ความเหมาะสมของสูตรสำหรับผิวแพ้ง่าย/เป็นสิวง่าย, สารทางเลือก Alpha Arbutin และความเร็วในการปั่น
คำถาม
เกี่ยวกับสองสูตรที่กำลังพัฒนา (ยังไม่ได้ระบุรายการส่วนผสม) รบกวนสอบถามดังนี้ค่ะ:
1. สองสูตรนี้ผิวเป็นสิวง่ายผิวบอบบางใช้ได้ไหม หากมีสารตัวไหนไม่ควรใช้กับผิวเป็นสิวง่ายผิวบอบบางรบกวนชี้แนะแก้ไขและนำสารตัวใหม่ปริมาณวิธีผสมให้หน่อยค่ะ
2. มีสารที่ทำให้อุดตัน สารที่ทำให้ระคายเคืองไหม
3. มีสารอันตรายต่อผิวในระยะยาวหรือเปล่า หากมีรบกวนชี้แนะแก้ไขและแนะนำสารตัวใหม่ที่ไม่เป็นอันตรายต่อผิวและระยะยาวให้หน่อยค่ะ
4. สูตรเซรั่มหากเปลี่ยนสารให้ความขาวแทน Alpha Arbutin มีตัวไหนทดแทนได้บ้างที่ให้ประสิทธิภาพความขาวลดเม็ดสีผิวดำได้อย่างดีเยี่ยมไม่แพ้ Alpha Arbutin หรือดียิ่งกว่า เพราะอ่านในเว็บ Alpha Arbutin สามารถทำให้ระคายเคืองได้
5. หากใส่ Alpha Arbutin มากกว่า 2% จะมีปัญหาอย่างไรเกิดขึ้นกับผิวและเนื้อผลิตภัณฑ์
6. หากเพิ่มปริมาณ Alpha Arbutin ถึง 6 เปอร์เซ็นต์จะต้องเพิ่มสารกันเสียหรือไม่
7. ถ้าเพิ่มปริมาณ Alpha Arbutin ถึง 10 เปอร์เซ็นต์จะต้องเพิ่มสารกันเสียหรือไม่
8. ความเร็วในการใช้ปั่นครีมกันแดด ความเร็วในการใช้ปั่นเซรั่ม หากความเร็วในการปั่นมากเกินไปจะส่งผลกับผลิตภัณฑ์หรือไม่ประสิทธิภาพหรือไม่
คำตอบ
ข้อมูลเกี่ยวกับสูตรและส่วนผสมของคุณ
ขอบคุณสำหรับคำถามค่ะ เพื่อให้สามารถให้คำแนะนำที่ถูกต้องเกี่ยวกับความเหมาะสมของทั้งสองสูตรสำหรับผิวเป็นสิวง่ายและผิวบอบบาง รวมถึงระบุส่วนผสมที่อาจก่อปัญหาได้ (คำถามข้อ 1, 2 และ 3) กรุณาแจ้งรายการส่วนผสมทั้งหมดและปริมาณของแต่ละส่วนผสมสำหรับทั้งสองสูตรด้วยค่ะ เมื่อได้รับข้อมูลนี้แล้ว จะสามารถวิเคราะห์และให้คำแนะนำที่เฉพาะเจาะจงได้ค่ะ
ในระหว่างนี้ ขอให้ข้อมูลสำหรับคำถามข้ออื่นๆ ดังนี้ค่ะ
Alpha Arbutin และสารให้ความขาวทางเลือก
เกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการระคายเคือง การอุดตัน ความปลอดภัยในระยะยาว และสารทางเลือก (รวมประเด็นจากคำถามข้อ 2, 3 และ 4):
Alpha Arbutin โดยทั่วไปถือเป็นสารให้ความขาวที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพเมื่อใช้อย่างถูกต้อง จากข้อมูลผลิตภัณฑ์ Alpha Arbutin (Switzerland) (Product ID: 68) ระบุว่าเป็นสารที่สังเคราะห์ขึ้น ละลายน้ำได้ และช่วยให้ผิวดูกระจ่างใส สีผิวสม่ำเสมอ เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว และไม่มีผลข้างเคียงเหมือน Hydroquinone อย่างไรก็ตาม คำอธิบายผลิตภัณฑ์ระบุว่า Alpha Arbutin อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองได้ โดยเฉพาะเมื่อใช้ในความเข้มข้นสูง หรือในสูตรที่มีค่า pH ไม่เหมาะสม (ค่า pH ควรอยู่ระหว่าง 3.5-6.5 และไม่ควรสูงกว่า 8 เพราะอาจทำให้ Alpha Arbutin สลายตัวเป็น Hydroquinone ซึ่งเป็นสารอันตราย)
การที่สูตรจะก่อให้เกิดการอุดตัน (comedogenic) หรือระคายเคือง (irritant) หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับส่วนผสมทั้งหมดในสูตร ส่วนผสมบางชนิดอาจก่อให้เกิดการอุดตันในบางบุคคลได้ แม้ว่าจะไม่เป็นอันตรายในระยะยาวก็ตาม
หากคุณกำลังมองหาสารให้ความขาวทางเลือกที่มีประสิทธิภาพเทียบเท่าหรือดีกว่า Alpha Arbutin โดยเฉพาะสำหรับผิวบอบบางแพ้ง่าย สามารถพิจารณาสารกลุ่มอื่นๆ ได้แก่:
- Hexylresorcinol AF (e.q. Hentowhite): เป็นสารให้ความขาวที่มีประสิทธิภาพและมีงานวิจัยรองรับ
- ChromaWhite™ (Dimethylmethoxy Chromanyl Palmitate): เป็นสารที่ช่วยลดจุดด่างดำและปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ
- MelaninTerminate™: เป็นอีกหนึ่งสารออกฤทธิ์ที่มุ่งเป้าไปที่กระบวนการสร้างเม็ดสีผิว
ในการเลือกใช้สารให้ความขาว ควรพิจารณาจากสภาพผิวของแต่ละบุคคล และทดสอบการแพ้ก่อนใช้เสมอ
5. หากใส่ Alpha Arbutin มากกว่า 2% จะมีปัญหาอย่างไรเกิดขึ้นกับผิวและเนื้อผลิตภัณฑ์
จากข้อมูลผลิตภัณฑ์ Alpha Arbutin (Switzerland) (Product ID: 68) แนะนำอัตราการใช้ที่ 0.2-2% และระบุไว้อย่างชัดเจนว่า ไม่ควรใช้เกิน 2.00% การใช้ Alpha Arbutin ในความเข้มข้นที่สูงกว่า 2% อาจเพิ่มความเสี่ยงของการระคายเคืองต่อผิวได้ นอกจากนี้ ความเข้มข้นที่สูงขึ้นอาจส่งผลต่อความเสถียรของเนื้อผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากค่า pH ของสูตรไม่อยู่ในช่วงที่เหมาะสม (3.5-6.5) ซึ่งอาจนำไปสู่การสลายตัวของ Alpha Arbutin กลายเป็น Hydroquinone ซึ่งเป็นสารอันตรายต่อผิว
6. หากเพิ่มปริมาณ Alpha Arbutin ถึง 6 เปอร์เซ็นต์จะต้องเพิ่มสารกันเสียหรือไม่
7. ถ้าเพิ่มปริมาณ Alpha Arbutin ถึง 10 เปอร์เซ็นต์จะต้องเพิ่มสารกันเสียหรือไม่
การเพิ่มความเข้มข้นของสารออกฤทธิ์ใดๆ ในสูตร รวมถึง Alpha Arbutin อาจส่งผลกระทบต่อความเสถียรโดยรวมของสูตร รวมถึงค่า pH และสภาพแวดล้อมภายในผลิตภัณฑ์ ซึ่งอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของระบบสารกันเสียที่ใช้อยู่เดิม แม้ว่า Alpha Arbutin เองจะไม่ได้เป็นสารที่ต้องการสารกันเสียในปริมาณมากเป็นพิเศษ แต่การเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบหลักของสูตรโดยการเพิ่มความเข้มข้นของสารใดสารหนึ่งอย่างมีนัยสำคัญ (เช่น จาก 2% เป็น 6% หรือ 10%) อาจทำให้จำเป็นต้องพิจารณาปรับระบบสารกันเสียเพื่อให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์ยังคงได้รับการปกป้องจากการเจริญเติบโตของจุลชีพได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดอายุการใช้งาน อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจว่าจะต้องเพิ่มหรือเปลี่ยนสารกันเสียหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ชนิดของสารกันเสียที่ใช้ในสูตรเดิม ส่วนผสมอื่นๆ ในสูตร และลักษณะของเนื้อผลิตภัณฑ์ การทดสอบความท้าทายของสารกันเสีย (Preservative Challenge Test) เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการยืนยันประสิทธิภาพของระบบสารกันเสียในสูตรที่มีการปรับเปลี่ยน
คำถามอื่นๆ
8. ความเร็วในการใช้ปั่นครีมกันแดด ความเร็วในการใช้ปั่นเซรั่ม หากความเร็วในการปั่นมากเกินไปจะส่งผลกับผลิตภัณฑ์หรือไม่ประสิทธิภาพหรือไม่
ความเร็วในการปั่นมีผลอย่างมากต่อลักษณะเนื้อสัมผัสและความเสถียรของผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปค่ะ
- ครีมกันแดด: มักเป็นสูตรประเภทอิมัลชัน (Emulsion) การปั่นด้วยความเร็วที่เหมาะสมช่วยให้ส่วนผสมที่เป็นน้ำและน้ำมันเข้ากันได้ดี เกิดเป็นเนื้อครีมที่เนียนสม่ำเสมอ หากปั่นเร็วเกินไป อาจทำให้เกิดฟองอากาศจำนวนมากในเนื้อครีม ซึ่งส่งผลต่อลักษณะภายนอกและความรู้สึกเมื่อใช้ นอกจากนี้ ในบางกรณี การปั่นที่รุนแรงเกินไปอาจทำลายโครงสร้างของอิมัลชัน ทำให้เนื้อครีมแยกชั้นหรือไม่คงตัวได้
- เซรั่ม: มักมีเนื้อบางเบาและมีส่วนประกอบของน้ำเป็นหลัก การปั่นเพื่อผสมส่วนผสมต่างๆ มักใช้ความเร็วที่ไม่สูงเท่าการทำอิมัลชัน การปั่นเร็วเกินไปในเซรั่มอาจทำให้เกิดฟองได้เช่นกัน ซึ่งแม้จะไม่ได้ส่งผลเสียต่อประสิทธิภาพของสารออกฤทธิ์โดยตรง แต่ก็อาจทำให้เนื้อสัมผัสไม่น่าใช้
โดยสรุป การใช้ความเร็วในการปั่นที่เหมาะสมกับประเภทของผลิตภัณฑ์และส่วนผสมเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ได้เนื้อผลิตภัณฑ์ที่เนียน สม่ำเสมอ ปราศจากฟองอากาศ และมีความเสถียรที่ดีค่ะ
หากคุณลูกค้าให้ข้อมูลส่วนผสมของทั้งสองสูตรที่กล่าวถึงในตอนต้นได้ จะสามารถให้คำแนะนำที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้นสำหรับคำถามข้อ 1, 2, และ 3 ค่ะ
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Alpha Arbutin (Switzerland)

MelaninTerminate™

ChromaWhite™ (Dimethylmethoxy Chromanyl Palmitate)
