ความแตกต่างระหว่าง PhosphoMax™ และ Phospholipid

PhosphoMax™ และ Phospholipid (โดยเฉพาะชนิด Hydrogenated Lecithin, รหัสสินค้า 1169) ต่างก็มาจากกลุ่มฟอสโฟลิพิด แต่มีหน้าที่หลักที่แตกต่างกันในการผสมสูตรเครื่องสำอาง

• Phospholipid (Hydrogenated Lecithin): ฟอสโฟลิพิดชนิดนี้ใช้เป็นหลักในการเป็น สารนำพา (penetration enhancer) ช่วยให้ส่วนผสมอื่นๆ ซึมเข้าสู่ผิวได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังมี ประโยชน์ต่อผิว เช่น ให้ความชุ่มชื้น เสริมเกราะป้องกันผิว และลดการระคายเคือง โดยทั่วไปไม่แนะนำให้ใช้เป็นสารอิมัลซิไฟเออร์หลัก ต้องกระจายตัวในน้ำและน้ำมันที่อุณหภูมิห้อง (ต่ำกว่า 40°C)
• PhosphoMax™ (Natural Phospholipid Emulsifier): นี่คือ ฟอสโฟลิพิดที่ผ่านการปรับปรุงเพื่อให้เป็นสารอิมัลซิไฟเออร์ธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยสร้างอิมัลชันแบบน้ำในน้ำมัน (O/W) ที่คงตัว ทำให้เนื้อสูตรมีความครีมมี่ที่ดี เช่นเดียวกับฟอสโฟลิพิดอื่นๆ ก็ช่วยในการนำพาส่วนผสมออกฤทธิ์และให้ประโยชน์ต่อผิว สามารถทนความร้อนได้ถึง 80°C และมักจะกระจายตัวในส่วนของน้ำมันก่อนนำไปผสมกับส่วนของน้ำ

ตัวไหนดีกว่ากัน?

ไม่มีตัวไหน "ดีกว่า" โดยสมบูรณ์ ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการใช้งาน:

• หากเป้าหมายหลักของคุณคือการ สร้างอิมัลชันที่คงตัว โดยใช้สารอิมัลซิไฟเออร์ธรรมชาติ PhosphoMax™ เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่า
• หากคุณมีสารอิมัลซิไฟเออร์หลักอยู่แล้ว และต้องการ เสริมการซึมผ่าน เพิ่มความชุ่มชื้น ปรับปรุงเกราะป้องกันผิว หรือลดการระคายเคือง Phospholipid (Hydrogenated Lecithin) เป็นตัวเลือกที่เหมาะสม

ทั้งสองชนิดสามารถช่วยปรับปรุงความรู้สึกบนผิวและการนำพาส่วนผสมออกฤทธิ์ได้ แต่ PhosphoMax™ ถูกออกแบบมาเพื่อการทำอิมัลชันโดยเฉพาะ ในขณะที่ Phospholipid (Hydrogenated Lecithin) เน้นประโยชน์ต่อผิวและการนำพาเมื่อใช้เป็นสารเสริมหรือส่วนผสมเพิ่มเติม

ผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น Phosphatidylcholine (ความบริสุทธิ์ต่างๆ) มักใช้เพื่อการห่อหุ้มสาร (encapsulation) และ PhosCare™ เป็นฟอสโฟลิพิดเหลวที่ละลายน้ำได้ ใช้งานง่าย.