ความเป็นไปได้และลำดับการผสมสูตรเจลบำรุงผิว
คำถาม
ขอสอบถามความเป็นไปได้และลำดับการผสมสำหรับสูตรเจลบำรุงผิวที่มีส่วนผสมและสัดส่วนดังนี้:
- Licorice 1%
- EGCG 5%
- Centella (Asiaticoside) 5%
- Calendula 2%
- N-Acetyl-D 4%
- Vit B3 2%
- Pro polymer 1%
- Phenoxyethanol 1%
- Water ประมาณ 80%
โดยเฉพาะ:
- สามารถทำผลิตภัณฑ์ที่คงตัวได้หรือไม่ด้วยส่วนผสมและสัดส่วนเหล่านี้?
- สงสัยว่าสารบางตัวอาจผสมด้วยกันไม่ได้ ในกรณีที่ทำได้ ควรผสมอะไรก่อนหลัง?
คำตอบ
หัวข้อ: ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับสูตรครีมบำรุง
สวัสดีครับ/ค่ะ
ขอบคุณที่แบ่งปันสูตรครีมบำรุงที่เสนอมาและข้อเสนอแนะที่คุณได้รับครับ/ค่ะ จากส่วนผสมและเปอร์เซ็นต์ที่ให้มา ประกอบกับหลักการทั่วไปในการคิดค้นสูตรเครื่องสำอาง นี่คือการประเมินครับ/ค่ะ:
1. ความเป็นไปได้ในการทำ:
ใช่ครับ/ค่ะ สูตรที่คุณแจ้งมาโดยทั่วไปสามารถทำได้ในรูปแบบของผลิตภัณฑ์เนื้อเจล ส่วนผสมที่ใช้เป็นส่วนผสมที่นิยมใช้ในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวครับ/ค่ะ
2. ความเข้ากันได้ของส่วนผสม:
คำแนะนำที่คุณได้รับถูกต้องครับ/ค่ะ ส่วนผสมเหล่านี้โดยทั่วไปเข้ากันได้ดีในสูตรลักษณะนี้
3. รายการส่วนผสมและข้อคิดเห็น:
- Licorice 1%: เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคุณสมบัติต้านการอักเสบและไวท์เทนนิ่ง 1% เป็นความเข้มข้นที่ให้ผลดีทั่วไป
- EGCG 5%: เป็นสารต้านอนุมูลอิสระและต้านการอักเสบที่มีศักยภาพสูง ควรทราบว่า 5% เป็นความเข้มข้นที่ค่อนข้างสูง และมีแนวโน้มที่จะทำให้ผลิตภัณฑ์ของคุณมีสีน้ำตาลที่สังเกตเห็นได้ชัด
- Centella (Asiaticoside) 5%: ดีเยี่ยมสำหรับการเสริมสร้างเกราะป้องกันผิวและคุณสมบัติต้านการอักเสบ คำแนะนำให้ใช้ Madecassoside แทนนั้นสมเหตุสมผล เนื่องจากเป็นสารออกฤทธิ์หลักตัวหนึ่งในใบบัวบกที่มักถูกเลือกใช้เพื่อเป้าหมายเฉพาะในการซ่อมแซมเกราะป้องกันผิวและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
- Calendula 2%: ให้คุณสมบัติปลอบประโลมผิวและต้านการอักเสบ 2% เป็นความเข้มข้นที่เหมาะสม
- N-Acetyl-D 4%: น่าจะหมายถึง N-Acetyl Glucosamine (NAG) NAG เป็นส่วนผสมที่ดีเยี่ยมสำหรับการเพิ่มความชุ่มชื้น เสริมสร้างเกราะป้องกันผิว และทำงานร่วมกับ Niacinamide เพื่อลดรอยดำ (ไวท์เทนนิ่ง) 4% เป็นระดับที่ให้ผลดี
- Vit B3 2%: นี่คือ Niacinamide 2% มีประสิทธิภาพในการเสริมสร้างเกราะป้องกันผิวและต้านการอักเสบ คุณสามารถเพิ่มได้ถึง 5% เพื่อประโยชน์ที่มากขึ้น (เช่น ช่วยลดรอยดำ) แต่ตามที่กล่าวไว้ อาจทำให้รู้สึกอุ่นหรือแดงเล็กน้อยสำหรับบางคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากค่า pH ของสูตรไม่เหมาะสม
- Pro polymer 1%: นี่คือสารก่อเจลหรือสารเพิ่มความหนืด 1% เป็นจุดเริ่มต้นทั่วไป คุณสามารถปรับเปอร์เซ็นต์นี้ได้ (ตามคำแนะนำ เช่น 1.5%) เพื่อให้ได้ความหนืดของเจลตามที่คุณต้องการ
- Phenoxyethanol 1%: เป็นสารกันเสียแบบ Broad-spectrum ที่นิยมใช้และมีประสิทธิภาพที่ความเข้มข้นสูงสุดที่อนุญาต
- Water ~80%: เป็นส่วนประกอบหลักของสูตร
- EDTA 0.1%: การเพิ่มสารคีเลต (Chelating Agent) เช่น EDTA เป็นคำแนะนำที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้ EGCG ช่วยจับไอออนของโลหะที่อาจทำให้สารเสื่อมสภาพ ช่วยเพิ่มความคงตัวของสูตร
4. ลำดับการผสม:
ลำดับการผสมที่แนะนำมีความสมเหตุสมผลและเหมาะสมสำหรับการทำเจล:
- ละลายพอลิเมอร์ในน้ำเพื่อสร้างเนื้อเจล การพักไว้ (เช่น แช่ตู้เย็น) ช่วยให้พอลิเมอร์ดูดซับน้ำได้เต็มที่และได้เนื้อเจลที่เรียบเนียน
- เติมและละลายส่วนผสมที่เป็นผงลงในเนื้อเจล
- ค่อยๆ เติมส่วนผสมที่เป็นของเหลวลงไป คนให้เข้ากันดี การเติมสารสกัดที่อาจมีสีหรือไวต่อความร้อน/แสง เช่น EGCG และ Calendula ในภายหลังก็เป็นวิธีที่สมเหตุสมผล
- เติมสารกันเสียเป็นลำดับสุดท้าย
5. ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม:
- การปรับค่า pH: นี่เป็นสิ่งสำคัญมาก! คุณจะต้องวัดและปรับค่า pH สุดท้ายของสูตร ส่วนผสมหลายชนิด (เช่น Niacinamide, NAG) มีความคงตัวและมีประสิทธิภาพสูงสุดในช่วง pH ที่เป็นกรดเล็กน้อยถึงกลาง (เช่น pH 5.0-6.5) พอลิเมอร์บางชนิดอาจต้องมีการปรับค่า pH เพื่อให้ข้นตัวอย่างเหมาะสม ใช้กรดที่เหมาะสม (เช่น สารละลาย Citric Acid) หรือเบส (เช่น สารละลาย Sodium Hydroxide) ในการปรับ
- การละลาย: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าส่วนผสมที่เป็นผงทั้งหมดละลายได้หมดในเฟสน้ำ/เจล การอุ่นเล็กน้อยอาจช่วยได้ แต่หลีกเลี่ยงความร้อนสูง
- การทดสอบความคงตัว: แม้ว่าส่วนผสมจะเข้ากันได้ แต่ควรมีการติดตามความคงตัวในระยะยาว (สี ความใส ความหนืด ประสิทธิภาพ) ของผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง EGCG ที่อาจเสื่อมสภาพได้เมื่อเวลาผ่านไป แม้จะมีการใช้ EDTA ช่วยแล้วก็ตาม
- คุณสมบัติทางประสาทสัมผัส: เตรียมพร้อมสำหรับสีน้ำตาลจาก EGCG เนื้อผลิตภัณฑ์จะเป็นเจล ซึ่งสามารถปรับความหนืดได้ตามเปอร์เซ็นต์ของพอลิเมอร์ ความรู้สึกบนผิวจะขึ้นอยู่กับชนิดของพอลิเมอร์และส่วนผสมอื่นๆ ที่ละลายอยู่
โดยรวมแล้ว สูตรนี้ดูดีและสอดคล้องกับเป้าหมายของคุณ คำแนะนำที่คุณได้รับเป็นพื้นฐานที่ดี การให้ความสำคัญกับการปรับค่า pH จะเป็นกุญแจสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์สุดท้ายครับ/ค่ะ