การใช้น้ำดอกไม้ (Flower Water)

น้ำดอกไม้ หรือ Floral Water หรือ Hydrosol ได้มาจากการกลั่นด้วยไอน้ำจากดอกไม้หรือส่วนอื่นๆ ของพืช โดยจะมีสารประกอบอะโรมาติกที่ละลายน้ำได้และน้ำมันหอมระเหยในปริมาณเล็กน้อย

จากข้อมูลผลิตภัณฑ์ น้ำดอกไม้ เช่น Rose Water (Rosa Damascena), Rose Petal Water, Bulgarian Rose Water, Jasmine Grandiflorum Floral Water และ Rosemary Water ส่วนใหญ่จะใช้ในสูตรเครื่องสำอาง

การใช้งานในเครื่องสำอาง

น้ำดอกไม้เป็นส่วนผสมที่หลากหลายในเครื่องสำอางและสามารถใช้ได้ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ:

• โทนเนอร์: เหมาะอย่างยิ่งสำหรับใช้เป็นโทนเนอร์เช็ดหน้าเพื่อช่วยปรับสมดุลค่า pH ของผิวและให้ความรู้สึกสดชื่น
• ครีมและโลชั่น: สามารถผสมในส่วนของน้ำในสูตรอิมัลชันได้
• เซรั่มและเจล: ใช้เป็นของเหลวพื้นฐาน
• สเปรย์/มิสต์ฉีดผิวกาย: สามารถใช้เดี่ยวๆ หรือผสมกับส่วนผสมอื่นๆ เพื่อเป็นสเปรย์ฉีดผิวกายที่บางเบาและมีกลิ่นหอม
• มาสก์: เติมลงในมาสก์แบบผง หรือใช้เป็นส่วนประกอบของเหลวในมาสก์ DIY

น้ำดอกไม้มีคุณสมบัติช่วยปลอบประโลมผิว ให้ความสดชื่น และให้กลิ่นหอมตามธรรมชาติที่น่ารื่นรมย์ บางชนิด เช่น Rose Water มีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อ (anti-septic), ต้านแบคทีเรีย (anti-bacterial) และป้องกันการระคายเคือง รวมถึงช่วยกระตุ้นระบบประสาท (จากกลิ่นหอม)

โดยทั่วไปสามารถใช้น้ำดอกไม้ในความเข้มข้นตั้งแต่ 1% ถึง 100% ในสูตรเครื่องสำอางได้

การใช้งานในอาหารและการใช้งานอื่นๆ

น้ำดอกไม้ที่กล่าวถึง เช่น Rose Water (Rosa Damascena), Rose Petal Water, Bulgarian Rose Water, Jasmine Grandiflorum Floral Water และ Rosemary Water มีการใช้วัตถุกันเสีย Phenoxyethanol ซึ่งเป็นวัตถุกันเสียสำหรับเครื่องสำอาง และไม่เหมาะสำหรับการบริโภคเป็นอาหาร ดังนั้น ผลิตภัณฑ์เหล่านี้จึงไม่ควรนำไปใช้ในอาหารหรือเครื่องดื่ม

สำหรับการใช้งานในอาหาร คุณจะต้องใช้น้ำดอกไม้เกรดอาหาร (food-grade) ที่ผลิตภายใต้มาตรฐานสุขอนามัยที่เข้มงวดและไม่มีการใช้วัตถุกันเสียสำหรับเครื่องสำอาง

การใช้งานอื่นๆ ที่เป็นไปได้อาจรวมถึงการใช้ในเครื่องพ่นอโรมา (แม้ว่าจะมีความเข้มข้นน้อยกว่าน้ำมันหอมระเหย) หรือใช้เป็นสเปรย์ฉีดผ้าตามธรรมชาติ แต่การใช้งานหลักตามคำอธิบายผลิตภัณฑ์คือสำหรับการทำสูตรเครื่องสำอาง