คำถามเกี่ยวกับสูตรเจล: การผสม ความคงตัว และความเหนอะหนะ

ถามโดย: wipa5221010031 เมื่อ: August 28, 2021 ประเภทผลิตภัณฑ์: เครื่องสำอาง

คำถาม

ดิฉันมีสูตรเจลที่มีส่วนผสมดังนี้ค่ะ:

Past A
DI Water 62.8%
Disodium EDTA 0.2%
Safe-B3 5%
GlucoBright 4%
Wrinkle-Lax 0.5%
Panthenol (Pro Vitamin B5 )2%
Rose (Rosa Damascena) Extract 5%
Quick-Coll 2%
ActiveProtec OX 1%
Pep-Coll 3%
Pro Polymer 1.5%

Past B
Activated Resorcinol 1%
MSH White 1%
Ultra Solve HPS 5%

Past C
DMAE 5%
Mild Preserved Eco 1%

(ต้องการเนื้อสูตรเป็นเจลใสเกลี่ยง่ายโดยหลีกเสี่ยงส่วนผสมที่เป็นน้ำมันเนื่องจากเป็นคนที่มีผิวมันอยู่แล้วค่ะ)

คำถามของดิฉันคือ:

  1. สูตรสามารถผสมได้ไหม (ใช้มือผสม)
  2. สูตรสามารถคงตัวได้ดีไหม
  3. สูตรที่ได้มีจะมีความเหนอะหนะหรือเปล่า
  4. ทีมงานมีข้อแนะนำปรับเพิ่มหรือลดส่วนไหนในสูตรหรือไม่

คำตอบ

การวิเคราะห์สูตรและคำแนะนำ

สูตรนี้ถูกออกแบบมาให้เป็นเจลเนื้อน้ำ ซึ่งตรงกับความต้องการของคุณที่ต้องการหลีกเลี่ยงน้ำมันสำหรับผิวหน้ามัน สูตรประกอบด้วยส่วนผสมออกฤทธิ์หลายชนิดที่ช่วยดูแลปัญหาต่างๆ เช่น ริ้วรอย ความกระจ่างใส และความชุ่มชื้น พร้อมด้วยสารขึ้นเนื้อเจล สารคีเลต สารช่วยละลาย สารต้านอนุมูลอิสระ และสารกันเสีย

นี่คือคำตอบสำหรับคำถามของคุณ:

1. สูตรสามารถผสมด้วยมือได้หรือไม่?

การผสมด้วยมือ สามารถทำได้แต่ไม่เหมาะสม สำหรับสูตรนี้ ความท้าทายหลักคือการละลาย Pro Polymer ให้เข้ากันดีจนเป็นเนื้อเจลที่เรียบเนียน และการละลายส่วนผสมที่ละลายในน้ำมัน (Activated Resorcinol, MSH White) โดยใช้ Ultra Solve HPS ให้มีประสิทธิภาพ

  • Pro Polymer: สารขึ้นเนื้อเจลนี้ต้องการการกระจายตัวและการดูดซับน้ำอย่างทั่วถึงเพื่อให้ได้เนื้อเจลที่สม่ำเสมอ การคนด้วยมือจะใช้เวลานานและต้องออกแรงมากเมื่อเทียบกับการใช้เครื่องผสม คำอธิบายผลิตภัณฑ์แนะนำให้ทิ้งไว้ให้ดูดซับน้ำเต็มที่เป็นเวลาหนึ่งวันหลังจากการกระจายตัวครั้งแรก หากไม่ได้ใช้เครื่องผสมความเร็วสูง
  • Activated Resorcinol และ MSH White: สารเหล่านี้เป็นผงที่ต้องละลายใน Ultra Solve HPS โดยอาจใช้ความร้อนอ่อนๆ (ประมาณ 80°C ตามคำอธิบายของ MSH White) ก่อนนำไปผสมกับส่วนของน้ำ การทำให้ละลายหมดและเข้ากันดีด้วยมืออาจเป็นเรื่องยาก

เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในด้านเนื้อสัมผัสและความคงตัว แนะนำอย่างยิ่ง ให้ใช้เครื่องผสมแบบกลไกความเร็วต่ำ (เช่น เครื่องปั่นมือถือ หรือเครื่องกวนแบบตั้งโต๊ะ) โดยเฉพาะในขั้นตอนการขึ้นเนื้อเจลและการละลายสารที่ละลายในน้ำมัน

2. สูตรสามารถคงตัวได้ดีหรือไม่?

ความคงตัวของสูตรนี้ขึ้นอยู่กับกระบวนการผสมและเทคนิคการทำสูตรที่เหมาะสมเป็นอย่างมาก

  • ความเข้ากันได้ของส่วนผสม: ส่วนผสมส่วนใหญ่ละลายในน้ำและเข้ากันได้ดี อย่างไรก็ตาม ความสามารถในการขึ้นเนื้อเจลของ Pro Polymer อาจได้รับผลกระทบจากอิเล็กโทรไลต์ ซึ่งสูตรนี้มีอิเล็กโทรไลต์หลายชนิด (Disodium EDTA, ActiveProtec OX, ส่วนประกอบใน Quick-Coll) แม้ว่า Pro Polymer จะทนทานต่ออิเล็กโทรไลต์ได้ดี แต่ผลกระทบโดยรวมที่ความเข้มข้นเหล่านี้จำเป็นต้องได้รับการทดสอบ
  • การละลาย: การทำให้ Activated Resorcinol และ MSH White ละลายหมดและเข้ากันดีกับ Ultra Solve HPS ก่อนนำไปผสมกับส่วนของน้ำเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง การละลายที่ไม่สมบูรณ์อาจทำให้เกิดการตกตะกอนหรือการแยกชั้นเมื่อเวลาผ่านไป
  • ความไวต่อแสง: Activated Resorcinol ไวต่อแสงและอาจทำให้สูตรเปลี่ยนสีได้ มีการใส่ ActiveProtec OX เพื่อช่วยป้องกันปัญหานี้ แต่ แนะนำอย่างยิ่ง ให้บรรจุผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปในภาชนะทึบแสงเพื่อรักษาความคงตัวของสีในระยะยาว
  • การกันเสีย: Mild Preserved Eco ทำหน้าที่เป็นสารกันเสีย ซึ่งจำเป็นต่อความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์และอายุการเก็บรักษา

โดยรวมแล้ว แม้ว่าส่วนผสมจะมีความคงตัวที่ดี แต่ความคงตัวของสูตรสำเร็จรูป (ความหนืด ลักษณะปรากฏ ประสิทธิภาพ) จำเป็นต้องได้รับการยืนยันผ่านการทดสอบความคงตัวที่เหมาะสม (เช่น การสังเกตการเปลี่ยนแปลงเมื่อเวลาผ่านไปที่อุณหภูมิต่างๆ)

3. สูตรที่ได้มีจะมีความเหนอะหนะหรือเปล่า?

ใช่ สูตรที่ได้ มีแนวโน้มที่จะมีความเหนอะหนะอยู่บ้าง โดยเฉพาะสำหรับผิวหน้ามัน

  • Pro Polymer: ที่ความเข้มข้น 1.5% Pro Polymer อาจทำให้รู้สึกเหนียวหรือเหมือนมีฟิล์มเคลือบ โดยเฉพาะในช่วง 30 วินาทีแรกหลังทา ตามที่ระบุในคำอธิบาย
  • Panthenol: แม้ว่า Panthenol 2% จะอยู่ในช่วงการใช้งานปกติ แต่ความเข้มข้นที่สูงขึ้น (มากกว่า 5%) อาจทำให้รู้สึกรู้สึกเหนียวได้ 2% อาจเพิ่มความรู้สึกโดยรวมเล็กน้อย
  • DMAE: ที่ความเข้มข้น 5% DMAE อยู่ที่ขีดจำกัดสูงสุดของอัตราการใช้งานที่แนะนำ ก่อนที่มันจะทำให้รู้สึก "เหนอะหนะมาก" ตามคำอธิบาย นี่คือส่วนผสมที่มีแนวโน้มมากที่สุดที่จะทำให้เกิดความเหนอะหนะที่คุณต้องการหลีกเลี่ยง โดยเฉพาะบนผิวหน้ามัน

การใช้ Pro Polymer ร่วมกับ DMAE 5% ทำให้มีโอกาสสูงที่สูตรจะรู้สึกเหนอะหนะ

4. ทีมงานมีข้อแนะนำปรับเพิ่มหรือลดส่วนไหนในสูตรหรือไม่?

จากเป้าหมายของคุณที่ต้องการเจลใส เกลี่ยง่าย ไม่เหนอะหนะ สำหรับผิวหน้ามัน นี่คือคำแนะนำบางประการสำหรับการปรับสูตร:

  • ลดความเข้มข้นของ DMAE: ความเข้มข้น 5% ของ DMAE เป็นสาเหตุหลักที่น่าจะทำให้เกิดความเหนอะหนะ พิจารณาลด DMAE ลงเหลือ 3% (อัตราการใช้งานที่แนะนำ) หรือต่ำกว่านั้น (เช่น 1-2%) เพื่อลดความเหนอะหนะลงอย่างมาก คุณยังคงได้รับประโยชน์ในการยกกระชับผิวที่ความเข้มข้นต่ำลงได้ แม้ว่าผลลัพธ์อาจไม่ชัดเจนเท่าหรือใช้เวลานานขึ้น
  • ปรับความเข้มข้นของ Pro Polymer ให้เหมาะสม: แม้ว่า 1.5% อาจจำเป็นเพื่อให้ได้ความหนืดของเจลที่ต้องการและจัดการกับอิเล็กโทรไลต์ได้ หากการลด DMAE ช่วยให้เนื้อสัมผัสโดยรวมดีขึ้น คุณอาจพิจารณาลด Pro Polymer ลงเล็กน้อย (เช่น 1.0-1.2%) หากเนื้อเจลข้นหรือเหนียวเกินไป อย่างไรก็ตาม ต้องแน่ใจว่าความเข้มข้นที่ลดลงยังคงให้ความหนืดและความคงตัวที่เพียงพอ
  • ตรวจสอบให้แน่ใจว่าผสมอย่างถูกต้อง: ใช้เครื่องผสมแบบกลไก (เครื่องปั่นมือถือ หรือเครื่องกวนแบบตั้งโต๊ะ) เพื่อให้แน่ใจว่า Pro Polymer ดูดซับน้ำเต็มที่ และส่วนผสมที่ละลายในน้ำมัน (Activated Resorcinol, MSH White) ละลายหมดใน Ultra Solve HPS ก่อนนำไปผสมกับส่วนของน้ำ ปฏิบัติตามคำแนะนำการผสมสำหรับ Pro Polymer (ค่อยๆ โปรยลงในน้ำที่กำลังกวน หลีกเลี่ยงการใช้ความเร็วสูง) และสำหรับการละลาย Activated Resorcinol/MSH White ใน Ultra Solve HPS (อาจใช้ความร้อนอ่อนๆ)
  • ตรวจสอบและปรับค่า pH: หลังจากผสมส่วนผสมทั้งหมดแล้ว ให้ตรวจสอบค่า pH ของสูตรสำเร็จรูป ส่วนผสมออกฤทธิ์หลายชนิด (Safe-B3, GlucoBright, Activated Resorcinol, Rose Extract) และสารกันเสีย (Mild Preserved Eco) ทำงานได้ดีที่สุดหรือมีความคงตัวมากกว่าในช่วง pH ที่กำหนด (โดยทั่วไปคือกรดอ่อนๆ ถึงกลางๆ ประมาณ pH 4.5-7.0) โดยเฉพาะ Activated Resorcinol ชอบ pH 4.5-5.5 ปรับค่า pH หากจำเป็นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความคงตัว
  • พิจารณา Rose Extract: คำอธิบายสำหรับ Rose (Rosa Damascena) Extract ระบุว่าส่วนใหญ่ใช้เพื่อกลิ่น/การตลาด และยังไม่มีการวิจัยที่พิสูจน์ประสิทธิภาพต่อผิว หากคุณเน้นที่ประสิทธิภาพเพียงอย่างเดียว คุณอาจพิจารณาตัดส่วนผสมนี้ออก หรือแทนที่ด้วยสารสกัดธรรมชาติที่มีการวิจัยรองรับ หรือคงไว้เพื่อวัตถุประสงค์ด้านความหอมหากต้องการ แต่ควรเข้าใจว่าบทบาทของมันอาจไม่ได้ออกฤทธิ์ต่อผิวโดยตรง

การลดความเข้มข้นของ DMAE และการใช้เทคนิคการผสมที่เหมาะสม จะช่วยให้คุณได้เนื้อเจลที่เหนอะหนะน้อยลง ซึ่งเหมาะสมกับผิวหน้ามันมากขึ้น ในขณะที่ยังคงได้รับประโยชน์จากส่วนผสมออกฤทธิ์อื่นๆ

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Pep®-Coll (Palmitoyl tripeptide-5)
Pep®-Coll (Palmitoyl tripeptide-5)
เครื่องสำอาง
Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)
Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)
เครื่องสำอาง
Panthenol (Vitamin B5, DL-Panthenol, Powder)
Panthenol (Vitamin B5, DL-Panthenol, Powder)
เครื่องสำอาง
GlucoBright™ (Acetyl Glucosamine)
GlucoBright™ (Acetyl Glucosamine)
เครื่องสำอาง
Disodium EDTA
Disodium EDTA
เครื่องสำอาง
Pro Polymer™ (Gel Maker)
Pro Polymer™ (Gel Maker)
เครื่องสำอาง
Activated Resorcinol™ (4-Butyl Resorcinol)
Activated Resorcinol™ (4-Butyl Resorcinol)
เครื่องสำอาง
DMAE (SkinTight MD™) Liquid
DMAE (SkinTight MD™) Liquid
เครื่องสำอาง
MSH White™ (Undecylenoyl phenylalanine)
MSH White™ (Undecylenoyl phenylalanine)
เครื่องสำอาง
Mild Preserved Eco™ (Preservative-Free)
Mild Preserved Eco™ (Preservative-Free)
เครื่องสำอาง
Wrinkle-Lax™ คลายริ้วรอย
Wrinkle-Lax™ คลายริ้วรอย
เครื่องสำอาง
Quick-Coll®
Quick-Coll®
เครื่องสำอาง
D-Panthenol Care (Pro-Vitamin B5, 100% Liquid)
D-Panthenol Care (Pro-Vitamin B5, 100% Liquid)
เครื่องสำอาง
Ultra Solve™
Ultra Solve™
เครื่องสำอาง
ActiveProtec™ OX
ActiveProtec™ OX
เครื่องสำอาง