ความเสถียรของ L-Ascorbic Acid (วิตามินซี) ในเซรั่ม/โลชั่นเบสน้ำ
คำถาม
ต้องการทำเซรั่ม/โลชั่น โดยใช้ส่วนผสมดังนี้:
- Vitamin C (L-ascorbic acid) (Ultra-Fine): 15%
- Licorice Extract: 1%
- Witch Hazel: 20%
- น้ำ: ส่วนที่เหลือ
สูตรนี้สามารถทำได้และมีความเสถียรหรือไม่ เมื่อใช้ L-Ascorbic Acid ความเข้มข้นสูงในเบสน้ำ?
คำตอบ
ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับสูตร
สำหรับสูตรที่คุณเสนอซึ่งประกอบด้วย Vitamin C (L-ascorbic acid) (Ultra-Fine) 15%, Licorice Extract 1%, Witch Hazel 20% และส่วนที่เหลือเป็นน้ำ มีข้อควรพิจารณาที่สำคัญเกี่ยวกับความเสถียรของวิตามินซีค่ะ
L-ascorbic acid โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสารละลายที่เป็นน้ำ มีความไม่เสถียรสูงและมีแนวโน้มที่จะเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันได้ง่าย ซึ่งจะลดประสิทธิภาพลง Vitamin C เกรด Ultra-Fine ถูกออกแบบมาเพื่อให้กระจายตัวได้ดีขึ้น แต่ก็ยังมีความเสถียรต่ำเมื่อละลายในน้ำ แม้ว่าสูตรที่มี L-ascorbic acid จะต้องมีค่า pH ต่ำ (2.0-4.0 โดย อย. กำหนดที่ 3.5 ขึ้นไป) แต่การมีน้ำปริมาณมากและใช้ความเข้มข้นสูงถึง 15% มีแนวโน้มที่จะทำให้วิตามินซีเสื่อมสภาพอย่างรวดเร็วค่ะ
สำหรับเซรั่มหรือโลชั่นที่เป็นเบสน้ำ โดยทั่วไปแนะนำให้ใช้ Vitamin C อนุพันธ์ที่ละลายน้ำได้และมีความเสถียรมากกว่า อนุพันธ์บางชนิดที่เหมาะสม ได้แก่:
- Ethyl Ascorbic Acid
- Ascorbyl Glucoside
- Magnesium Ascorbyl Phosphate (MAP)
- Sodium Ascorbyl Phosphate (SAP)
อนุพันธ์เหล่านี้มีความเสถียรที่ดีกว่าในสูตรที่เป็นเบสน้ำ ในขณะที่ยังคงให้ผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์ต่อผิวค่ะ
Licorice Extract และ Witch Hazel สามารถละลายน้ำได้และสามารถนำมาใช้ในสูตรที่เป็นเบสน้ำได้ โดยต้องปรับค่า pH โดยรวมให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสมกับส่วนผสมอื่นๆ ด้วยค่ะ
ดังนั้น แม้ว่าส่วนผสมต่างๆ จะสามารถเข้ากันได้ในแง่ของการละลายน้ำ แต่ความเสถียรของ L-ascorbic acid ที่ความเข้มข้น 15% ในเบสน้ำเป็นข้อกังวลหลักสำหรับประสิทธิภาพและอายุการเก็บรักษาของผลิตภัณฑ์ของคุณค่ะ ควรพิจารณาใช้อนุพันธ์วิตามินซีที่มีความเสถียรมากกว่าเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าในสูตรที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลักค่ะ
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Licorice Extract (Licochalcone A 1%, Water-Soluble)

Vitamin C (L-ascorbic acid) (Ultra-Fine)

Ascorbyl Glucoside (AA-2G Stabilized Vitamin C)
