ข้อเสนอแนะสูตรโทนเนอร์และความเสถียรของส่วนผสม

ถามโดย: sikharee เมื่อ: July 08, 2019 ประเภทผลิตภัณฑ์: เครื่องสำอาง

คำถาม

ต้องการทำ TONER 2 แบบ ใช้ทาเช้าและก่อนนอน สำหรับผิวผสม-ผิวมัน โดยใช้โทนเนอร์เช็ดก่อนทาครีมต่างๆ

  1. สูตรเช้า: เน้นลดรูขุมขน ทำความสะอาด

    • Witch Hazel 75%
    • Safe B3 3%
    • White Egg Enzyme 5 %
    • Japanese Cedar 1%
    • น้ำ 16%
  2. สูตรก่อนนอน: เน้นผลัดผิว ทำความสะอาด ลดสิว

    • Pitera 75%
    • Complex Salicylic 5%
    • Lactobionic Acid 3%
    • Zinc PCA 1%
    • น้ำ 16%

คำถามเกี่ยวกับทั้ง 2 สูตร:

  • ต้องเพิ่ม DMI และ Mild Preserved ไหม?
  • ส่วนผสมเยอะเกินไปไหมสำหรับโทนเนอร์?
  • สำหรับสูตร 2 ที่มีกรด 2 ตัว จะแรงไปไหมสำหรับทาทุกวัน?

คำถามแยกต่างหาก:

  • สำหรับ peptide ต่างๆที่ต้องเก็บในที่เย็น มีวิธีไหนที่จะทำให้ไม่เสื่อมคุณภาพเมื่อเก็บในอุณหภูมิปกติไหม (อุณหภูมิประเทศไทย)?

คำตอบ

ข้อเสนอแนะสำหรับสูตรโทนเนอร์ของคุณ

ขอบคุณที่แบ่งปันสูตรโทนเนอร์ 2 สูตรสำหรับผิวผสมถึงผิวมันนะคะ นี่คือข้อเสนอแนะและคำตอบสำหรับคำถามของคุณค่ะ

สูตรที่ 1: โทนเนอร์สำหรับเช้า (ลดรูขุมขน ทำความสะอาด)

  • Witch Hazel Distilled Alcohol-Free 75%
  • Safe B3 (Niacinamide) 3%
  • White Egg Enzyme (Lysozyme) 5%
  • Japanese Cedar (Cryptomeria Japonica Bud Extract) 1%
  • น้ำ 16%

ความเห็น:

  • สูตรนี้มีส่วนผสมที่ดีสำหรับเป้าหมายและสภาพผิวที่คุณต้องการค่ะ
  • Witch Hazel ช่วยเรื่องความกระชับรูขุมขนและทำความสะอาด Niacinamide ช่วยเรื่องรูขุมขน คุมมัน และเสริมเกราะป้องกันผิว Lysozyme มีคุณสมบัติช่วยยับยั้งแบคทีเรีย และสารสกัด Japanese Cedar ช่วยเรื่องเกราะป้องกันผิว
  • เปอร์เซ็นต์ Witch Hazel 75% ค่อนข้างสูง แต่เนื่องจากเป็นชนิด Alcohol-Free จึงมีโอกาสระคายเคืองน้อยกว่าชนิดที่มีแอลกอฮอล์ค่ะ
  • เปอร์เซ็นต์ Lysozyme 5% อาจจะสูงกว่าอัตราการใช้ทั่วไปเล็กน้อย ควรตรวจสอบอัตราการใช้ที่แนะนำจากผู้จำหน่ายสำหรับส่วนผสมนี้อีกครั้งค่ะ

สูตรที่ 2: โทนเนอร์สำหรับก่อนนอน (ผลัดผิว ทำความสะอาด ลดสิว)

  • Pitera (Galactomyces Ferment Filtrate) 75%
  • Complex Salicylic (Salicylic Acid) 5%
  • Lactobionic Acid 3%
  • Zinc PCA 1%
  • น้ำ 16%

ความเห็น:

  • สูตรนี้เน้นการผลัดเซลล์ผิวและลดสิวค่ะ
  • Pitera ช่วยเรื่องความชุ่มชื้นและปรับสภาพผิว Salicylic Acid (BHA) และ Lactobionic Acid (PHA) เป็นสารผลัดเซลล์ผิวที่ดีสำหรับผิวมันและมีปัญหาสิว Zinc PCA ช่วยควบคุมความมันและยับยั้งแบคทีเรีย
  • เปอร์เซ็นต์ Pitera 75% ค่อนข้างสูงมาก โดยทั่วไปมักใช้ในเปอร์เซ็นต์ที่ต่ำกว่านี้เป็นส่วนผสมออกฤทธิ์ หรือเป็นส่วนหนึ่งของเบสค่ะ
  • ข้อควรระวัง: Salicylic Acid 5% ถือว่ามีความเข้มข้นสูงมากสำหรับโทนเนอร์ที่ใช้ทุกวัน อาจทำให้เกิดการระคายเคือง แห้ง ลอก หรือผิวไวต่อแสงได้ง่าย โดยเฉพาะเมื่อใช้ร่วมกับ Lactobionic Acid ซึ่งเป็นกรดอีกชนิดหนึ่ง การใช้กรดสองชนิดร่วมกันต้องระมัดระวังเรื่องค่า pH ของสูตรด้วยค่ะ

คำถามเพิ่มเติม:

  1. ต้องเพิ่ม DMI และ Mild Preserved ไหม?

    • Mild Preserved (Ethylhexylglycerin/Caprylyl Glycol): จำเป็นต้องเพิ่มค่ะ โทนเนอร์เป็นสูตรที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก ซึ่งเสี่ยงต่อการปนเปื้อนของเชื้อจุลินทรีย์ การใส่สารกันเสีย (Preservative) เป็นสิ่งสำคัญมากเพื่อให้ผลิตภัณฑ์ปลอดภัยและมีอายุการใช้งานที่เหมาะสม ควรใช้ในอัตราที่ผู้จำหน่ายแนะนำสำหรับสารกันเสียชนิดนั้นๆ ค่ะ
    • DMI (Dimethyl Isosorbide): DMI เป็นตัวทำละลายและช่วยเพิ่มการซึมผ่านของสารออกฤทธิ์ ไม่จำเป็นต้องใส่เสมอไป ขึ้นอยู่กับว่าสารออกฤทธิ์ในสูตรละลายได้ดีในน้ำหรือไม่ และต้องการเพิ่มการซึมผ่านหรือไม่ หากส่วนผสมทั้งหมดละลายในน้ำได้ดีและคุณสมบัติการซึมผ่านเพียงพอแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องใส่ค่ะ
  2. ส่วนผสมเยอะเกินไปไหมสำหรับโทนเนอร์?

    • จำนวนส่วนผสมไม่ได้เป็นปัญหาหลักเท่าความเข้มข้นและการทำงานร่วมกันของส่วนผสมค่ะ ทั้งสองสูตรมีส่วนผสมออกฤทธิ์หลายตัว ซึ่งเป็นเรื่องปกติในผลิตภัณฑ์ดูแลผิว แต่ในสูตรที่ 2 ความเข้มข้นของ Salicylic Acid 5% เป็นจุดที่ต้องพิจารณาเป็นพิเศษว่าอาจจะสูงเกินไปสำหรับการใช้ทุกวันค่ะ
  3. สูตร 2 มีกรด 2 ตัวจะแรงไปไหมสำหรับทาทุกวัน?

    • มีโอกาสแรงเกินไปสำหรับการใช้ทุกวันค่ะ โดยเฉพาะ Salicylic Acid ที่ความเข้มข้น 5% ซึ่งสูงกว่าความเข้มข้นที่แนะนำทั่วไปสำหรับโทนเนอร์ (มักจะ 0.5-2%) การใช้กรดความเข้มข้นสูงทุกวันอาจทำให้ผิวระคายเคือง แห้ง และไวต่อปัจจัยภายนอกได้ง่าย
    • คำแนะนำ: อาจพิจารณาลดความเข้มข้นของ Salicylic Acid ลง หรือใช้โทนเนอร์สูตรนี้สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง สลับกับโทนเนอร์ที่อ่อนโยนกว่า หรือใช้เฉพาะบริเวณที่มีปัญหาแทนการทาทั่วหน้าค่ะ

คำถามแยกต่างหากเรื่อง Peptide ที่ต้องเก็บในที่เย็น:

  • Peptide หรือสารออกฤทธิ์บางชนิดที่ผู้จำหน่ายแนะนำให้เก็บในที่เย็น (เช่น ตู้เย็น) มักเป็นเพราะสารเหล่านั้นไม่เสถียรต่อความร้อน แสง หรือการเกิดออกซิเดชันในอุณหภูมิปกติ โดยเฉพาะในสภาพอากาศร้อนชื้นแบบประเทศไทยค่ะ
  • ไม่มีวิธีง่ายๆ ที่จะทำให้ Peptide ที่ต้องเก็บในที่เย็น สามารถเก็บในอุณหภูมิปกติได้โดยคุณภาพไม่เสื่อมค่ะ การเก็บในอุณหภูมิปกติจะทำให้สารเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ประสิทธิภาพลดลง หรืออาจเสียไปเลยค่ะ
  • ผู้ผลิตสารออกฤทธิ์ได้ทำการทดสอบความเสถียรและกำหนดเงื่อนไขการเก็บรักษาที่เหมาะสมที่สุดไว้แล้วค่ะ
  • เทคโนโลยีบางอย่าง เช่น การห่อหุ้มสาร (Encapsulation) อาจช่วยยืดอายุหรือเพิ่มความเสถียรได้บ้าง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถเปลี่ยนเงื่อนไขการเก็บรักษาจากเย็นเป็นปกติได้ทั้งหมด หากผู้จำหน่ายระบุว่าต้องเก็บในที่เย็น ก็ควรปฏิบัติตามคำแนะนำนั้นค่ะ

หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ในการปรับปรุงสูตรและทำความเข้าใจส่วนผสมต่างๆ นะคะ หากมีคำถามเพิ่มเติม ถามได้เลยค่ะ

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)
Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)
เครื่องสำอาง
Witch Hazel (Distillate - Alcohol Free, Paraben Free)
Witch Hazel (Distillate - Alcohol Free, Paraben Free)
เครื่องสำอาง
Zinc PCA
Zinc PCA
เครื่องสำอาง
Galactomyces Ferment Filtrate (aka Pitera)
Galactomyces Ferment Filtrate (aka Pitera)
เครื่องสำอาง
White Egg Enzyme (Acnezyme™)
White Egg Enzyme (Acnezyme™)
เครื่องสำอาง
Mild Preserved Eco™ (Preservative-Free)
Mild Preserved Eco™ (Preservative-Free)
เครื่องสำอาง
Japanese Cedar (Cryptomeria Japonica Bud Extract)
Japanese Cedar (Cryptomeria Japonica Bud Extract)
เครื่องสำอาง
Lactobionic Acid
Lactobionic Acid
เครื่องสำอาง