การใช้ Soy Lecithin และสารประสานอื่นๆ ในสูตรครีมและกันแดด
คำถาม
ฉันกำลังลองพัฒนาสูตรเครื่องสำอางและพบปัญหาในการใช้ Soy Lecithin เป็นสารประสานค่ะ ทีมงานแจ้งว่า Soy Lecithin เหมาะที่สุดเมื่อวัฏภาคน้ำมันเป็น 70-80% ของสูตร ฉันมีคำถามหลายข้อเกี่ยวกับสูตรและการพัฒนาสูตรโดยทั่วไปค่ะ:
สูตรแรก: ฉันลองทำครีมโดยใช้สูตรดังนี้:
- Water 71%
- Safe-B3 8%
- Panthenol 3%
- Soy Lecithin 10%
- Yeast Radiance 3%
- Silicone Quick-Cond 2%
- GlucoBright 4%
- Phenoxyethanol SA 1%
ทำไม Soy Lecithin ถึงไม่ทำงานในสูตรนี้คะ?
การใช้ Soy Lecithin: Soy Lecithin จำเป็นต้องละลายผสมกับน้ำมันเท่านั้นใช่ไหมคะ จึงจะทำงานเป็นสารประสานได้?
การแต่งกลิ่น: หากต้องการแต่งกลิ่นเพิ่ม ต้องใส่สารประสานอะไรเพิ่มไหมคะ?
การแทนที่ส่วนผสม: หากเปลี่ยนจาก Soy Lecithin เป็น Shea Butter ในสูตรแรกจะได้ไหมคะ?
การเติมส่วนผสม: ส่วนผสมที่ละลายในน้ำได้และทนความร้อน สามารถใส่หลังจากผสมส่วนที่เป็นน้ำมันแล้วทิ้งไว้ให้อุณหภูมิลดลงแล้ว ได้ไหมคะ?
การปรับค่า pH: เมื่อผสมทั้งหมดเสร็จแล้ว จึงวัดค่า pH เป็นขั้นตอนสุดท้าย หากค่ามากไปหรือน้อยไปค่อยปรับ ถูกไหมคะ?
สูตรที่สองและขั้นตอนการผสม: ฉันลองสูตรและขั้นตอนการผสมอีกแบบ:
- Water 68%
- Soy Lecithin 9%
- Shea butter ultra soft 5%
- Safe-B3 8%
- Yeast Radiance 3%
- GlucoBright 4%
- Phenoxyethanol SA 1%
- Silicone Quick-Cond 2%
ขั้นตอนการผสมที่ฉันเสนอคือ: ส่วน A (Soy Lecithin + Shea Butter ที่ 80C), ส่วน B (น้ำ + ส่วนผสมอื่นๆ), จากนั้นนำ B+A. ทำไมวิธีนี้ถึงไม่สำเร็จ และขั้นตอนการผสมที่ถูกต้องสำหรับส่วนผสมที่แนะนำ เช่น Milk Lotion Maker (3%) และ Pro Polymer (0.5-1.0%) ควรทำอย่างไรคะ?
Pro Polymer และสารทางเลือก: Pro Polymer มีสารเคมีไหมคะ? ถ้าต้องการเลี่ยงสารเคมี ใช้ Xanthan Gum แทนได้ไหมคะ?
การใช้ Soy Lecithin ที่ซื้อมา: ฉันจะใช้ Soy Lecithin ที่ซื้อมาได้อย่างไร ในเมื่อมันต้องการวัฏภาคน้ำมันสูง?
สูตรกันแดด: Soy Lecithin ใช้ในสูตรกันแดดได้ไหมคะ? สำหรับสูตรกันแดดที่ทีมงานแนะนำ (Water 62%, Zinc Oxide Liquid 10%, Titanium Dioxide Liquid 20%, Milk Lotion Maker 3%, LipidSoft 3%, Strawberry Flavor 2%) สามารถคนด้วยมือโดยไม่ใช้เครื่องปั่นได้ไหมคะ?
คำตอบ
Subject: สอบถามค่ะ สารตั้งต้น soy lecithin กับสูตรครีม
สวัสดีค่ะ
ขอขอบคุณสำหรับคำถามเกี่ยวกับสูตรครีมและ Soy Lecithin ค่ะ ดิฉันจะตอบคำถามแต่ละข้อตามข้อมูลที่ได้รับค่ะ
เกี่ยวกับสูตรแรกของคุณ (Water 71%, Safe-B3 8%, Panthenol 3%, Soy Lecithin 10%, Yeast Radiance 3%, Silicone Quick-Cond 2%, GlucoBright 4%, Phenoxyethanol SA 1%): สูตรนี้ส่วนใหญ่ประกอบด้วยส่วนผสมที่ละลายในน้ำและมีปริมาณน้ำสูง (71%) ตามที่ทีมงานได้แจ้งไป Soy Lecithin เป็นสารประสานที่ทำงานได้ดีที่สุดในสูตรที่มีส่วนประกอบของน้ำมันสูงมาก (โดยทั่วไปคือ 70-80% ของสูตร) ในสูตรที่มีน้ำสูงเช่นนี้ Soy Lecithin เพียงอย่างเดียวไม่สามารถสร้างเนื้อครีมหรือโลชั่นที่คงตัวได้ค่ะ สูตรอาจจะเหลวหรือแยกชั้น หากต้องการสร้างเนื้อเจลน้ำด้วยส่วนผสมที่ละลายน้ำเหล่านี้ คุณจะต้องใช้สารสร้างเนื้อเจลในส่วนของน้ำ เช่น Pro Polymer หรือ AnyGel และตัด Soy Lecithin ออก หากสูตรไม่มีส่วนของน้ำมันค่ะ
Soy Lecithin ต้องละลายผสมกับน้ำมันเท่านั้น ใช่ไหมคะ: Soy Lecithin ละลายได้ในน้ำมัน และทำหน้าที่เป็นสารประสานสำหรับสูตรแบบน้ำในน้ำมัน (W/O) หรือน้ำมันในน้ำ (O/W) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสูตรที่มีวัฏภาคน้ำมันสูง (70-80%) แม้ว่าจะละลายในน้ำมัน แต่ทีมงานกล่าวว่าบางครั้งสามารถเติมในขั้นตอนสุดท้ายและปั่นให้เข้ากันได้ แต่หน้าที่หลักในการเป็นสารประสานนั้นขึ้นอยู่กับการรวมตัวในวัฏภาคน้ำมันเมื่อสร้างอิมัลชันที่มีส่วนประกอบของน้ำมันจำนวนมาก สำหรับสูตรที่มีน้ำสูง Soy Lecithin ไม่ใช่สารประสานที่เหมาะสมค่ะ
หากต้องการแต่งกลิ่นเพิ่ม ต้องใส่สารประสานอะไรเพิ่มไหมคะ: ใช่ค่ะ การเติมน้ำหอม (ซึ่งโดยทั่วไปเป็นน้ำมัน) ลงในสูตรที่เป็นน้ำหรือสูตรอิมัลชัน มักจะต้องใช้ส่วนผสมที่ช่วยกระจายตัวและรวมน้ำหอมให้เข้ากับสูตรได้อย่างสม่ำเสมอ สารประสาน (Emulsifiers) หรือสารสร้างเนื้อเจล (Thickeners/Gel formers) เช่น Pro Polymer, AnyGel หรือ Milk Lotion Maker สามารถช่วยให้สูตรคงตัวและรวมน้ำหอมเข้ากับสูตรได้ค่ะ ทีมงานยังแนะนำให้ใช้น้ำหอม (Fragrance Oil) ที่ออกแบบมาสำหรับผลิตภัณฑ์ทาผิวโดยเฉพาะ แทนที่จะใช้ Flavor Oil ค่ะ
หากเปลี่ยนจาก Soy Lecithin เป็น Shea butter ในสูตรแรกจะได้ไหมคะ: Shea Butter เป็นสารให้ความนุ่มลื่น (Emollient) ซึ่งเป็นประเภทหนึ่งของน้ำมัน/ไขมัน ที่ให้คุณสมบัติให้ความชุ่มชื้นและช่วยปรับเนื้อสัมผัสของครีม แต่ไม่ใช่สารประสาน (Emulsifier) ค่ะ ไม่สามารถทำหน้าที่เชื่อมน้ำกับน้ำมันเข้าด้วยกันแทน Soy Lecithin ได้ หากต้องการใช้ Shea Butter ในครีม คุณจะต้องรวม Shea Butter ไว้ในวัฏภาคน้ำมัน และใช้สารประสานที่เหมาะสม (เช่น Milk Lotion Maker) เพื่อสร้างอิมัลชันที่คงตัวกับวัฏภาคน้ำค่ะ Shea Butter ยังต้องใช้ความร้อนในการหลอมเหลวก่อนนำไปผสมด้วยค่ะ
ส่วนผสมที่ละลายในน้ำได้และทนความร้อน ใส่หลังจากผสมส่วนที่เป็นน้ำมันแล้วทิ้งไว้ให้อุณหภูมิลดลงแล้ว ได้ไหมคะ: สำหรับสูตรแรกที่คุณให้มา ทีมงานระบุว่าไม่จำเป็นต้องใช้ความร้อนใดๆ เนื่องจากส่วนผสมทั้งหมดละลายได้ที่อุณหภูมิห้อง อย่างไรก็ตาม โดยหลักการทั่วไปในการทำเครื่องสำอาง ส่วนผสมที่ไม่ทนความร้อน (ไม่ว่าจะละลายในน้ำหรือน้ำมัน) ควรเติมหลังจากที่อิมัลชันหลักก่อตัวขึ้นและเย็นลงจนถึงอุณหภูมิที่เหมาะสม (โดยปกติคือต่ำกว่า 40-50°C) เพื่อรักษาสรรพคุณของส่วนผสมนั้นๆ ส่วนผสมที่ละลายในน้ำและทนความร้อน สามารถ เติมลงในวัฏภาคน้ำก่อนให้ความร้อน (หากจำเป็นต้องให้ความร้อน) หรือเติมหลังจากเย็นลงก็ได้ ขึ้นอยู่กับส่วนผสมและกระบวนการเฉพาะค่ะ
เมื่อผสมทั้งหมดเสร็จแล้ว จึงวัดค่า pH เป็นขั้นตอนสุดท้าย หากค่ามากไปหรือน้อยไปค่อยปรับ ถูกไหมคะ: สำหรับส่วนผสมเฉพาะในสูตรแรกของคุณ ทีมงานระบุว่าไม่จำเป็นต้องวัดค่า pH หรือปรับค่า pH เนื่องจากส่วนผสมโดยทั่วไปมีลักษณะเป็นกลาง หรือเป็นกรดอ่อนๆ/ด่างอ่อนๆ เมื่อผสมออกมาแล้ว สูตรจะมีค่า pH กลางๆ ซึ่งไม่มีปัญหากับผิวค่ะ อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไปในการทำเครื่องสำอาง การปรับค่า pH มักจะเป็นขั้นตอนสุดท้ายหรือเกือบสุดท้าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้ส่วนผสมที่ไวต่อค่า pH หรือเมื่อต้องการค่า pH ที่เฉพาะเจาะจงเพื่อประสิทธิภาพ ความคงตัว หรือความเข้ากันได้กับผิว คุณจะต้องวัดค่า pH แล้วจึงปรับขึ้นหรือลงโดยใช้สารละลายกรดหรือด่างที่เหมาะสมหากจำเป็นค่ะ
เกี่ยวกับสูตรที่สองของคุณ (Water 68%, Soy Lecithin 9%, Shea butter ultra soft 5%, Safe-B3 8%, Yeast Radiance 3%, GlucoBright 4%, Phenoxyethanol SA 1%, Silicone Quick-Cond 2%) และขั้นตอนการผสม:
ตามที่ทีมงานได้อธิบาย สูตรนี้ยังมีปริมาณน้ำสูง (68%) เมื่อเทียบกับวัฏภาคน้ำมัน (Shea Butter 5% + Silicone Quick-Cond 2% = 7%) Soy Lecithin ที่ 9% เหมาะสำหรับสูตรที่มีวัฏภาคน้ำมันสูงกว่ามาก (70-80%) ดังนั้น Soy Lecithin จึงไม่เหมาะที่จะเป็นสารประสานหลักในสูตรนี้ และสูตรนี้อาจไม่สามารถสร้างเนื้อครีมที่คงตัวได้โดยใช้ Soy Lecithin เพียงอย่างเดียวค่ะ
ทีมงานแนะนำให้ใช้ Milk Lotion Maker (3%) ร่วมกับ Pro Polymer (0.5-1.0% เพื่อเพิ่มความข้นหนืด) แทน Soy Lecithin สำหรับสูตรนี้ เพื่อสร้างเนื้อครีมที่คงตัวค่ะ
ขั้นตอนการผสมที่คุณเสนอ (ส่วน A: Soy Lecithin + Shea Butter ที่ 80C, ส่วน B: น้ำ + ส่วนผสมอื่นๆ, จากนั้นนำ B+A) ไม่ถูกต้องสำหรับสูตรนี้และสารประสานที่แนะนำค่ะ หากใช้ Milk Lotion Maker และ Pro Polymer ตามที่ทีมงานแนะนำ กระบวนการจะเกี่ยวข้องกับการให้ความร้อนแก่วัฏภาคน้ำมัน (Shea Butter, Milk Lotion Maker, Silicone Quick-Cond) และวัฏภาคน้ำแยกกัน จากนั้นนำมาผสมกันขณะปั่น และเติมส่วนผสมที่ไม่ทนความร้อนและ Pro Polymer (ซึ่งมักเติมในวัฏภาคน้ำหรือหลังจากการก่อตัวของอิมัลชัน ขึ้นอยู่กับประเภท) ในระหว่างหรือหลังการเย็นตัวค่ะ
เกี่ยวกับคำถามเพิ่มเติมของคุณ:
- Pro Polymer มีสารเคมีไหมคะ: ใช่ค่ะ Pro Polymer (Acrylate Crosspolymer) เป็นโพลิเมอร์สังเคราะห์ที่ใช้เป็นสารเพิ่มความข้นและสารคงตัวในเครื่องสำอางค่ะ
- ถ้าต้องการเลี่ยงสารเคมี ใช้ Xanthan Gum แทนได้ไหมคะ: Xanthan Gum เป็นกัมธรรมชาติที่ใช้เป็นสารเพิ่มความข้น แต่ไม่ใช่สารประสาน และไม่สามารถเชื่อมน้ำกับน้ำมันได้อย่างมีประสิทธิภาพเหมือน Soy Lecithin หรือ Milk Lotion Maker ค่ะ สามารถเพิ่มความหนืดของวัฏภาคน้ำได้ แต่จะไม่สร้างอิมัลชันที่คงตัวหากสูตรมีวัฏภาคน้ำมันค่ะ
หากต้องการให้ครีมมีส่วนผสมของ Soy Lecithin ต้องทำอย่างไรคะ เพราะสั่งมาแล้ว: Soy Lecithin เหมาะที่สุดสำหรับสูตรที่วัฏภาคน้ำมันเป็นส่วนใหญ่ (70-80%) เช่น ครีมเข้มข้น บาล์ม หรือโลชั่นที่มีน้ำมันเป็นหลัก คุณจะต้องปรับสูตรให้มีเปอร์เซ็นต์น้ำมันสูงกว่าสูตรที่คุณลองทำอย่างมาก เพื่อให้ Soy Lecithin ทำงานเป็นสารประสานหลักได้อย่างถูกต้องค่ะ ทีมงานกล่าวว่าสามารถเติมในขั้นตอนสุดท้ายและปั่นให้เข้ากันได้สำหรับสูตรที่เหมาะสมค่ะ
Soy Lecithin ใช้ในสูตรกันแดดได้ไหมคะ: ตามที่กล่าวไปก่อนหน้านี้ Soy Lecithin ต้องการวัฏภาคน้ำมันที่สูงมาก (70-80%) เพื่อประสานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สูตรกันแดดมักจะมีวัฏภาคน้ำจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นโลชั่นหรือครีม ดังนั้น Soy Lecithin โดยทั่วไปจึงไม่เหมาะที่จะเป็นสารประสานหลักสำหรับครีม/โลชั่นกันแดดทั่วไปที่มีน้ำสูงค่ะ สำหรับสูตรกันแดดที่คุณให้มา (Water 62%, Zinc Oxide Liquid 10%, Titanium Dioxide Liquid 20%, Milk Lotion Maker 3%, LipidSoft 3%, Strawberry Flavor 2%) ทีมงานแนะนำ Milk Lotion Maker (3%) + Pro Polymer (0.5-1.0%) สำหรับการประสานและเพิ่มความข้นหนืด ซึ่งเหมาะสมสำหรับสูตรที่มีวัฏภาคน้ำจำนวนมากและมีสารกันแดดแบบ Physical ที่กระจายตัวอยู่ค่ะ
- สามารถคนโดยไม่ใช้เครื่องปั่นได้ไหมคะ: ขั้นตอนการผสมที่ทีมงานให้มาสำหรับสูตรกันแดดเกี่ยวข้องกับการให้ความร้อนและการปั่นวัฏภาคน้ำมันและน้ำแยกกัน จากนั้นค่อยๆ เติมวัฏภาคน้ำลงในวัฏภาคน้ำมันขณะปั่นแรงๆ และปั่นต่อเนื่องขณะเย็นตัว กระบวนการนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสารกันแดดแบบ Physical (Zinc Oxide, Titanium Dioxide) และสารประสานที่ต้องใช้ความร้อน มักจะต้องใช้เครื่องปั่น (เช่น เครื่อง Homogenizer หรือเครื่องปั่นความเร็วสูง) เพื่อให้แน่ใจว่าผงกระจายตัวได้ดีและเกิดอิมัลชันที่คงตัว การคนด้วยมือเพียงอย่างเดียวไม่น่าจะทำให้ได้อิมัลชันกันแดดที่คงตัว เรียบเนียน และมีประสิทธิภาพค่ะ
สรุปคือ สูตรแรกของคุณไม่เหมาะสำหรับ Soy Lecithin เนื่องจากมีน้ำสูง Soy Lecithin เหมาะสำหรับสูตรที่มีน้ำมันสูง สำหรับสูตรครีมและกันแดดที่คุณเสนอซึ่งมีวัฏภาคน้ำจำนวนมาก สารประสานเช่น Milk Lotion Maker ซึ่งมักใช้ร่วมกับสารเพิ่มความข้นเช่น Pro Polymer จะเหมาะสมกว่าค่ะ กระบวนการผสมที่เกี่ยวข้องกับวัฏภาคน้ำมันและน้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสารกันแดดแบบ Physical มักจะต้องใช้ความร้อนและการปั่นด้วยเครื่องมือค่ะ
หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ในการทำความเข้าใจนะคะ!
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)

GlucoBright™ (Acetyl Glucosamine)

Shea Butter (Ultra Soft)

Pro Polymer™ (Gel Maker)

Soy Lecithin (Natural Emulsifier)

Panthenol (Vitamin B5) ExtraLite™

Titanium Dioxide 15nm Liquid (Gloss)

Zinc Oxide 35nm Liquid

Phenoxyethanol SA (eq. Optiphen Plus)

Silicone Quick-Cond (PEG-12 Dimethicone)

Milk Lotion Maker™

Yeast Radiance™
