การใช้ Perfect C แทน L-Ascorbic Acid ในชุด Vitamin C E Ferulic, ปัญหาการแยกชั้น และความจำเป็นของสารกันเสีย

สวัสดีค่ะ เข้าใจว่าคุณลูกค้าต้องการทำเซรั่มวิตามินซีโดยใช้ Perfect C แทน L-Ascorbic Acid ในสูตร Vitamin C E Ferulic kit และประสบปัญหาการแยกชั้นกับสูตร L-Ascorbic Acid ที่เคยทำไว้ รวมถึงสอบถามเรื่องสารกันเสีย Phenoxyethanol

Perfect C (Ascorbyl Tetraisopalmitate) เป็นวิตามินซีที่ละลายในน้ำมัน (oil-soluble) ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะมีความเสถียรและใช้งานง่ายกว่า L-Ascorbic Acid อย่างไรก็ตาม วิตามินซีทั้งสองรูปแบบนี้มีคุณสมบัติการละลายที่แตกต่างกัน ทำให้ไม่สามารถนำ Perfect C ไปใช้แทน L-Ascorbic Acid ในสูตรที่ออกแบบมาสำหรับ L-Ascorbic Acid โดยตรงได้ เช่นเดียวกับสูตร Vitamin C E Ferulic kit ค่ะ

• L-Ascorbic Acid (Vitamin C Ultra-Fine): เป็นวิตามินซีที่ละลายในน้ำ (water-soluble) มีประสิทธิภาพสูง แต่มีความเสถียรต่ำ โดยเฉพาะเมื่อละลายในน้ำและสัมผัสกับอากาศ แสง หรือความร้อน ต้องการค่า pH ที่ต่ำ (2.0-4.0) เพื่อการดูดซึมและความเสถียรที่ดี การแยกชั้นที่คุณลูกค้าพบในสูตร L-Ascorbic Acid ที่ทำไว้และทิ้งไว้นอกตู้เย็น มีแนวโน้มสูงที่จะเกิดจากความไม่เสถียรของ L-Ascorbic Acid ในน้ำ และอาจขาดสารช่วยให้คงตัวหรือสารกันเสียที่เหมาะสมในสูตร
• Perfect-C™ (Ascorbyl Tetraisopalmitate): เป็นวิตามินซีที่ละลายในน้ำมัน (oil-soluble) มีความเสถียรสูงและดูดซึมเข้าสู่ผิวได้ดีเนื่องจากอยู่ในรูปน้ำมัน การทำสูตรที่ใช้ Perfect C จะต้องใช้เบสที่เป็นน้ำมันหรือซิลิโคนเป็นหลัก และอาจต้องมีสารประสานเนื้อ (emulsifier) ที่เหมาะสม หากต้องการผสมกับส่วนของน้ำเพื่อทำเป็นเนื้อครีมหรือโลชั่น สูตร Vitamin C E Ferulic kit ดั้งเดิมซึ่งออกแบบมาสำหรับ L-Ascorbic Acid ที่ละลายน้ำ จะไม่มีส่วนของน้ำมันหรือสารประสานเนื้อที่เพียงพอสำหรับ Perfect C ค่ะ

การแก้ไขปัญหาการแยกชั้นของสูตร L-Ascorbic Acid

คำแนะนำของทีมงานที่ให้เติม Light Cream Maker™ หรือ Pro Polymer™ ลงในสูตร L-Ascorbic Acid ที่แยกชั้น เป็นวิธีที่ดีในการแก้ไขเบื้องต้นค่ะ

• Light Cream Maker™ เป็นสารประสานเนื้อและสารสร้างเนื้อแบบ oil-in-water ที่ทำงานได้โดยไม่ต้องใช้ความร้อน และสามารถประสานน้ำมันได้ถึง 20% จะช่วยเชื่อมส่วนที่แยกชั้นให้เข้ากันเป็นเนื้อครีมหรือครีมเจลที่มีความคงตัวมากขึ้น
• Pro Polymer™ เป็นสารสร้างเนื้อเจลสำหรับสูตรน้ำเป็นหลัก แต่ก็สามารถช่วยสร้างเนื้อครีมในสูตรน้ำ+น้ำมันได้ และทนต่ออิเล็กโทรไลต์ การเติม Pro Polymer™ จะช่วยเพิ่มความหนืดและทำให้เนื้อสูตรเข้ากันได้ดีขึ้น

การใช้สารเหล่านี้จะช่วยให้เนื้อสูตรที่แยกชั้นกลับมาเข้ากันและใช้งานได้ตามปกติ แต่อาจต้องพิจารณาเรื่องความเสถียรในระยะยาวเมื่อเทียบกับการทำสูตรใหม่ที่ถูกต้องและมีการใส่สารกันเสียค่ะ

ความสำคัญของ Phenoxyethanol

คุณลูกค้าสอบถามว่าจำเป็นต้องใส่ Phenoxyethanol (Extra Pure) หรือไม่ จำเป็นอย่างยิ่งค่ะ โดยเฉพาะในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่มีส่วนประกอบของน้ำ Phenoxyethanol เป็นสารกันเสีย (preservative) ที่ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ เช่น แบคทีเรีย ยีสต์ และรา ซึ่งอาจปนเปื้อนระหว่างการผลิตหรือการใช้งาน การไม่ใส่สารกันเสียในสูตรที่มีน้ำจะทำให้ผลิตภัณฑ์เสื่อมสภาพเร็วมาก ไม่ปลอดภัยต่อการใช้งาน และอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองหรือการติดเชื้อได้ แม้การเก็บในตู้เย็นจะช่วยชะลอการเติบโตของจุลินทรีย์ได้ แต่ก็ไม่สามารถทดแทนการใช้สารกันเสียสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ต้องการอายุการใช้งานที่ยาวนานได้ Phenoxyethanol เป็นสารกันเสียที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ แต่จะเน้นที่แบคทีเรียมากกว่าเชื้อรา จึงมักใช้ร่วมกับสารกันเสียตัวอื่นเพื่อให้ครอบคลุมมากขึ้นค่ะ

โดยสรุป Perfect C เป็นวิตามินซีที่ดี แต่ต้องใช้ในสูตรที่แตกต่างจาก Vitamin C E Ferulic kit ปัญหาการแยกชั้นของสูตร L-Ascorbic Acid เกิดจากความไม่เสถียรตามธรรมชาติ การเติม Light Cream Maker หรือ Pro Polymer สามารถช่วยแก้ไขเนื้อสูตรที่แยกชั้นได้ และการใช้สารกันเสียอย่าง Phenoxyethanol เป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับความปลอดภัยและอายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบค่ะ