ความเหมาะสมของส่วนผสมในสูตรสบู่
คำถาม
สามารถนำส่วนผสมเหล่านี้มาใช้รวมกันในสูตรสบู่ได้หรือไม่ ที่ความเข้มข้นรวม 10% ของเนื้อสบู่?
- Vitamin E (Tocopheryl Acetate)
- Salicylic Acid (BHA) กรดซาลิไซลิค
- Ichthammol
- Vitamin C (L-ascorbic acid) (Fine)
- Lift-Now(TM)
- Safe-B3(TM) (Vitamin B3, Niacinamide)
- Adenosine Liposome
คำตอบ
ความเหมาะสมของส่วนผสมในสบู่
จากรายการส่วนผสมที่คุณระบุและคุณสมบัติของส่วนผสมเหล่านั้น โดยทั่วไปแล้วไม่แนะนำให้ใช้ส่วนผสมทั้งหมดนี้รวมกันในสบู่ที่ความเข้มข้นรวม 10% ครับ
เหตุผลคือ:
- ความไม่เสถียรในสภาพ pH สูง: สบู่มักจะมีค่า pH สูง (เป็นด่าง) ส่วนผสมหลายอย่างที่คุณระบุ เช่น วิตามินซี (L-ascorbic acid), Salicylic Acid, Safe-B3 (Niacinamide) และ Adenosine มีความไวต่อค่า pH สูง ในสภาพ pH ที่เป็นด่างของสบู่ ส่วนผสมเหล่านี้สามารถเสื่อมสภาพได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ประสิทธิภาพลดลง ตัวอย่างเช่น L-ascorbic acid ต้องการค่า pH ที่เป็นกรด (2.0-4.0) เพื่อความเสถียร ในขณะที่ Niacinamide มีช่วง pH ที่เหมาะสมคือ 4.0-7.0
- การละลายและการผสม: ส่วนผสมบางอย่าง เช่น Salicylic Acid ชนิดผงทั่วไป ไม่ละลายในน้ำและต้องการตัวทำละลายเฉพาะในการผสมให้เข้ากัน ในขณะที่วิตามินอีบางชนิดละลายในน้ำมัน บางชนิดละลายในน้ำ การทำให้ส่วนผสมเหล่านี้กระจายตัวและคงตัวในเบสสบู่เป็นเรื่องที่ท้าทาย
- อัตราการใช้ที่แนะนำ: อัตราการใช้ที่แนะนำสำหรับส่วนผสมแต่ละชนิดแตกต่างกันไป ในขณะที่บางชนิดอาจใช้ได้ถึง 5% หรือ 10% แต่บางชนิดมีอัตราการใช้สูงสุดที่แนะนำต่ำกว่ามาก (เช่น วิตามินอีมักใช้ที่ 0.1-1%, Salicylic Acid ใช้ที่ 0.1-3% สำหรับผลิตภัณฑ์ล้างออก) การใช้ส่วนผสมรวมกัน 10% อาจทำให้อัตราส่วนของส่วนประกอบใดส่วนประกอบหนึ่งสูงเกินกว่าระดับที่ปลอดภัยหรือมีประสิทธิภาพที่แนะนำได้ง่าย
- คุณสมบัติของ Ichthammol: Ichthammol มีกลิ่นแรงและมักใช้ที่ความเข้มข้นต่ำกว่า (2-3% สำหรับผลิตภัณฑ์ล้างออก) การใช้เป็นส่วนหนึ่งของส่วนผสม 10% อาจทำให้เกิดกลิ่นที่รุนแรงเกินไป
- ข้อจำกัดของผลิตภัณฑ์ล้างออก: ในผลิตภัณฑ์ล้างออก เช่น สบู่ ระยะเวลาที่สัมผัสกับผิวสั้นมาก ส่วนผสมออกฤทธิ์หลายชนิดต้องการระยะเวลาสัมผัสที่นานกว่าจึงจะมีประสิทธิภาพ แม้ว่าส่วนผสมบางอย่างอาจให้ประโยชน์เล็กน้อยในผลิตภัณฑ์ล้างออก แต่ศักยภาพสูงสุดของส่วนผสมเช่น วิตามินซี, Niacinamide หรือ Adenosine มักจะเห็นผลในผลิตภัณฑ์ที่ทาทิ้งไว้บนผิว
การรวมส่วนผสมออกฤทธิ์หลายชนิดในสูตรเดียวจำเป็นต้องพิจารณาอย่างรอบคอบเกี่ยวกับความเข้ากันได้ ความเสถียร ประสิทธิภาพ และความปลอดภัยที่ความเข้มข้นและประเภทของผลิตภัณฑ์ที่ต้องการ สำหรับสบู่ซึ่งมีค่า pH สูงและเป็นผลิตภัณฑ์ล้างออก ส่วนผสมหลายอย่างที่คุณระบุไม่เหมาะอย่างยิ่งที่จะใส่ในความเข้มข้นสูง
การเลือกส่วนผสมที่ทราบว่ามีความเสถียรและมีประโยชน์ในสูตรสบู่โดยเฉพาะ และใช้อยู่ในแนวทางที่แนะนำ จะมีประสิทธิภาพมากกว่าครับ
ความเหมาะสมของส่วนผสมในสบู่
- Vitamin E (Tocopheryl Acetate): สามารถใช้เป็นสารต้านอนุมูลอิสระสำหรับน้ำมันในสบู่ได้ แต่ประโยชน์ต่อผิวอาจจำกัดในผลิตภัณฑ์ล้างออก
- Salicylic Acid (BHA): ต้องการเทคนิคการผสมสูตรเฉพาะเพื่อให้คงตัวในสภาพ pH สูง และประสิทธิภาพดีที่สุดในผลิตภัณฑ์ทาทิ้งไว้ มีข้อจำกัดตามข้อกำหนด อย.
- Ichthammol: สามารถใช้ในผลิตภัณฑ์ล้างออกเพื่อคุณสมบัติของมันได้ แต่ต้องจัดการเรื่องความเข้มข้นและกลิ่นอย่างระมัดระวัง
- Vitamin C (L-ascorbic acid): ไม่เสถียรอย่างมากในสภาพ pH ของสบู่ อาจพิจารณาวิตามินซีในรูปแบบอื่นที่เสถียรกว่า แต่ประสิทธิภาพในผลิตภัณฑ์ล้างออกก็ยังแตกต่างกันไป
- Lift-Now (Pullulan): ให้ผลกระชับผิวชั่วคราว ซึ่งไม่ใช่ประโยชน์หลักสำหรับผลิตภัณฑ์ล้างออก
- Safe-B3 (Vitamin B3, Niacinamide): ไม่เสถียรในสภาพ pH ของสบู่และสามารถเปลี่ยนเป็น Niacin ซึ่งอาจทำให้ผิวแดงได้
- Adenosine Liposome (หรือ Pure-Adenosine™): ความเสถียรและประสิทธิภาพลดลงในสภาพ pH ของสบู่
ดังนั้น การใช้ส่วนผสมทั้ง 7 ชนิดรวมกัน 10% ในสบู่จึงไม่แนะนำ เนื่องจากเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้นครับ
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Vitamin E (Tocopheryl Acetate)

Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)

Vitamin C (L-ascorbic acid) (Fine)

Salicylic Acid (BHA) กรดซาลิไซลิค

Pullulan (High Viscosity)

Pure-Adenosine™

Ichthammol (Pure, 99%)

Pullulan (Low Viscosity)
