ความแตกต่างของลิปสติก Coating และการผสมสารกันแดด
คำถาม
Glossy Non-Transfer Top Coat กับ Liquid Lip Gloss Coating (Shine Filler) ต่างกันอย่างไร? สามารถผสมสารกันแดดในชั้น Coating หรือต้องผสมในเนื้อลิปสติกที่มีสีเท่านั้น? และขอคำแนะนำสารกันแดดที่ใช้ในลิปสติกพร้อมปริมาณที่ปลอดภัยตามข้อกำหนดค่ะ
คำตอบ
ความแตกต่างระหว่าง Glossy Non-Transfer Top Coat และ Liquid Lip Gloss Coating (Shine Filler)
- Glossy Non-Transfer Top Coat: เป็น Top Coat ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับใช้ในระบบลิปสติกแบบ 2 ขั้นตอนที่ไม่ติดทน (Non-Transfer) โดยจะทาทับหลังจากทาสีลิปสติกชั้นแรกจนแห้งสนิท เพื่อเพิ่มความเงาและช่วยให้ติดทนยิ่งขึ้น จากส่วนประกอบ (INCI) คาดว่าเป็นเบสที่มีส่วนประกอบหลักเป็นน้ำและสารสร้างฟิล์ม
- Liquid Lip Gloss Coating (Shine Filler): เป็น Coating ใสที่ให้ความเงา (Shine Filler) มีทั้งแบบความหนืดต่ำและสูง สามารถใช้ทาทับลิปสติกได้หลากหลายชนิด (โดยเฉพาะลิปแมทท์ที่ไม่ติดทน) เพื่อเพิ่มความเงา ความทนทาน และลดการติดแมส จากส่วนประกอบ (INCI) คาดว่าเป็นเบสที่มีส่วนประกอบหลักเป็นซิลิโคน
ดังนั้น ความแตกต่างหลักอยู่ที่ลักษณะการใช้งานเฉพาะระบบ (Glossy Non-Transfer Top Coat) กับการใช้งานทั่วไปเพื่อเพิ่มความเงาและความทนทาน (Liquid Lip Gloss Coating) รวมถึงส่วนประกอบหลักของเบส
การผสมสารกันแดดในลิปสติก
โดยทั่วไปแล้ว การผสมสารกันแดดควรผสมลงในเนื้อลิปสติกที่มีสีโดยตรง เนื่องจากสารกันแดดจำเป็นต้องกระจายตัวหรือละลายเข้ากับเนื้อลิปสติกได้อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้การปกป้องแสงแดดมีประสิทธิภาพทั่วทั้งริมฝีปาก การผสมในชั้น Coating อาจทำได้หาก Coating นั้นเข้ากันได้กับสารกันแดดและสามารถกระจายตัวสารกันแดดได้อย่างสม่ำเสมอ แต่การผสมในเนื้อลิปสติกหลักจะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าและมั่นใจได้ว่าริมฝีปากได้รับการปกป้องอย่างทั่วถึง
คำแนะนำสำหรับสารกันแดดที่ใช้ในลิปสติกและปริมาณที่เหมาะสม
สารกันแดดที่นิยมใช้และเหมาะสำหรับผลิตภัณฑ์ลิปสติก มักจะเป็นสารกันแดดชนิดเคมีที่ละลายได้ในน้ำมันหรือซิลิโคน เพื่อให้เข้ากันได้ดีกับเบสของลิปสติก ตัวอย่างสารกันแดดที่สามารถพิจารณาใช้ ได้แก่:
- Octocrylene: เป็นสารกันแดดที่ป้องกัน UVB และ UVA II ช่วยเพิ่มความเสถียรให้กับ Avobenzone อัตราการใช้ที่แนะนำคือ 5-10% (ตามข้อกำหนดของ อย. ทั่วโลกไม่เกิน 10%)
- Homosalate: เป็นสารกันแดดที่ป้องกัน UVB ได้ดี และช่วยละลายสารกันแดดชนิดผงได้ดี อัตราการใช้ที่แนะนำคือ 1-10% (ตามข้อกำหนดของ อย. ไทยและยุโรปไม่เกิน 10%)
- Enzacamene (4-Methylbenzylidene Camphor): เป็นสารกันแดดที่ป้องกัน UVB ละลายได้ในน้ำมัน อัตราการใช้ที่แนะนำคือ 1-3% (ตามข้อกำหนดของ อย. ไม่เกิน 3%)
- SPF Protect Ultra™ III (UVA+UVB): เป็นสารกันแดดสำเร็จรูปที่ให้การปกป้องทั้ง UVA และ UVB ได้ดี สามารถใช้เป็นสารกันแดดหลักในสูตรได้ อัตราการใช้ 10% ให้ค่า SPF ประมาณ 20-25, 20% ให้ค่า SPF ประมาณ 50, และ 25% ให้ค่า SPF ประมาณ 70-100 (อัตราการใช้สูงสุดที่แนะนำคือ 25%)
นอกจากนี้ ยังมี LipidSoft™ SPF ซึ่งไม่ใช่สารกันแดดโดยตรง แต่เป็น Emollient Ester ที่ช่วยละลายสารกันแดดเคมีและลดความเหนอะหนะ สามารถใช้ร่วมในสูตรได้ในอัตรา 1-50%
ปริมาณการใช้สารกันแดดแต่ละชนิดต้องเป็นไปตามข้อกำหนดขององค์การอาหารและยา (อย.) ในประเทศที่จะจำหน่ายผลิตภัณฑ์ และควรคำนวณค่า SPF/PA ของสูตรโดยรวมเพื่อให้ได้ระดับการป้องกันที่ต้องการ การใช้ในปริมาณที่แนะนำและไม่เกินข้อกำหนดของ อย. จะถือว่าปลอดภัยสำหรับการใช้ในเครื่องสำอาง รวมถึงลิปสติกด้วย.
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Octocrylene

Homosalate

Enzacamene (4-methylbenzylidene camphor, 4-MBC)

LipidSoft™ SPF

Glossy Non-Transfer Top Coat
