การใช้น้ำผึ้งในสูตรเครื่องสำอางค์

การใช้น้ำผึ้งในสูตรเครื่องสำอางค์ เช่น ครีมนวดผม ครีมทาผิว และโลชั่น เป็นไปได้ โดยมีเป้าหมายเพื่อประโยชน์ในการบำรุงและให้ความชุ่มชื้นจากธรรมชาติ นี่คือคำตอบสำหรับคำถามของคุณเป็นข้อๆ ครับ:

1. การทำ Emulsion น้ำผึ้งในสูตร Oil in Water

สามารถทำได้ น้ำผึ้งสามารถนำมาผสมในสูตร Oil-in-Water Emulsion ได้ครับ

2. ควรผสมใน Oil Phase หรือ Water Phase

หากใช้น้ำผึ้งแท้ (ที่ไม่ใช่สารสกัด) ควรผสมใน Water Phase เนื่องจากน้ำผึ้งละลายได้ดีในน้ำ แต่หากใช้สารสกัดจากน้ำผึ้ง การผสมจะขึ้นอยู่กับลักษณะการละลายของสารสกัดนั้นๆ เช่น Honey Extract (For Natural Honey Odor, Water-Dispersible) ควรผสมใน Water Phase ในขณะที่ Honey Extract (For Natural Honey Odor, Oil-Soluble) ควรผสมใน Oil Phase ครับ

3. ใช้น้ำผึ้งแท้ตามท้องตลาดได้หรือไม่ หรือต้องเป็น Honey Extract เกรดเครื่องสำอางค์เท่านั้น

ในทางเทคนิคแล้วสามารถใช้น้ำผึ้งแท้ตามท้องตลาดได้ แต่มีแนวโน้มที่จะไม่ให้ประโยชน์ในการบำรุงหรือให้ความชุ่มชื้นอย่างมีนัยสำคัญในสูตรเครื่องสำอางค์ สารประกอบที่มีประโยชน์ในน้ำผึ้งแท้อาจไม่คงตัวหรือไม่สามารถออกฤทธิ์ได้ดีในสูตร เพื่อการเคลมสรรพคุณที่ชัดเจน โดยทั่วไปแนะนำให้ใช้สารสกัดจากน้ำผึ้งเกรดเครื่องสำอางค์ที่มีข้อมูลการวิจัยรองรับ อย่างไรก็ตาม ควรทราบว่าสารสกัดจากน้ำผึ้งบางชนิดที่มีจำหน่าย เช่น Honey Extract (For Natural Honey Odor, Water-Dispersible) และ Honey Extract (For Natural Honey Odor, Oil-Soluble) มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อกลิ่นหอมธรรมชาติและการเคลมทางการตลาด โดยคำอธิบายผลิตภัณฑ์ระบุว่าไม่มีผลการวิจัยที่ทดสอบประสิทธิภาพต่อผิวหนัง ซึ่งอาจไม่ตรงกับความต้องการในการเคลมว่าเป็น Treatment และ moisturizer ครับ

4. สารกันเสียที่ใช้ Phenoxyethanol SA (0.8%) กับ Mild Preserved Eco (0.2%) ใช้ได้ไหม

สารกันเสียทั้ง Phenoxyethanol SA (eq. Optiphen Plus) และ Mild Preserved Eco™ (Preservative-Free) สามารถใช้ได้ในสูตรที่มีส่วนผสมของน้ำผึ้ง โดยมีข้อแม้ว่าน้ำผึ้งที่นำมาใช้ต้องมีความสะอาด ปราศจากเชื้อโรคในปริมาณสูง

• Phenoxyethanol SA (eq. Optiphen Plus) เป็นสารกันเสียแบบ Broad Spectrum มีประสิทธิภาพในช่วง pH 2.0-6.0 อัตราการใช้โดยทั่วไปอยู่ที่ 0.5-1.25% ปริมาณ 0.8% ที่คุณเสนออยู่ในช่วงที่แนะนำครับ
• Mild Preserved Eco™ (Preservative-Free) ไม่ได้ถูกจัดว่าเป็นสารกันเสียตามข้อกำหนดของ อย. และยังมีคุณสมบัติเป็น Humectant ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น มีประสิทธิภาพในช่วง pH 4-9 สำหรับการกันเสียโดยเฉพาะ โดยทั่วไปแนะนำให้ใช้อัตรา 1.0-2.0% ปริมาณ 0.2% ที่คุณเสนออาจต่ำเกินไปสำหรับการกันเสียที่มีประสิทธิภาพ แต่อาจช่วยเสริมคุณสมบัติให้ความชุ่มชื้นได้ครับ

สิ่งสำคัญอย่างยิ่งคือต้องทำการทดสอบ Challenge Test กับสูตรสำเร็จของคุณ เพื่อให้แน่ใจว่าระบบสารกันเสียที่เลือกมีประสิทธิภาพในการควบคุมการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการใช้วัตถุดิบธรรมชาติอย่างน้ำผึ้งครับ

5. ข้อควรระวังในการใช้

• การปนเปื้อนของจุลินทรีย์: น้ำผึ้งดิบอาจมีสปอร์หรือจุลินทรีย์ปนเปื้อน หากใช้น้ำผึ้งดิบ ควรแน่ใจว่ามาจากแหล่งที่สะอาด หรือพิจารณาการฆ่าเชื้อ (เช่น การใช้ความร้อน หากเข้ากันได้กับสูตรและคุณสมบัติที่ต้องการ) เพื่อลดปริมาณจุลินทรีย์ก่อนนำมาใช้ การใช้สารสกัดเกรดเครื่องสำอางค์สามารถช่วยลดความเสี่ยงนี้ได้
• ความเข้ากันได้: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าน้ำผึ้งหรือสารสกัดจากน้ำผึ้งเข้ากันได้กับส่วนผสมอื่นๆ ในสูตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องค่า pH และอุณหภูมิระหว่างกระบวนการผลิต
• ประสิทธิภาพของสารกันเสีย: ดังที่กล่าวไป ประสิทธิภาพของระบบสารกันเสียมีความสำคัญอย่างยิ่งเมื่อใช้วัตถุดิบธรรมชาติ ควรทำการทดสอบ Challenge Test เสมอ
• ความหนืด: แม้น้ำผึ้งจะมีความหนืดอยู่บ้าง แต่อาจไม่เพียงพอที่จะทำให้ได้ความข้นหนืดที่ต้องการสำหรับครีมนวดผม ครีม หรือโลชั่น คุณอาจจำเป็นต้องใช้สารเพิ่มความหนืดอื่นๆ เพิ่มเติมครับ

ด้วยการพิจารณาชนิดของน้ำผึ้งหรือสารสกัดอย่างรอบคอบ การควบคุมจุลินทรีย์ และการเลือกระบบสารกันเสียที่เหมาะสม คุณจะสามารถนำน้ำผึ้งมาใช้ในสูตรเครื่องสำอางค์ของคุณได้อย่างประสบความสำเร็จครับ