การใช้น้ำหอมในเครื่องสำอาง, สารทางเลือก, และการพัฒนาสูตรมาส์กคริสตัล
คำถาม
สามารถนำน้ำหอมสำเร็จรูป เช่น Tresor, Lacoste, Chanel และ Euphoria มาใช้ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง เช่น ครีมและเซรั่ม ได้หรือไม่? สำหรับเบสมาส์กคริสตัล สามารถผสมด้วยมือได้หรือไม่ ใช้กลีเซอรีนและโปรแพนไดออลแทนโพรพิลีนไกลคอลได้หรือไม่ และใช้เวลาในการเซ็ตตัวเป็นเจลนานเท่าใด?
คำตอบ
คำถามเกี่ยวกับการผสมเครื่องสำอาง
นี่คือคำตอบสำหรับคำถามของคุณเกี่ยวกับการใช้น้ำหอมและส่วนผสมในการผสมเครื่องสำอาง:
การใช้น้ำหอมสำเร็จรูปในเครื่องสำอาง
น้ำหอมสำเร็จรูป เช่น Tresor, Lacoste, Chanel และ Euphoria ถูกออกแบบมาเพื่อใช้เป็นผลิตภัณฑ์น้ำหอมสำหรับร่างกายโดยเฉพาะ ซึ่งประกอบด้วยส่วนผสมของสารให้ความหอม ตัวทำละลาย และส่วนผสมอื่นๆ ในความเข้มข้นที่เหมาะสมสำหรับน้ำหอม
โดยทั่วไป ไม่แนะนำ ให้นำน้ำหอมสำเร็จรูปเหล่านี้มาใช้โดยตรงในการผสมเครื่องสำอาง เช่น ครีมหรือเซรั่ม เนื่องจาก:
- ความเข้มข้นของสารให้ความหอมอาจสูงหรือต่ำเกินไปสำหรับเบสเครื่องสำอาง
- อาจมีสารก่อภูมิแพ้หรือส่วนผสมที่ไม่เหมาะสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ทาทิ้งไว้บนผิว
- ความเสถียรและความเข้ากันได้กับส่วนผสมอื่นๆ ในเครื่องสำอาง (เช่น อิมัลซิไฟเออร์ สารกันเสีย สารออกฤทธิ์) อาจคาดเดาได้ยาก และอาจทำให้เกิดปัญหา เช่น การแยกชั้น การเปลี่ยนสี หรือความหอมลดลงเมื่อเวลาผ่านไป
- การผสมเครื่องสำอางต้องใช้ส่วนผสมน้ำหอมเกรดเครื่องสำอาง หรือน้ำมันหอมระเหยที่ได้รับการคิดค้นและทดสอบมาโดยเฉพาะสำหรับการใช้ในผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
สำหรับการเพิ่มความหอมในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ควรใช้ Fragrance Oil หรือ Essential Oil เกรดเครื่องสำอางที่ได้รับการพัฒนาและทดสอบมาเพื่อใช้ในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวโดยเฉพาะ
LHA ในเครื่องสำอาง
LHA ย่อมาจาก Lipo Hydroxy Acid ซึ่งมีชื่อทางเคมีคือ Capryloyl Salicylic Acid เป็นอนุพันธ์ของ Salicylic Acid ที่ใช้ในเครื่องสำอางเพื่อคุณสมบัติในการผลัดเซลล์ผิว
จากข้อมูลผลิตภัณฑ์ Capryloyl Salicylic Acid (LHA) ใช้ในผลิตภัณฑ์สำหรับลดเลือนริ้วรอย ผลัดเซลล์ผิว และผลิตภัณฑ์สำหรับสิว เป็นที่ทราบกันดีว่าระคายเคืองน้อยกว่า Hydroxy Acid ชนิดอื่น เช่น BHA และมีค่า pH ใกล้เคียงกับผิวตามธรรมชาติ โดยทั่วไปจะผสมในส่วนของน้ำมัน (oil phase) ของสูตรโดยใช้ความร้อน
เบสมาส์กคริสตัล: ส่วนผสมและระยะเวลาในการเซ็ตตัว
สำหรับเบสมาส์กคริสตัล:
ส่วนผสม: คุณถามว่าสามารถใช้ Glycerin และ Propanediol แทน Propylene Glycol ได้หรือไม่ ใช่ค่ะ ทั้ง Glycerin และ Propanediol เป็นสารให้ความชุ่มชื้น (humectant) และตัวทำละลายที่นิยมใช้ในสูตรเครื่องสำอาง และสามารถใช้ในเบสมาส์กได้ และสามารถใช้แทนหรือใช้ร่วมกับ Propylene Glycol ได้ Propanediol (1,3-Propanediol) มักใช้เป็นทางเลือกจากธรรมชาติแทน Propylene Glycol และสามารถช่วยเสริมประสิทธิภาพในการให้ความชุ่มชื้นของ Glycerin เมื่อใช้ร่วมกัน
- Glycerin (USP/Food Grade) เป็นสารให้ความชุ่มชื้นและตัวทำละลายที่นิยมใช้ ละลายได้ในน้ำ
- Propanediol (1,3-Propanediol) เป็นสารให้ความชุ่มชื้นและตัวทำละลายจากธรรมชาติที่สามารถใช้แทน Propylene Glycol ได้
- Propylene Glycol ก็ทำหน้าที่เป็นสารหล่อลื่น ลดความหนืด ตัวทำละลาย และสารให้ความชุ่มชื้น
- ข้อมูลผลิตภัณฑ์ Crystal Mask Base มีสูตรตัวอย่างที่ใช้ทั้ง Glycerin และ Propylene Glycol และระบุว่าสามารถใช้ 1,3-Propanediol แทน Propylene Glycol ได้ ซึ่งยืนยันว่าการทดแทนเหล่านี้เป็นไปได้และเป็นที่นิยม
วิธีการผสม: Crystal Mask Base เป็นผงสีขาวที่ต้องละลายในน้ำโดยใช้ความร้อน (ถึง 80 องศาเซลเซียส) ร่วมกับส่วนผสมอื่นๆ เช่น Glycerin หลังจากผสมให้เข้ากันจนละลายเป็นของเหลวใส จะเติมส่วนผสมอื่นๆ (เช่น Propylene Glycol และสารกันเสีย) จากนั้นเทส่วนผสมลงในแม่พิมพ์ แม้ว่าการผสมเบื้องต้นจะสามารถทำได้ด้วยมือ แต่กระบวนการนี้ต้องใช้ความร้อน
ระยะเวลาในการเซ็ตตัว: Crystal Mask Base จะเซ็ตตัวเป็นเนื้อเจลใสเมื่อเย็นตัวลงหลังจากเทลงในแม่พิมพ์ คำอธิบายผลิตภัณฑ์ไม่ได้ระบุเวลาที่แน่นอนเป็นนาที แต่ระบุว่าจะเซ็ตตัวเมื่อเย็นลง ระยะเวลาในการเซ็ตตัวจะขึ้นอยู่กับปริมาณของมาส์ก อุณหภูมิของส่วนผสม และอุณหภูมิห้อง
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Propylene Glycol

Glycerin (USP/Food Grade)

Propanediol (1,3-Propanediol) (e.q. Zemea)
