ความแตกต่างระหว่างสารเพิ่มความข้น Carbomer U20 (เทียบเท่า Carbopol Ultrez 20) และ Pro Polymer
คำถาม
Carbomer U20 (เทียบเท่า Carbopol Ultrez 20) ต่างจาก Pro Polymer อย่างไรบ้างคะ?
อยากทราบความแตกต่างในประเด็นเหล่านี้เป็นพิเศษค่ะ:
- ความง่ายในการกระจายตัว
- วิธีการผสมที่เหมาะสม
- เนื้อสัมผัสที่ได้จากสูตร
- อัตราการใช้ที่แนะนำ
- การจัดการกับความทนทานต่ออิเล็กโทรไลต์
คำตอบ
ความแตกต่างระหว่าง Carbomer U20 (เทียบเท่า Carbopol Ultrez 20) และ Pro Polymer
ทั้ง Carbomer U20 และ Pro Polymer เป็นสารเพิ่มความข้นที่มีประสิทธิภาพ ใช้ในการสร้างเนื้อเจลในสูตรเครื่องสำอาง โดยเฉพาะในระบบที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก ทั้งสองมีชื่อ INCI เดียวกันคือ Acrylates/C10-30 Alkyl Acrylate Crosspolymer และทนทานต่ออิเล็กโทรไลต์ได้ดีทั้งคู่
อย่างไรก็ตาม มีความแตกต่างที่สำคัญบางประการในคุณสมบัติและการใช้งาน:
- ความง่ายในการกระจายตัว: Carbomer U20 ถูกออกแบบมาให้กระจายตัวได้ง่ายและสามารถปั่นผสมได้ค่อนข้างเร็วหลังจากเติมลงในน้ำเพื่อสร้างเนื้อเจล
- วิธีการผสม: Pro Polymer ต้องการการคนช้าๆ ในตอนแรก (3-5 นาที) และควรปล่อยให้เวลาในการดูดซับน้ำนานขึ้น (แนะนำสูงสุด 1 วันเพื่อให้ดูดซับเต็มที่) ก่อนการปั่นผสมขั้นสุดท้าย โดยเฉพาะในสูตรที่ไม่มีกลีเซอรีนหรือโพรพิลีนไกลคอล ควรหลีกเลี่ยงการปั่นผสมที่เร็วเกินไปสำหรับทั้งสองชนิด
- เนื้อสัมผัส: Pro Polymer สามารถสร้างเนื้อสัมผัสที่เป็นเอกลักษณ์คล้ายพุดดิ้งได้เมื่อใช้ในความเข้มข้นสูง (มากกว่า 3%) และอาจให้ความรู้สึกเหนอะหนะเล็กน้อยในตอนแรกบนผิว ซึ่งจะแห้งเป็นฟิล์มบางๆ ในภายหลัง Carbomer U20 ส่วนใหญ่จะสร้างเนื้อเจลมาตรฐาน
- อัตราการใช้: อัตราการใช้ที่แนะนำสำหรับ Carbomer U20 โดยทั่วไปคือ 0.5-3% ในขณะที่ Pro Polymer สามารถใช้ได้ตั้งแต่ 0.5-5% โดยแนะนำ 0.8% สำหรับเนื้อเจลทั่วไป และใช้ปริมาณที่สูงขึ้นเพื่อเพิ่มความหนืด ทนทานต่ออิเล็กโทรไลต์ หรือสร้างเนื้อพุดดิ้ง
- การจัดการกับอิเล็กโทรไลต์: แม้ว่าทั้งสองจะทนทานต่ออิเล็กโทรไลต์ แต่คำอธิบายของ Pro Polymer ให้คำแนะนำที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้นเกี่ยวกับการเพิ่มอัตราการใช้และการเพิ่มส่วนผสมที่มีอิเล็กโทรไลต์หลังจากที่เจลก่อตัวแล้ว หากจำเป็นเพื่อรักษาความหนืด
โดยสรุป แม้จะมีโครงสร้างทางเคมีคล้ายกันและเป็นสารเพิ่มความข้นที่มีประสิทธิภาพและทนทานต่ออิเล็กโทรไลต์เหมือนกัน Carbomer U20 ให้ความง่ายในการกระจายตัวมากกว่า ในขณะที่ Pro Polymer ให้ความสามารถในการสร้างเนื้อสัมผัสที่เป็นเอกลักษณ์และมีคำแนะนำเฉพาะสำหรับการจัดการกับอิเล็กโทรไลต์และการเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซับน้ำ
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง
