ความเข้ากันได้ของสารสกัดชะเอมเทศ (Licorice), AHA, BHA, PHA, LHA กับ Copper Peptide

โดยทั่วไปแล้ว การผสมสารผลัดเซลล์ผิวที่มีฤทธิ์เป็นกรด เช่น AHA (Glycolic Acid, Lactic Acid), BHA (Salicylic Acid), PHA (Gluconolactone), และ LHA (Capryloyl Salicylic Acid) กับ Copper Peptide ในสูตรเดียวกัน ไม่แนะนำ เนื่องจากมีช่วง pH ที่เหมาะสมกับการทำงานแตกต่างกัน

• สารผลัดเซลล์ผิวที่มีฤทธิ์เป็นกรด (AHA, BHA, PHA, LHA): สารเหล่านี้จะทำงานได้ดีที่สุดในการผลัดเซลล์ผิวเมื่ออยู่ในสูตรที่มีค่า pH เป็นกรด โดยทั่วไปจะต่ำกว่า 4.5 (และมักจะต่ำกว่านั้นเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด)
• Copper Peptide (GHK-Cu, Bis Tripeptide-1 Copper Acetate): Copper Peptide ต้องการค่า pH ที่สูงกว่า โดยทั่วไปจะอยู่ในช่วง 4.5 ถึง 7.4 เพื่อความเสถียรและประสิทธิภาพ หากค่า pH ต่ำเกินไป Copper Peptide อาจเสื่อมสภาพได้

การพยายามรวมสารเหล่านี้ไว้ในผลิตภัณฑ์เดียวจะทำให้ไม่สามารถรักษาระดับ pH ที่เหมาะสมสำหรับสารทั้งสองชนิดได้พร้อมกัน ซึ่งจะลดประสิทธิภาพหรือทำให้สารไม่เสถียรอย่างมาก

สำหรับสารสกัดชะเอมเทศและสารสำคัญ เช่น Glabridin และ Licochalcone A มีความทนทานต่อค่า pH ที่แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับชนิดของสารสกัด แม้ว่าบางรูปแบบอาจจะเสถียรในค่า pH ที่เหมาะสมกับ Copper Peptide แต่ปัญหาหลักคือความไม่เข้ากันระหว่างสารผลัดเซลล์ผิวที่เป็นกรดกับ Copper Peptide ส่วน Glycyrrhizic acid ซึ่งเป็นสารอีกตัวที่พบในชะเอมเทศ ก็มีประโยชน์หลายอย่าง แต่ความเข้ากันได้ในแต่ละช่วง pH ต้องพิจารณาในภาพรวมของสูตรด้วย

คำแนะนำ:
หากต้องการใช้ทั้งสารผลัดเซลล์ผิวที่มีฤทธิ์เป็นกรด (AHA, BHA, PHA, LHA) และ Copper Peptide ควรใช้ใน ผลิตภัณฑ์แยกกัน โดยทาคนละเวลาของวัน หรือคนละวัน เพื่อให้สารแต่ละชนิดทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพในค่า pH ที่เหมาะสม โดยไม่รบกวนความเสถียรหรือประสิทธิภาพของอีกสารหนึ่ง