การวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของสูตร

สำหรับสูตรที่คุณเสนอ:

1. Alpha Arbutin 2%: ความเข้มข้นนี้อยู่ในช่วงอัตราการใช้งานที่แนะนำ (0.2-2%) และเป็นระดับที่แนะนำสำหรับการปรับสีผิวให้กระจ่างใส
2. Double Hyaluron Liquid 2%: ความเข้มข้นนี้อยู่ในช่วงอัตราการใช้งานที่แนะนำ (1-20%) Double Hyaluron Liquid มี Hyaluronic Acid 5% ดังนั้น 2% ของของเหลวนี้จะให้ Hyaluronic Acid จริง 0.1% ซึ่งช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น
3. L-ascorbic acid (Ultra fine) 3%: ความเข้มข้นนี้อยู่ในช่วงอัตราการใช้งานที่แนะนำ (3-15%) สำหรับลดริ้วรอยหรือปรับสีผิวให้กระจ่างใส
4. Ethoxydiglycol 2%: ความเข้มข้นนี้อยู่ในขีดจำกัดการใช้งานที่แนะนำในปัจจุบัน (ไม่เกิน 2.6%) สำหรับผลิตภัณฑ์แบบไม่ต้องล้างออก
5. Purified Water: จะใช้เป็นเบส

ความเป็นไปได้และข้อควรพิจารณา:

การผสมส่วนผสมเหล่านี้เข้าด้วยกันเป็นไปได้ในแง่ของความสามารถในการละลายและขีดจำกัดความเข้มข้น อย่างไรก็ตาม ความท้าทายหลักอยู่ที่การรักษาความเสถียรในระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับ L-ascorbic acid เนื่องจากข้อกำหนดค่า pH ของส่วนผสม:

• Alpha Arbutin มีความเสถียรที่สุดที่ค่า pH ระหว่าง 3.5 ถึง 6.5
• L-ascorbic acid ต้องการค่า pH ระหว่าง 2.0 ถึง 4.0 เพื่อประสิทธิภาพ และ อย. กำหนดให้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวแบบไม่ต้องล้างออกต้องมีค่า pH อย่างน้อย 3.5 คำอธิบายผลิตภัณฑ์ยังระบุด้วยว่า L-ascorbic acid ไม่เสถียรเมื่อละลายในน้ำโดยตรง และแนะนำให้ใช้สารเพิ่มความเสถียร เช่น Protec™ OX และ Protec™ UV
• Double Hyaluron Liquid ทำงานได้ในช่วงค่า pH ที่กว้างกว่าคือ 3-9

เพื่อให้ได้ความเสถียรและประสิทธิภาพสูงสุดของทั้ง Alpha Arbutin และ L-ascorbic acid ค่า pH ของสูตรสุดท้ายควรได้รับการปรับและรักษาไว้อย่างระมัดระวังภายในช่วงที่ทับซ้อนกันแคบๆ ประมาณ 3.5 ถึง 4.0 แม้จะอยู่ในช่วงนี้ L-ascorbic acid ในสารละลายน้ำก็มีแนวโน้มที่จะเกิดการออกซิเดชันและการเสื่อมสภาพเมื่อเวลาผ่านไป ดังนั้น การใส่สารเพิ่มความเสถียรที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการช่วยรักษาประสิทธิภาพและอายุการเก็บรักษาของผลิตภัณฑ์

โดยสรุป แม้ว่าจะสามารถผสมสูตรนี้ได้ แต่การปรับค่า pH อย่างระมัดระวังและการเพิ่มสารเพิ่มความเสถียรเป็นขั้นตอนสำคัญเพื่อให้แน่ใจว่าส่วนผสมออกฤทธิ์มีความเสถียรและมีประสิทธิภาพ