คำตอบสำหรับคำถามเรื่องการทำสูตร

นี่คือคำตอบสำหรับคำถามของคุณเกี่ยวกับส่วนผสมและสูตรเครื่องสำอาง โดยอ้างอิงจากข้อมูลที่มี:

1. Activated Resorcinol และ Lemon Peel Bioferment

ใช่ค่ะ Activated Resorcinol และ Lemon Peel Bioferment สามารถนำมาผสมรวมกันได้ ตามที่ทีมงานได้แจ้งไว้ สามารถนำมาผสมได้ง่าย โดยเฉพาะในเบสครีม นอกจากนี้ยังสามารถนำไปทำในรูปแบบผลิตภัณฑ์อื่นๆ ได้ เช่น เซรั่ม หรือโลชั่น ไม่จำเป็นต้องเป็น CC cream เท่านั้นค่ะ

วิธีการผสม:
ส่วนผสมทั้งสองชนิดมักจะถูกเติมในขั้นตอนสุดท้ายของการทำสูตร ที่อุณหภูมิต่ำกว่า 40°C (สำหรับ Lemon Peel Bioferment) หรือ 30°C (สำหรับ Activated Resorcinol) โดย Activated Resorcinol ละลายในน้ำมัน ส่วน Lemon Peel Bioferment ละลายในน้ำ คุณจะต้องนำไปละลายในเฟสที่เหมาะสม (เฟสน้ำมันหรือเฟสน้ำ) ของเบสสูตรของคุณ ก่อนนำมาผสมรวมกันในขั้นตอนสุดท้าย สำหรับสูตรครีม คุณสามารถละลาย Activated Resorcinol ในส่วนของเฟสน้ำมัน และละลาย Lemon Peel Bioferment ในส่วนของเฟสน้ำ จากนั้นจึงนำทั้งสองเฟสมาผสมรวมกันและคนให้เข้ากันดีค่ะ

สำหรับคำถามว่าทำไมถึงไม่มีใน Tester ทางทีมงานได้อธิบายแล้วว่า การนำส่วนผสมเข้าใน Tester ต้องผ่านการอนุมัติจากห้องแล็บ ซึ่งใช้เวลาพอสมควร และบางครั้งส่วนผสมบางชนิดอาจมีขั้นตอนการผสมที่ห้องแล็บไม่สะดวกที่จะดำเนินการ จึงไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะถูกนำเข้าใน Tester ค่ะ

เมื่อเทียบกับ Alpha Arbutin นั้น Activated Resorcinol ถือว่ามีประสิทธิภาพในการลดเลือนจุดด่างดำและปรับสีผิวให้สว่างขึ้นอย่างเห็นได้ชัดกว่าค่ะ

2. การทา Zinc และ Vitamin C ร่วมกับ BHA Release Toner

คุณใช้ BHA Release toner ที่ผสม Zinc อยู่แล้ว และทา Vitamin C ตามหลัง ความกังวลของคุณเกี่ยวกับความเป็นกรดของ Vitamin C ที่อาจทำให้ BHA Release และ Zinc เสื่อมสภาพนั้นเป็นสิ่งที่เข้าใจได้ค่ะ

ตามที่ทีมงานได้อธิบายไว้ การทาผลิตภัณฑ์ต่างชนิดกันทีละชั้นบนผิวหนังนั้น ระยะเวลาที่ส่วนผสมสัมผัสกันค่อนข้างสั้น ระยะเวลาที่สั้นนี้โดยทั่วไปไม่เพียงพอที่จะทำให้ส่วนผสมเกิดการเสื่อมสภาพอย่างมีนัยสำคัญ เหมือนกับการผสมส่วนผสมที่ไม่เข้ากันในสูตรเดียวกันและเก็บไว้เป็นเวลานานเพื่อรอจำหน่าย แม้ว่า อาจ มีปฏิกิริยาบางอย่างเกิดขึ้นได้ แต่ผลกระทบมักจะน้อยมากจนไม่จำเป็นต้องกังวลถึงความเสถียรของผลิตภัณฑ์หรือประสิทธิภาพบนผิวในระหว่างการใช้งานค่ะ

สำหรับการทำสูตร (ผสมในผลิตภัณฑ์เดียว) วิตามินซีบางชนิด (เช่น L-Ascorbic Acid) ต้องการ pH ที่ต่ำ ในขณะที่ Zinc PCA ทำงานได้ดีที่สุดในช่วง pH ที่สูงกว่าเล็กน้อย (4-6) และไม่ควรผสมกับ Ethyl Ascorbic Acid อย่างไรก็ตาม เมื่อทาแยกชั้นกัน ผลกระทบจะน้อยกว่ามากค่ะ

3. Activated Resorcinol กับ Resorcinol ในแป้งน้ำศิริราช

Activated Resorcinol ที่มีจำหน่ายบนเว็บไซต์ (4-Butylresorcinol) ไม่ใช่ สารชนิดเดียวกับ Resorcinol ทั่วไปที่อาจใช้ในสูตรยาหรือผลิตภัณฑ์รักษาสิวบางชนิดในอดีต เช่น ที่อาจมีอยู่ในแป้งน้ำศิริราช (อย่างไรก็ตาม ทางเราไม่มีข้อมูลส่วนผสมที่แน่ชัดของแป้งน้ำศิริราชเพื่อยืนยัน) Activated Resorcinol (4-Butylresorcinol) เป็นส่วนผสมที่แตกต่างออกไป ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อช่วยปรับสีผิวให้สว่างขึ้นโดยเฉพาะ และถือว่าปลอดภัยสำหรับใช้ในเครื่องสำอางตามความเข้มข้นที่แนะนำ ส่วน Resorcinol ทั่วไปนั้นใช้ในงานอื่น เช่น สีย้อมผม และ อย. ไม่อนุญาตให้ใช้ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวค่ะ

4. การทา Azelaic Acid และ Zinc

คุณกังวลเกี่ยวกับการทาผลิตภัณฑ์ที่มี Zinc ตามด้วยผลิตภัณฑ์ที่มี Azelaic Acid เนื่องจากอาจไม่เข้ากันเมื่อผสมในสูตรเดียวกัน

เช่นเดียวกับคำถามเรื่อง Vitamin C และ Zinc การทาส่วนผสมเหล่านี้ในผลิตภัณฑ์แยกกันทีละชั้นบนผิวหนังนั้น โดยทั่วไปแล้วปัญหาน้อยกว่าการผสมรวมกันในสูตรเดียว ระยะเวลาการสัมผัสที่สั้นบนผิวไม่น่าจะทำให้เกิดปฏิกิริยาเชิงลบหรือการเสื่อมสภาพของสารสำคัญอย่างมีนัยสำคัญ แม้ว่า Zinc บางชนิด (เช่น Zinc PCA) และ Azelaic Acid (Liquid Azelaic™) จะมีช่วง pH เฉพาะสำหรับความเสถียรและประสิทธิภาพสูงสุดในสูตร แต่การทาเป็นชั้นจากผลิตภัณฑ์ที่ต่างกันมักจะไม่นำไปสู่ปัญหาความเสถียรแบบเดียวกับการเก็บในผลิตภัณฑ์ผสมเดียวเป็นเวลานานค่ะ

5. Tester Beta Glucan - การเขย่า

ฉลากบน Tester Beta Glucan ของคุณที่ระบุให้เขย่าก่อนใช้นั้น เนื่องจากอนุภาคของ Beta Glucan อาจมีน้ำหนักและอาจมีการตกตะกอนเมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะในสูตรที่มีความหนืดน้อย เช่น โทนเนอร์ หรือเซรั่มเนื้อบางเบา การเขย่าช่วยกระจายอนุภาคเหล่านี้ให้กลับมาสม่ำเสมอทั่วทั้งผลิตภัณฑ์ ทำให้มั่นใจได้ว่าคุณจะได้รับความเข้มข้นของ Beta Glucan ตามที่ต้องการในแต่ละครั้งที่ใช้ หากลืมเขย่า คุณอาจไม่ได้รับปริมาณ Beta Glucan เต็มที่ในการใช้นั้น แต่ไม่ได้ทำให้คุณภาพหรือประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์เสียไปค่ะ เพียงแค่เขย่าก่อนใช้ครั้งต่อไปเพื่อให้ส่วนผสมกระจายตัวอย่างสม่ำเสมอค่ะ

6. น้ำหอมสำหรับฉีดตัว (กลิ่นมิ้นท์สดชื่น + หวานอ่อนๆ)

สำหรับน้ำหอมฉีดตัวที่ให้กลิ่นมิ้นท์สดชื่นและมีความหวานอ่อนๆ คุณสามารถพิจารณาผสมน้ำหอมสำเร็จรูปได้ค่ะ จากตัวเลือกที่มี คุณอาจสนใจ:

• Honey Mint สำหรับกลิ่นมิ้นท์ที่สดชื่นและมีความหวานเล็กน้อย
• Mint / Rose / Lemon สำหรับกลิ่นมิ้นท์ที่สดชื่น มีกลิ่นกุหลาบและเลม่อนเล็กน้อย
• คุณอาจลองผสมกลิ่นมิ้นท์ เช่น Honey Mint หรือ Mint / Rose / Lemon กับกลิ่นหวานๆ เช่น Sweet Vanilla เพื่อให้ได้กลิ่นที่คุณต้องการค่ะ

ในการทำน้ำหอมฉีดตัว คุณจะต้องนำน้ำหอมสำเร็จรูปที่เลือกมาผสมกับเบสที่เหมาะสม เช่น 8 Hours Fragrance Spray Base (Musk-Free) เบสตัวนี้ออกแบบมาสำหรับน้ำหอมแบบสเปรย์ (เบสแอลกอฮอล์) และช่วยให้น้ำหอมติดทนนานขึ้น คุณสามารถผสมน้ำหอมสำเร็จรูปเข้ากับเบสตามอัตราส่วนที่แนะนำสำหรับทั้งน้ำหอมและเบส (เบสสเปรย์ใช้ในอัตรา 60-90%) ควรทดลองผสมในปริมาณน้อยๆ ก่อนเสมอ เพื่อปรับความเข้มข้นของกลิ่นและการผสมให้ได้ตามที่ต้องการค่ะ