การใช้ Last Fix ในสูตรน้ำหอมเบสแอลกอฮอล์ผสมฟีโรโมน
คำถาม
กำลังพัฒนาสูตรน้ำหอมที่ผสมฟีโรโมน มีคำถามเกี่ยวกับการใช้ "Last Fix" ในสูตรดังนี้:
- สามารถผสม "Last Fix" ในสูตรน้ำหอมที่มีเบสเป็นแอลกอฮอล์ได้หรือไม่?
- "Last Fix" สามารถใช้แทน "White Musk" หรือ "Propylene Glycol" ในสูตรได้หรือไม่?
- บทบาทของ "Last Fix", "White Musk", และ "Propylene Glycol" ในสูตรน้ำหอมคืออะไร?
- ขอแนวทางการผสมน้ำหอมเบื้องต้นที่มีส่วนประกอบเหล่านี้รวมถึงฟีโรโมนด้วยได้หรือไม่?
คำตอบ
การทำความเข้าใจส่วนประกอบของน้ำหอม
เพื่อให้เข้าใจบทบาทของส่วนประกอบที่คุณกล่าวถึงในการทำน้ำหอม:
Last Fix (Flora Fix): เป็นสารช่วยตรึงกลิ่น (fixative) หน้าที่หลักคือช่วยให้กลิ่นน้ำหอมติดทนนานขึ้นโดยการลดอัตราการระเหยของน้ำมันหอมระเหย ไม่ได้ให้กลิ่นในตัวเอง (เหมือน White Musk) และไม่ได้ทำหน้าที่เป็นตัวทำละลายหรือตัวพาหลัก (เหมือน Propylene Glycol)
White Musk: เป็นชนิดของน้ำหอมที่ให้กลิ่นมัสค์โดยเฉพาะ
Propylene Glycol: เป็นตัวทำละลายและตัวพา ช่วยละลายน้ำมันหอมระเหยและส่วนประกอบอื่นๆ เพื่อให้กระจายตัวได้สม่ำเสมอในผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป และยังมีคุณสมบัติช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น
ดังนั้น Last Fix ไม่สามารถใช้แทน White Musk หรือ Propylene Glycol ได้ เนื่องจากมีบทบาทที่แตกต่างกันในการทำน้ำหอม
การใช้ Last Fix ในน้ำหอมที่มีฟีโรโมน
จากข้อมูล หากน้ำหอมของคุณมีเบสเป็นแอลกอฮอล์ (ซึ่งเป็นเรื่องปกติสำหรับน้ำหอม รวมถึงน้ำหอมที่มีฟีโรโมน) คุณสามารถผสม Last Fix เข้าไปในสูตรได้ หากเบสไม่ใช่แอลกอฮอล์ สารช่วยตรึงกลิ่นชนิดอื่นอาจเหมาะสมกว่า
แนวทางการผสมน้ำหอมเบื้องต้น
การผสมน้ำหอมเบื้องต้นโดยทั่วไปประกอบด้วย:
- น้ำมันหอมระเหย (Fragrance Oils): เป็นส่วนที่ให้กลิ่นหอมตามต้องการ ในขั้นตอนนี้คุณจะใส่น้ำหอมกลิ่นหลัก (เช่น กลิ่นดอกไม้ ผลไม้ ฯลฯ) และอาจใส่ White Musk เพื่อให้ได้กลิ่นมัสค์
- ตัวทำละลาย/ตัวพา (Solvent/Carrier): ใช้เจือจางน้ำมันหอมระเหยและช่วยให้น้ำหอมกระจายตัวได้ดี ตัวเลือกทั่วไปได้แก่ แอลกอฮอล์สำหรับทำน้ำหอม หรือ Propylene Glycol (แม้ว่าแอลกอฮอล์จะนิยมใช้มากกว่าสำหรับน้ำหอมแบบสเปรย์)
- สารช่วยตรึงกลิ่น (Fixative): ส่วนผสมอย่าง Last Fix จะถูกเติมในปริมาณเล็กน้อยเพื่อช่วยให้กลิ่นติดทนนานขึ้นบนผิว
- ฟีโรโมน (Pheromones): หากใช้ฟีโรโมน จะถูกผสมรวมกับส่วนผสมเหล่านี้ โดยทั่วไปจะละลายในตัวทำละลาย
อัตราส่วนของส่วนประกอบเหล่านี้จะเป็นตัวกำหนดประเภทของน้ำหอม (เช่น Eau de Parfum มีความเข้มข้นของน้ำมันหอมระเหยสูงกว่า Eau de Toilette) ควรทดลองทำในปริมาณน้อยๆ ก่อนเสมอเพื่อหาความเข้มข้นและความติดทนที่ต้องการ
โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าส่วนประกอบทั้งหมดเข้ากันได้ดีและมีความเสถียรในเบสที่คุณเลือกใช้
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Propylene Glycol

ถุงฟอยด์ 22x30ซม.
