คำถามเกี่ยวกับสูตรเซรั่ม: เนื้อสัมผัส, pH, การกันเสีย และการผสม
คำถาม
มีสูตรเซรั่มดังนี้ค่ะ:
- Hyaluronic Acid (10 kDa) 0.5%
- Arginine 1%
- Glycine 1.5%
- L-Proline 1.5%
- Leucine 1%
- L-Lysine 1%
- Epidermal Growth Factor 4%
- Ethyl Ascorbic acid (Vitamin C Ethyl Ether) 5%
- Vitamin B3 6%
- Vitamin B5 3%
- Dimethylaminoethanol (DMAE) 4%
- Adenosine Liposome 3%
- Allantoin 0.5%
- Laurocapram (Water Soluble) 2%
- Trehalose 1%
- Glycerin 3%
- Pro Polymer™ 0.4%
- Wrinkle-Lax™ 0.5%
- Ume Extract 2%
- Japanese Cedar 2%
- Superoxide Dismutase Liposome (SOD) 5%
- Disodium EDTA 0.2%
- ActiveProtec™ UV 1%
- ActiveProtec™ OX 1%
- L-Glutathione 2%
- Phenoxyethanol SA 0.5%
- Rose Water (Rosa Damascena) 47.4%
- รวม 100%
ขอสอบถามดังนี้ค่ะ:
- สูตรนี้สามารถผสมเป็นเจลเซรั่มที่สามารถใช้กับขวดปั๊มสุญญากาศได้ไหมคะ
- pH ของสูตรนี้คาดว่าจะต่ำกว่า 6 ไหมคะ
- สูตรนี้ใช้ Rose Water เป็นเบสเซรั่ม สามารถทำได้ไหมคะ
- สูตรนี้ผสมได้โดยไม่ใช้ความร้อนหรือความร้อนต่ำได้ไหมคะ
- ใน Rose Water มีสารกันเสีย Phenoxyethanol อยู่แล้ว จำเป็นต้องเติมเพิ่มไหมคะ (ในนี้เติมเพิ่มเป็น Phenoxyethanol SA 0.5% ค่ะ สามารถเปลี่ยนเป็น Mild Preserved Eco™ ได้ไหมคะ)
หากมีคำแนะนำใดเพิ่มเติมรบกวนแจ้งได้เลยนะคะ จะสั่งผลิตด้วย ขอขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
คำตอบ
การประเมินสูตรและคำแนะนำ
นี่คือการประเมินสูตรเซรั่มที่คุณเสนอและคำตอบสำหรับคำถามของคุณ:
สูตรนี้สามารถผสมเป็นเจลเซรั่มที่สามารถใช้กับขวดปั๊มสุญญากาศได้ไหมคะ
ได้ค่ะ สูตรนี้สามารถผสมเป็นเจลเซรั่มที่เหมาะสำหรับใช้กับขวดปั๊มสุญญากาศได้ การใส่ Pro Polymer™ ที่ 0.4% จะช่วยสร้างเนื้อเจล ความเข้มข้นนี้อยู่ในช่วงต่ำของปริมาณที่แนะนำสำหรับ Pro Polymer™ ซึ่งน่าจะทำให้ได้เนื้อเจลที่บางเบา เหมาะสำหรับการกดออกจากขวดปั๊มสุญญากาศค่ะpH ของสูตรนี้คาดว่าจะต่ำกว่า 6 ไหมคะ
จากส่วนประกอบในสูตร คาดว่าค่า pH ของสูตรนี้จะ สูงกว่า 6 และอาจจะสูงกว่ามาก เนื่องจากมีส่วนประกอบที่เป็นด่าง เช่น L-Arginine (1%) และ L-Lysine (1%) ในปริมาณสูง ในขณะที่สารออกฤทธิ์หลายชนิดในสูตร เช่น Epidermal Growth Factor, Ethyl Ascorbic Acid, Adenosine Liposome, Glutathione, Japanese Cedar และ Ume Extract ต้องการค่า pH อยู่ระหว่างประมาณ 3.0 ถึง 6.5 เพื่อความเสถียรและประสิทธิภาพสูงสุด ค่า pH ที่สูงซึ่งเกิดจากส่วนประกอบที่เป็นด่างจะส่งผลเสียต่อประสิทธิภาพและความเสถียรของสารออกฤทธิ์ที่ไวต่อค่า pH เหล่านี้ ดังนั้น จำเป็นต้องมีการปรับค่า pH โดยใช้ส่วนประกอบที่เป็นกรด เพื่อนำค่า pH ของสูตรให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสม (ควรอยู่ระหว่าง 3.5 ถึง 6.0) หลังจากผสมส่วนประกอบทั้งหมดแล้วสูตรนี้ใช้ Rose Water เป็นเบสเซรั่ม สามารถทำได้ไหมคะ
ได้ค่ะ สามารถใช้ Rose Water เป็นเบสสำหรับสูตรเซรั่มนี้ได้ Rose Water เป็นส่วนประกอบหลัก (47.4%) ของส่วนที่เป็นน้ำ และนิยมใช้ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง เช่น โทนเนอร์และมอยส์เจอร์ไรเซอร์ค่ะสูตรนี้ผสมได้โดยไม่ใช้ความร้อนหรือความร้อนต่ำได้ไหมคะ
ได้ค่ะ สูตรนี้ ต้อง ผสมโดยใช้กระบวนการเย็น หรือใช้ความร้อนต่ำมาก (ต่ำกว่า 40°C) เนื่องจากสารออกฤทธิ์หลายชนิด รวมถึง Epidermal Growth Factor, DMAE, Adenosine Liposome, Glutathione, Japanese Cedar, Superoxide Dismutase Liposome, Ume Extract, Wrinkle-Lax, Laurocapram, Phenoxyethanol SA และ Wrinkle-Lax มีความไวต่อความร้อนและอาจเสื่อมสภาพได้หากสัมผัสกับอุณหภูมิสูง ควรเติมสารที่ไวต่อความร้อนในขั้นตอนสุดท้ายหลังจากทำเบสหลักเสร็จและเย็นลงแล้วค่ะใน Rose Water มีสารกันเสีย Phenoxyethanol อยู่แล้ว จำเป็นต้องเติมเพิ่มไหมคะ (ในนี้เติมเพิ่มเป็น Phenoxyethanol SA 0.5% ค่ะ สามารถเปลี่ยนเป็น Mild Preserved Eco™ ได้ไหมคะ)
Rose Water มีสารกันเสีย Phenoxyethanol อยู่ 0.5% ในสูตรของคุณมีการเติม Phenoxyethanol SA อีก 0.5% ซึ่งเป็นสารกันเสียแบบ Broad-spectrum ที่ประกอบด้วย Phenoxyethanol, Caprylyl Glycol และ Sorbic Acid เนื่องจาก Rose Water มีปริมาณน้อยกว่า 60% ของสูตรทั้งหมด จึงจำเป็นต้องมีการเติมสารกันเสียเพิ่มเติมสำหรับส่วนประกอบอื่นๆ การใช้สารกันเสียใน Rose Water ร่วมกับ Phenoxyethanol SA ที่เติมเข้าไป ควรให้การป้องกันการเจริญเติบโตของจุลชีพที่เพียงพอสำหรับสูตรนี้ แต่แนะนำให้ทำการทดสอบ Challenge Test เสมอเพื่อยืนยันประสิทธิภาพค่ะการเปลี่ยน Phenoxyethanol SA เป็น Mild Preserved Eco™ ที่ 0.5% ไม่แนะนำ ให้ใช้แทนโดยตรงในด้านประสิทธิภาพการเป็นสารกันเสีย Mild Preserved Eco™ เป็นหลักคือสารเสริมประสิทธิภาพและสารต้านจุลชีพแบบอ่อนโยน ไม่ใช่สารกันเสีย Broad-spectrum ที่ใช้แทน Phenoxyethanol SA ในความเข้มข้นนี้ การใช้ Mild Preserved Eco™ เพียง 0.5% แทน Phenoxyethanol SA อาจทำให้การป้องกันการเจริญเติบโตของจุลชีพไม่เพียงพอสำหรับสูตรที่มีความซับซ้อนและมีส่วนประกอบหลากหลายเช่นนี้ หากคุณต้องการใช้ Mild Preserved Eco™ อาจต้องใช้ในความเข้มข้นที่สูงขึ้น (1-2%) และอาจต้องใช้ร่วมกับ Phenoxyethanol ที่มาจาก Rose Water ซึ่งต้องมีการทดสอบอย่างละเอียด การใช้ Phenoxyethanol SA ร่วมกับสารกันเสียใน Rose Water น่าจะให้การป้องกันที่แข็งแรงกว่าค่ะ
คำแนะนำเพิ่มเติม:
- การปรับค่า pH: ดังที่กล่าวไป การปรับค่า pH เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง หลังจากผสมส่วนประกอบทั้งหมดแล้ว ให้วัดค่า pH และค่อยๆ เติมสารละลายที่เป็นกรด (เช่น สารละลาย Citric Acid หรือ Lactic Acid) ทีละน้อยพร้อมกับคนหรือปั่น จนกว่าจะได้ค่า pH ที่ต้องการ (3.5-6.0) ควรตรวจสอบค่า pH อย่างระมัดระวังในระหว่างการปรับ
- ขั้นตอนการผสม: ขั้นตอนการผสมที่แนะนำคือ ผสมส่วนประกอบที่เป็นน้ำก่อน (Rose Water, Disodium EDTA, Glycerin, Trehalose, กรดอะมิโนที่ละลายน้ำได้ เช่น Glycine, Proline, Leucine, Lysine และ Arginine) จากนั้นให้ไฮเดรต Pro Polymer™ ตามคำแนะนำ เมื่อได้เบสเจลแล้วและเย็นลง (หากมีการอุ่นในตอนแรก) ให้เติมสารออกฤทธิ์ที่ไวต่อความร้อน (Epidermal Growth Factor, DMAE, Adenosine Liposome, Glutathione, Japanese Cedar, Superoxide Dismutase Liposome, Ume Extract, Wrinkle-Lax, Laurocapram, Ethyl Ascorbic Acid, Vitamin B3, Vitamin B5, ActiveProtec™ UV, ActiveProtec™ OX) ทีละชนิด โดยให้แน่ใจว่าแต่ละชนิดกระจายตัวหรือละลายหมดก่อนเติมชนิดต่อไป หลังจากเติมสารออกฤทธิ์ทั้งหมดแล้ว ให้ปรับค่า pH สุดท้ายจึงเติม Phenoxyethanol SA และผสมให้เข้ากันดี
- ความสามารถในการละลาย: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าส่วนประกอบที่เป็นผงทั้งหมดละลายในส่วนที่เป็นน้ำจนหมดก่อนเติมสารก่อเจลหรือส่วนประกอบอื่นๆ กรดอะมิโนบางชนิดมีความสามารถในการละลายจำกัด
- Challenge Test: ควรทำการทดสอบ Microbial Challenge Test กับสูตรสำเร็จรูปเสมอ เพื่อให้แน่ใจว่าระบบสารกันเสียมีประสิทธิภาพค่ะ