผสมและปัญหาที่คุณพบ นี่คือการวิเคราะห์และคำแนะนำ:

1. สาเหตุของการเหม็นหืน

กลิ่นเหม็นหืนที่คุณพบหลังจาก 5 เดือนมีแนวโน้มสูงว่าเกิดจาก ปฏิกิริยาออกซิเดชัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในน้ำมันธรรมชาติในสูตรของคุณ ดังที่ทีมงานได้กล่าวไว้ Rose Hip Oil และ Sweet Almond Oil มีแนวโน้มที่จะเกิดออกซิเดชันได้ง่าย เนื่องจากมีปริมาณกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูง กรดไขมันเหล่านี้ทำปฏิกิริยากับออกซิเจนเมื่อเวลาผ่านไป ทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของการเหม็นหืน Rose Hip Oil บางครั้งก็มีกลิ่นถั่วๆ ตามธรรมชาติที่บางคนอาจรู้สึกว่าคล้ายกลิ่นหืนได้แม้จะยังสดอยู่

2. วิธีแก้ไขการเหม็นหืน

การป้องกันการเหม็นหืนในสูตรที่มีน้ำมันที่ไวต่อการเกิดออกซิเดชันต้องใช้วิธีการที่หลากหลาย:

  • สารต้านอนุมูลอิสระ: การเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น Vitamin E (Tocopheryl Acetate) สามารถช่วยชะลอการเกิดออกซิเดชันและยืดอายุการเก็บรักษาได้ในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ดังที่ทั้งทีมงานและ C7 ได้กล่าวไว้ แม้ Vitamin E จะช่วยป้องกันได้บ้าง แต่อาจไม่เพียงพอสำหรับน้ำมันที่ไวต่อการเกิดออกซิเดชันมากเมื่อเก็บไว้นาน Rosemary Oleoresin Extract (ROE) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระอีกชนิดที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับน้ำมัน แต่มีกลิ่นและสีที่ค่อนข้างแรง
  • เลือกใช้น้ำมันที่เสถียรมากขึ้น: วิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการป้องกันการเหม็นหืนคือการใช้น้ำมันที่มีความเสถียรตามธรรมชาติ C7 แนะนำน้ำมัน เช่น Jojoba Oil (ทั้งชนิด Golden และ Clear แบบ deodorized), Squalane (Olive) และ Olive CLEAR (Hydrogenated Olive Oil) น้ำมันเหล่านี้มีอายุการเก็บรักษานานกว่าและมีแนวโน้มที่จะเกิดออกซิเดชันน้อยกว่า Rose Hip Oil และ Sweet Almond Oil คุณอาจพิจารณาเปลี่ยนหรือลดปริมาณ Rose Hip Oil และ Sweet Almond Oil แล้วใช้น้ำมันที่เสถียรเหล่านี้แทน หรือใช้ร่วมกัน
  • บรรจุภัณฑ์: ใช้บรรจุภัณฑ์ที่ป้องกันผลิตภัณฑ์จากแสงและอากาศ เช่น ขวดทึบแสง หรือบรรจุภัณฑ์แบบ Airless pump
  • การจัดเก็บ: เก็บผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปในที่เย็น ห่างจากแสงแดดและความร้อนโดยตรง การเก็บในตู้เย็น (4-8°C) จะช่วยยืดอายุผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำมันที่ไวต่อการเกิดออกซิเดชันได้ดีที่สุด

สำหรับเนื้อครีมที่มีความเหนียวมากขึ้นเล็กน้อย อาจเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของส่วนที่เป็นน้ำมันเมื่อเวลาผ่านไปเนื่องจากการเกิดออกซิเดชัน หรือปฏิกิริยาอื่นๆ ภายในสูตร

3. ประสิทธิภาพของสูตรสำหรับปัญหาผิวรอบดวงตา

สูตรของคุณมีส่วนผสมออกฤทธิ์หลายชนิดที่เป็นที่รู้จักว่าช่วยดูแลปัญหาผิวรอบดวงตา:

  • REGU-AGE: ส่วนผสมนี้ออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อลดรอยคล้ำและอาการบวมรอบดวงตา โดยช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตขนาดเล็กและเสริมสร้างผิวรอบดวงตาให้แข็งแรงขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยลดการอักเสบและปกป้องผิวรอบดวงตาจากความเสียหายของรังสี UV
  • Argireline (Acetyl Hexapeptide-8): เปปไทด์นี้ทำงานโดยการลดการหดตัวของกล้ามเนื้อ ซึ่งช่วยลดเลือนริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงสีหน้า โดยเฉพาะบริเวณหน้าผากและรอบดวงตา
  • Pep-Coll (Palmitoyl tripeptide-5): เปปไทด์นี้ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ซึ่งช่วยปรับปรุงความกระชับของผิวและลดความลึก ความกว้าง และความยาวของริ้วรอย

เมื่อใช้ร่วมกับส่วนผสมที่ให้ความชุ่มชื้น เช่น Double Hyaluron Liquid, Beta Glucan, Allantoin, Shea Butter Ultra Soft, Rose Hip Oil และ Sweet Almond Oil สูตรของคุณมีพื้นฐานที่ดีในการดูแลริ้วรอย ให้ความชุ่มชื้น และปลอบประโลมผิว ดังที่ทีมงานแนะนำ การเพิ่ม Caffeine (Coffee Extract) และ Safe-B3 (Vitamin B3, Niacinamide) อาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของสูตรในการลดรอยคล้ำและอาการบวม โดยช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต และ Safe-B3 ยังมีประโยชน์ในการต่อต้านริ้วรอยและเสริมสร้างผิวให้แข็งแรง

4. การผสม 'full & lift' (Lift-Now™)

'full & lift' น่าจะหมายถึง Lift-Now™ ซึ่งเป็นส่วนผสมที่ให้ผลในการยกกระชับผิวชั่วคราว หากไม่ได้อุ่นหรือผสมเข้ากับเนื้อครีมได้ดี อาจไม่ละลายหรือกระจายตัวอย่างสมบูรณ์ ซึ่งอาจทำให้เนื้อครีมไม่สม่ำเสมอ หรืออาจส่งผลต่อความเสถียรของอิมัลชันเมื่อเวลาผ่านไป แม้ว่าทีมงานจะกล่าวว่าหากผสมไม่เข้ากัน มักจะพบปัญหาการแยกชั้น หากคุณกังวลเกี่ยวกับการกระจายตัวที่เหมาะสม ควรปฏิบัติตามคำแนะนำในการผสม ซึ่งโดยทั่วไปจะผสมในส่วนของน้ำ หากคุณประสบปัญหาอย่างต่อเนื่องหรือต้องการกระบวนการที่ง่ายกว่า คุณอาจพิจารณาตัดส่วนผสมนี้ออก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากผลการยกกระชับชั่วคราวไม่ใช่เป้าหมายหลักสำหรับครีมทาตาของคุณ

5. ประสิทธิภาพด้านการต้านอนุมูลอิสระของสารอื่นๆ ในปริมาณน้อย

ถูกต้องค่ะ ส่วนผสมบางชนิดที่เป็นที่รู้จักหลักๆ ในด้านอื่นๆ (เช่น ไวท์เทนนิ่ง หรือต่อต้านริ้วรอย) อาจมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระด้วย ตามที่ทีมงานกล่าว การใช้ส่วนผสมเหล่านี้ในปริมาณความเข้มข้นขั้นต่ำที่แนะนำสำหรับคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระสามารถให้ประโยชน์ด้านการต้านอนุมูลอิสระได้จริง แม้ว่าผลลัพธ์หลัก (ด้านความขาวหรือริ้วรอย) อาจจะน้อยมากในปริมาณที่ต่ำนั้น หากคุณมีส่วนผสมดังกล่าวอยู่ในใจ คุณสามารถตรวจสอบอัตราการใช้ที่แนะนำสำหรับกิจกรรมต้านอนุมูลอิสระ เพื่อดูว่าสามารถใช้ประโยชน์ได้สองทางในสูตรของคุณหรือไม่ และอาจช่วยลดความจำเป็นในการเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระโดยเฉพาะอย่าง Vitamin E

การเลือกน้ำมันสำหรับครีมประเภทต่างๆ

จากการพูดคุยกับ C7 และข้อมูลผลิตภัณฑ์ นี่คือข้อควรพิจารณาในการเลือกน้ำมันสำหรับครีมประเภทต่างๆ สำหรับผิวธรรมดาถึงผิวแห้ง:

  • ครีมทาตา: เนื่องจากผิวรอบดวงตามีความบอบบางและต้องการหลีกเลี่ยงการเหม็นหืน น้ำมันที่มีความเสถียรจึงเป็นที่แนะนำอย่างยิ่ง Jojoba Oil (ชนิด Golden หรือ Clear แบบ deodorized), Squalane (Olive) และ Olive CLEAR (Hydrogenated Olive Oil) เป็นตัวเลือกที่ดีเยี่ยมเนื่องจากมีความเสถียรและเข้ากันได้ดีกับผิว ให้ความชุ่มชื้นและให้ความรู้สึกสบายผิวโดยไม่เหนอะหนะจนเกินไป
  • ครีมกลางวัน: สำหรับครีมกลางวัน คุณอาจต้องการน้ำมันที่บางเบา ซึมซาบได้ดี และไม่ทิ้งความรู้สึกมันเยิ้ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากจะแต่งหน้าหลังจากนั้น น้ำมันที่เสถียร เช่น Jojoba Oil และ Squalane (Olive) เหมาะสม Safflower Seed Oil ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง แม้ว่า C7 จะแนะนำให้ทดสอบความเสถียรก่อน Olive CLEAR ก็สามารถใช้เพื่อให้ความรู้สึกที่ไม่เหนอะหนะได้
  • ครีมกลางคืน: ครีมกลางคืนมักจะมีความเข้มข้นมากกว่า เพื่อให้ความชุ่มชื้นและการบำรุงอย่างเต็มที่ตลอดคืน คุณสามารถใช้น้ำมันที่เสถียรร่วมกับบัตเตอร์ที่เข้มข้นขึ้นเล็กน้อยได้ Shea Butter (ทั้งชนิด Ultra Soft และ Refined/Deodorised) เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับความเข้มข้นและคุณสมบัติในการให้ความชุ่มชื้น Cocoa Butter Replacer หรือ Coconut Butter ก็สามารถช่วยให้เนื้อครีมหนักขึ้นได้ แต่ควรพิจารณาถึงเนื้อสัมผัสและจุดหลอมเหลวด้วย น้ำมันที่เสถียร เช่น Jojoba Oil, Squalane (Olive) และ Olive CLEAR ยังคงสามารถเป็นส่วนประกอบหลักได้

เกี่ยวกับ Shea Butter และ Cocoa Butter ชนิดต่างๆ:

  • Shea Butter (Refined, Deodorised) vs. Shea Butter (Ultra Soft): ชนิด Refined/Deodorised ผ่านกระบวนการเพื่อกำจัดกลิ่นและสี และเป็นบัตเตอร์ที่แข็งกว่าที่อุณหภูมิห้อง ส่วนชนิด Ultra Soft ผ่านกระบวนการพิเศษเพื่อให้คงความนุ่มสม่ำเสมอโดยไม่มีน้ำมันแยกตัวที่อุณหภูมิห้อง (Shea Butter ทั่วไปมักมีลักษณะน้ำมันแยกตัวเมื่ออยู่ที่อุณหภูมิห้อง) สำหรับครีมที่ข้นและหนักกว่า Shea Butter ชนิด Refined/Deodorised อาจช่วยเสริมโครงสร้างที่เป็นของแข็งได้มากกว่า ในขณะที่ชนิด Ultra Soft ให้ความรู้สึกนุ่มนวล ทั้งสองชนิดให้ประโยชน์ด้านความชุ่มชื้น
  • Cocoa Butter vs. Shea Butter: Cocoa Butter (หรือสารทดแทน) มักจะแข็งกว่าและมีกลิ่นคล้ายช็อกโกแลตที่ชัดเจนในรูปแบบที่ไม่ผ่านการกลั่น (แม้ว่าสารทดแทนจะผ่านการกำจัดกลิ่นแล้ว) ให้ความเข้มข้นและสร้างชั้นปกป้องผิว Shea Butter โดยทั่วไปจะนุ่มกว่าและเป็นที่รู้จักในด้านคุณสมบัติให้ความชุ่มชื้นและการฟื้นฟูผิวที่ดีเยี่ยม การเลือกขึ้นอยู่กับเนื้อสัมผัสที่ต้องการ ความรู้สึก และความชอบเรื่องกลิ่น (หากใช้ชนิดที่ไม่ผ่านการกลั่น) Cocoa Butter Replacer ถูกออกแบบมาเพื่อเลียนแบบคุณสมบัติของ Cocoa Butter แต่มีความเสถียรที่ดีขึ้นและไม่มีปัญหาเรื่องกลิ่น/สี

โดยสรุป เพื่อแก้ไขปัญหาการเหม็นหืน ควรให้ความสำคัญกับการใช้น้ำมันที่เสถียรมากขึ้น และตรวจสอบให้แน่ใจว่าใช้บรรจุภัณฑ์และการจัดเก็บที่เหมาะสม สูตรปัจจุบันของคุณมีส่วนผสมที่ดีในการต่อต้านริ้วรอย และการเพิ่ม Caffeine และ Safe-B3 อาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการลดรอยคล้ำและอาการบวม ให้ความสำคัญกับการผสมส่วนผสมอย่าง Lift-Now™ เพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสที่เหมาะสม พิจารณาคุณสมบัติของน้ำมันและบัตเตอร์ชนิดต่างๆ เมื่อคิดค้นสูตรครีมกลางวันและกลางคืนสำหรับผิวธรรมดาถึงผิวแห้ง

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Acetyl Hexapeptide-8 (eq Argireline)
Acetyl Hexapeptide-8 (eq Argireline)
เครื่องสำอาง
Pep®-Coll (Palmitoyl tripeptide-5)
Pep®-Coll (Palmitoyl tripeptide-5)
เครื่องสำอาง
Vitamin E (Tocopheryl Acetate)
Vitamin E (Tocopheryl Acetate)
เครื่องสำอาง
Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)
Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)
เครื่องสำอาง
Allantoin
Allantoin
เครื่องสำอาง
Jojoba Oil (Golden - Deodorized)
Jojoba Oil (Golden - Deodorized)
เครื่องสำอาง
Rose Hip Oil (Extra Virgin Organic)
Rose Hip Oil (Extra Virgin Organic)
เครื่องสำอาง
Shea Butter (Refined , Deodorised)
Shea Butter (Refined , Deodorised)
เครื่องสำอาง
NaturalProfile™ Grape Seed Oil (Cold-Pressed)
NaturalProfile™ Grape Seed Oil (Cold-Pressed)
เครื่องสำอาง
NaturalProfile™ Sweet Almond Oil (Cold-Pressed)
NaturalProfile™ Sweet Almond Oil (Cold-Pressed)
เครื่องสำอาง
NaturalProfile™ Safflower Seed Oil (Cold-Pressed)
NaturalProfile™ Safflower Seed Oil (Cold-Pressed)
เครื่องสำอาง
Squalane (Olive)
Squalane (Olive)
เครื่องสำอาง
Phenoxyethanol (Extra Pure)
Phenoxyethanol (Extra Pure)
เครื่องสำอาง
Jojoba Oil (Clear - Deodorized)
Jojoba Oil (Clear - Deodorized)
เครื่องสำอาง
Rosemary Oleoresin Extract (ROE)
Rosemary Oleoresin Extract (ROE)
เครื่องสำอาง
Cyclopentasiloxane (Low-Odor Cyclomethicone)
Cyclopentasiloxane (Low-Odor Cyclomethicone)
เครื่องสำอาง
REGU®-AGE
REGU®-AGE
เครื่องสำอาง
Beta Glucan (Saccharomyces cerevisiae extract)
Beta Glucan (Saccharomyces cerevisiae extract)
เครื่องสำอาง
Shea Butter (Ultra Soft)
Shea Butter (Ultra Soft)
เครื่องสำอาง
Satin Cream Maker™
Satin Cream Maker™
เครื่องสำอาง
Double Hyaluron Liquid
Double Hyaluron Liquid
เครื่องสำอาง
Lift-Now™
Lift-Now™
เครื่องสำอาง
Olive CLEAR (Hydrogenated Olive Oil)
Olive CLEAR (Hydrogenated Olive Oil)
เครื่องสำอาง
Coconut Butter
Coconut Butter
เครื่องสำอาง
Cocoa Butter Replacer (Quick-Melt)
Cocoa Butter Replacer (Quick-Melt)
เครื่องสำอาง