ความแตกต่างระหว่างค่า SPF/PA ที่จำลองได้และค่าที่เคลมในสูตรครีมกันแดด

ถามโดย: aon.ohn เมื่อ: May 30, 2016 ประเภทผลิตภัณฑ์: เครื่องสำอาง

คำถาม

จากสูตรครีมกันแดดที่อ้างอิงจากผลิตภัณฑ์ KANEBO ALLIE EX UV PROTECTOR GEL (MINERAL MOIST) N SPF 50/PA++++ ซึ่งมีส่วนผสมดังนี้:

  • Zinc Oxide 200nm EasyDisperse™ (9.2%)
  • OMC (7.5%)
  • DHHB (2.5%)

เมื่อนำสูตรนี้ไปจำลองค่า SPF/PA ด้วยโปรแกรม เช่น ของ BASF พบว่าได้ค่าที่ต่ำกว่ามาก (ประมาณ SPF 15) เมื่อเทียบกับค่า SPF 50 PA++++ ที่เคลมไว้สำหรับผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ดั้งเดิม

รบกวนช่วยอธิบายสาเหตุของความแตกต่างระหว่างค่าที่ได้จากการจำลองกับค่าที่อ้างสิทธิ์นี้ได้หรือไม่คะ โดยเฉพาะผลกระทบของมาตรฐานการทดสอบค่า SPF/PA ที่แตกต่างกัน และองค์ประกอบของสูตรโดยรวม (นอกเหนือจากแค่สารกันแดดและเปอร์เซ็นต์) ที่ส่งผลต่อค่า SPF/PA สุดท้าย

คำตอบ

ทำความเข้าใจค่า SPF และ PA ในสูตรครีมกันแดด

ขอบคุณสำหรับคำถามเกี่ยวกับสูตรครีมกันแดดที่กล่าวถึงในกระทู้ ซึ่งใช้ Zinc Oxide 200nm EasyDisperse™, OMC และ DHHB

คุณสังเกตว่าเมื่อใช้โปรแกรมจำลองค่ากันแดด เช่น ของ BASF ได้ค่า SPF ที่ต่ำกว่ามาก (ประมาณ 15) เมื่อเทียบกับค่า SPF 50 PA++++ ที่อ้างอิงจากสูตรของผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ (KANEBO ALLIE) ความแตกต่างนี้เป็นเรื่องปกติและแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างการคำนวณทางทฤษฎีและประสิทธิภาพที่แท้จริง

เหตุใดผลลัพธ์จากโปรแกรมจำลองจึงแตกต่างจากค่าที่อ้างสิทธิ์

  1. การทดสอบ In Vivo: ค่า SPF และ PA ส่วนใหญ่กำหนดโดยการทดสอบ in vivo (บนผิวหนัง) ตามมาตรฐานสากลที่เฉพาะเจาะจง (เช่น มาตรฐาน ISO, FDA หรือมาตรฐานญี่ปุ่น) การทดสอบเหล่านี้จะวัดการป้องกันจริงที่ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปให้เมื่อทาลงบนผิวหนังมนุษย์
  2. ผลกระทบของสูตร: เบสของสูตร (ประเภทอิมัลชัน, ส่วนผสมอื่นๆ, คุณสมบัติการสร้างฟิล์ม) มีผลอย่างมากต่อการกระจายตัวของสารกันแดดบนผิวหนังและการสร้างชั้นป้องกัน ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการพัฒนาสูตรมาอย่างดีสามารถให้การป้องกันที่สูงกว่าที่คาดการณ์จากการคำนวณผลรวมของสารกันแดดแต่ละชนิดเพียงอย่างเดียว
  3. ปฏิกิริยาและการทำงานร่วมกันของส่วนผสม: สารกันแดดสามารถทำปฏิกิริยากันเองและกับส่วนผสมอื่นๆ ในสูตรได้ บางครั้งอาจมีผลเสริมฤทธิ์กันที่ทำให้การผสมผสานให้การป้องกันที่ดีกว่าที่คาดไว้ ตัวอย่างเช่น DHHB เป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นสารกันแดด UVA ที่ดีเยี่ยม และยังสามารถทำหน้าที่เป็นตัวเสริมค่า SPF ให้กับสารกันแดด UVB เช่น OMC ได้ ดังที่ระบุในรายละเอียดผลิตภัณฑ์
  4. เกรดเฉพาะของส่วนผสม: เกรดหรือรูปแบบที่แตกต่างกันของส่วนผสมออกฤทธิ์เดียวกัน (เช่น ขนาดอนุภาคหรือการเคลือบที่แตกต่างกันสำหรับ Zinc Oxide) อาจมีประสิทธิภาพที่แตกต่างกัน Zinc Oxide 200nm EasyDisperse™ ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้กระจายตัวได้ง่าย ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการครอบคลุมที่สม่ำเสมอและการป้องกันที่ดีที่สุด
  5. มาตรฐานการทดสอบ: ภูมิภาคและผู้ผลิตที่แตกต่างกันใช้มาตรฐานการทดสอบที่แตกต่างกัน ซึ่งอาจส่งผลให้ค่า SPF/PA ที่รายงานแตกต่างกันสำหรับสูตรที่คล้ายคลึงกัน

สูตรเฉพาะที่กล่าวถึง

สูตรที่คุณกล่าวถึงใช้:

  • Zinc Oxide 200nm EasyDisperse™ (9.2%): สารกันแดดแบบกายภาพที่ให้การป้องกัน UVA/UVB ในวงกว้าง
  • OMC (7.5%): สารกันแดดแบบเคมีที่ป้องกัน UVB เป็นหลัก
  • DHHB (2.5%): สารกันแดดแบบเคมีที่ป้องกัน UVA เป็นหลัก และยังทำหน้าที่เป็นตัวเสริมค่า SPF

แม้ว่าเปอร์เซ็นต์อาจดูต่ำสำหรับ SPF 50 ในโปรแกรมจำลอง แต่การผสมผสานของสารกันแดดเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ DHHB ทำหน้าที่เป็นตัวเสริม และเบสของสูตรเฉพาะของผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ดั้งเดิม อาจทำให้ได้ค่า SPF ที่สูงขึ้นในการทดสอบ in vivo เมื่อเทียบกับการคำนวณง่ายๆ

สรุป

การอ้างสิทธิ์ SPF 50 PA++++ สำหรับผลิตภัณฑ์ KANEBO ดั้งเดิมน่าจะมาจากการทดสอบ in vivo อย่างเป็นทางการตามมาตรฐานญี่ปุ่น แม้ว่าเปอร์เซ็นต์ในสูตรที่คุณพบจะอิงตามรายการส่วนผสมของผลิตภัณฑ์นั้น แต่การผสมส่วนผสมเหล่านี้ตามเปอร์เซ็นต์ดังกล่าวไม่ได้รับประกันค่า SPF/PA เดียวกัน การจะบรรลุ SPF 50 PA++++ ได้นั้นต้องอาศัยการพัฒนาสูตรอย่างรอบคอบและการยืนยันผ่านการทดสอบ in vivo

โปรแกรมจำลองค่ากันแดดเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับการแนะนำสูตรเบื้องต้นและทำความเข้าใจการมีส่วนร่วมของสารกันแดดแต่ละชนิด แต่ไม่สามารถทดแทนการทดสอบประสิทธิภาพจริงได้

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Zinc Oxide 200nm EasyDisperse™
Zinc Oxide 200nm EasyDisperse™
เครื่องสำอาง
OMC (Octinoxate, Octyl methoxycinnamate, OM-Cinnamate)
OMC (Octinoxate, Octyl methoxycinnamate, OM-Cinnamate)
เครื่องสำอาง