การผสมวิตามินซี วิตามินอี และวิตามินบี 3 ในครีม

คุณสอบถามว่าวิตามินซี (L-Ascorbic Acid), วิตามินอี (Tocopheryl Acetate) และวิตามินบี 3 (Niacinamide) สามารถผสมรวมกันในครีมเดียวกันได้หรือไม่

นี่คือข้อมูลเกี่ยวกับความเข้ากันได้ของสารแต่ละตัว:

• วิตามินซี (L-Ascorbic Acid) และวิตามินอี (Tocopheryl Acetate): วิตามินทั้งสองชนิดนี้เข้ากันได้ดีและมักใช้ร่วมกันในสูตรผลิตภัณฑ์ดูแลผิว วิตามินอีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งสามารถช่วยให้วิตามินซีคงตัวและเพิ่มประสิทธิภาพได้ ผลิตภัณฑ์อย่าง Vitamin C E Ferulic เป็นตัวอย่างของการผสมผสานที่มีประโยชน์นี้

• วิตามินซี (L-Ascorbic Acid) และวิตามินบี 3 (Niacinamide): โดยทั่วไปแล้ว ไม่แนะนำให้ผสม L-Ascorbic Acid และ Niacinamide ในสูตรเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากใช้ในความเข้มข้นสูงหรือที่ค่า pH เฉพาะ เนื่องจาก L-Ascorbic Acid มีความเสถียรและมีประสิทธิภาพสูงสุดที่ค่า pH ต่ำ (ประมาณ 2.0-4.0) ในขณะที่ Niacinamide ทำงานได้ดีที่สุดที่ค่า pH สูงกว่า (ประมาณ 4.0-7.0) เมื่อผสมรวมกันที่ค่า pH ต่ำของ L-Ascorbic Acid อาจทำให้ Niacinamide เปลี่ยนเป็น Niacin (Nicotinic Acid) ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการหน้าแดง ผิวแดง และระคายเคืองได้ แม้ว่าบางสูตรจะพยายามลดปัญหานี้ แต่ก็ยังคงเป็นความท้าทายที่สำคัญ

• วิตามินอี (Tocopheryl Acetate) และวิตามินบี 3 (Niacinamide): สารทั้งสองชนิดนี้โดยทั่วไปเข้ากันได้ดีและสามารถผสมรวมกันได้โดยไม่มีปัญหาสำคัญ

สรุป:

ในขณะที่วิตามินซี (L-Ascorbic Acid) และวิตามินอีทำงานร่วมกันได้ดี แต่ความไม่เข้ากันระหว่าง L-Ascorbic Acid และ Niacinamide เนื่องจากค่า pH ที่เหมาะสมแตกต่างกัน ทำให้เป็นเรื่องยากที่จะผสมทั้งสามอย่างให้มีประสิทธิภาพและปลอดภัยในครีมเดียวโดยใช้ L-Ascorbic Acid โดยทั่วไป แนะนำให้หลีกเลี่ยงการผสม L-Ascorbic Acid และ Niacinamide ในผลิตภัณฑ์เดียวกัน เพื่อป้องกันการระคายเคืองที่อาจเกิดขึ้น และเพื่อให้แน่ใจว่าสารทั้งสองมีความเสถียรและมีประสิทธิภาพ

หากคุณต้องการใช้ Niacinamide ร่วมกับผลิตภัณฑ์วิตามินซี มักแนะนำให้ใช้ในช่วงเวลาที่ต่างกันของวัน หรือในสูตรที่แยกกันซึ่งมีค่า pH ที่เหมาะสมสำหรับสารแต่ละชนิด