ความไม่เข้ากันของ Ethyl Ascorbic Acid และ Niacinamide
คำถาม
เกิดอะไรขึ้นเมื่อผสม Ethyl Ascorbic Acid และ Niacinamide ในสูตรเครื่องสำอาง? ส่วนผสมทั้งสองจะทำปฏิกิริยาและเสื่อมสภาพหรือไม่?
คำตอบ
เหตุผลที่ไม่ควรใช้ Ethyl Ascorbic Acid ร่วมกับ Vitamin B3 (Niacinamide)
โดยทั่วไปแล้ว ไม่แนะนำให้ผสม Ethyl Ascorbic Acid (อนุพันธ์ของวิตามินซี) กับ Vitamin B3 (Niacinamide) ในสูตรเครื่องสำอางเดียวกัน เหตุผลหลักคือส่วนผสมทั้งสองชนิดนี้สามารถทำปฏิกิริยากันได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ค่า pH และอุณหภูมิบางระดับ
ผลที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ร่วมกัน
เมื่อ Ethyl Ascorbic Acid และ Niacinamide ถูกผสมเข้าด้วยกัน ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นอาจนำไปสู่:
- การเสื่อมสภาพของส่วนผสม: ปฏิกิริยาเคมีสามารถทำให้ทั้งอนุพันธ์วิตามินซีและ Niacinamide แตกตัว ซึ่งลดความเสถียรและประสิทธิภาพเมื่อเวลาผ่านไป
- ประสิทธิภาพลดลง: เมื่อส่วนผสมเสื่อมสภาพ ประสิทธิภาพโดยรวมของผลิตภัณฑ์ในการให้ประโยชน์ที่ต้องการ (เช่น ทำให้ผิวกระจ่างใส ลดเลือนริ้วรอย หรือเสริมเกราะป้องกันผิว) จะลดลง
- อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง: ในบางกรณี ปฏิกิริยาอาจก่อให้เกิด Niacin (Nicotinic Acid) ซึ่งเป็นวิตามินบี 3 อีกรูปแบบหนึ่งที่อาจทำให้เกิดอาการหน้าแดง ผิวแดง และระคายเคืองได้ โดยเฉพาะในผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย หรือใช้ในความเข้มข้นสูง
เพื่อให้แน่ใจว่าสูตรของคุณมีความเสถียรและมีประสิทธิภาพ รวมถึงลดความเสี่ยงของการเกิดปฏิกิริยาทางผิวหนัง ควรหลีกเลี่ยงการผสม Ethyl Ascorbic Acid และ Niacinamide ในผลิตภัณฑ์เดียวกัน หากต้องการใช้ส่วนผสมทั้งสอง ควรพิจารณาใช้ในผลิตภัณฑ์แยกกันและทาคนละเวลา (เช่น ตัวหนึ่งตอนเช้า อีกตัวตอนกลางคืน) หรือหาวิธีการผสมที่ช่วยให้ส่วนผสมทั้งสองมีความเสถียร ซึ่งอาจทำได้ยาก
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)
