การใช้น้ำมันหอมระเหยในแชมพู

คุณต้องการใช้น้ำมันหอมระเหยแทนน้ำหอมในสูตรแชมพู และต้องการทราบปริมาณสูงสุดที่สามารถใส่ได้ รวมถึงวิธีการคำนวณเป็นเปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ยังต้องการคำแนะนำทั่วไปเกี่ยวกับการทำแชมพูด้วย

ขั้นแรก เรามาดูสูตรปัจจุบันของคุณและคำนวณเป็นเปอร์เซ็นต์กันก่อนค่ะ

สูตรแชมพูของคุณ:

• น้ำ: 3000 กรัม
• N8000: 1000 กรัม
• Cocamidopropyl Betaine: 100 กรัม
• COCAMIDE MEAPEARL SHINE CONCENTRATE (ผงหัวมุก): 100 กรัม
• Lamesoft: 100 กรัม
• COCAMIDE DIethanolAMIDESUDS BOOSTER: 100 กรัม

น้ำหนักรวมทั้งหมด = 4400 กรัม

การคำนวณเป็นเปอร์เซ็นต์:

• น้ำ: (3000 / 4400) * 100% ≈ 68.18%
• N8000: (1000 / 4400) * 100% ≈ 22.73%
• Cocamidopropyl Betaine: (100 / 4400) * 100% ≈ 2.27%
• COCAMIDE MEAPEARL SHINE CONCENTRATE: (100 / 4400) * 100% ≈ 2.27%
• Lamesoft: (100 / 4400) * 100% ≈ 2.27%
• COCAMIDE DIethanolAMIDESUDS BOOSTER: (100 / 4400) * 100% ≈ 2.27%

การใช้น้ำมันหอมระเหย:

น้ำมันหอมระเหยมีความเข้มข้นสูง และควรใช้ในปริมาณน้อยในสูตรแชมพู โดยทั่วไปอัตราการใช้สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ต้องล้างออกอย่างแชมพูจะอยู่ที่ระหว่าง 0.5% ถึง 1% การใส่มากเกินไปอาจทำให้เกิดการระคายเคืองผิว หรือส่งผลต่อความคงตัวและความใสของผลิตภัณฑ์ได้ค่ะ สูตรของคุณมีสารชะล้างซึ่งจะช่วยในการรวมน้ำมันเข้ากับเบสที่เป็นน้ำได้ในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังแนะนำให้เริ่มต้นจากปริมาณน้อยๆ ก่อน (เช่น 0.5%) และทดสอบความคงตัวและกลิ่นก่อนที่จะเพิ่มปริมาณค่ะ

สำหรับการคำนวณปริมาณที่จะใช้ในปริมาณที่มากขึ้น ให้กำหนดน้ำหนักรวมของแชมพูที่คุณต้องการทำ แล้วคูณด้วยเปอร์เซ็นต์ที่ต้องการ ตัวอย่างเช่น หากต้องการทำแชมพู 1000 กรัม และต้องการใส่น้ำมันหอมระเหย 0.5% คุณจะต้องใส่น้ำมันหอมระเหย 1000 กรัม * 0.005 = 5 กรัม

คำแนะนำเพิ่มเติมสำหรับการทำแชมพู:

1. การปรับค่า pH: แชมพูโดยทั่วไปควรมีค่า pH อยู่ระหว่าง 5.0 ถึง 6.5 เพื่อให้ไม่ระคายเคืองหนังศีรษะและเส้นผม และช่วยให้ผลิตภัณฑ์มีความคงตัว คุณอาจต้องใช้สารปรับค่า pH (เช่น Citric Acid หรือ Lactic Acid เพื่อลดค่า pH หรือ Sodium Hydroxide เพื่อเพิ่มค่า pH) และใช้เครื่องวัด pH หรือกระดาษวัด pH เพื่อตรวจสอบและปรับค่า pH ของผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้าย
2. สารกันเสีย: ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของน้ำอย่างแชมพูเสี่ยงต่อการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใส่สารกันเสียแบบ Broad-spectrum เพื่อป้องกันการปนเปื้อนและยืดอายุการเก็บรักษา
3. ความหนืด: ส่วนผสมในสูตรของคุณมีส่วนช่วยให้เกิดความหนืด หากต้องการปรับความข้น สามารถพิจารณาเพิ่มสารเพิ่มความหนืดที่เหมาะสมกับระบบสารชะล้างได้ แม้ว่าสูตรปัจจุบันจะมีส่วนผสมหลายตัวที่ช่วยเรื่องความหนืดและเนื้อสัมผัสอยู่แล้วก็ตาม
4. การทดสอบ: ควรทำในปริมาณน้อยๆ เพื่อทดสอบความคงตัว (ไม่มีการแยกชั้น) ความใส ความหนืด ฟอง กลิ่น และความรู้สึกในการใช้ ก่อนที่จะทำในปริมาณมากเสมอค่ะ