คำแนะนำการพัฒนาสูตรสกินแคร์: การปรับเบสเจลและครีม, เซรั่มวิตามินซี, และลำดับการใช้งาน
คำถาม
ต้องการคำแนะนำในการพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์สกินแคร์สำหรับผิวหน้าแบบผิวผสม เป็นสิวง่าย โดยเน้นเรื่องความขาวใส เพิ่มความชุ่มชื้น ป้องกันริ้วรอย และไม่อุดตัน มีคำถามหลายข้อดังนี้ค่ะ:
- ควรเพิ่มส่วนผสมตัวไหนลงไปในเบส Pure Aloe Vera Gel เพื่อให้ได้คุณสมบัติความขาวใส ความชุ่มชื้น ป้องกันริ้วรอย และไม่อุดตัน? และเจลที่ได้จะมีเนื้อสัมผัสอย่างไร จะมีความเหนอะหนะหรือไม่?
- ในอนาคตหากอยากเปลี่ยนเบสเป็นเนื้อครีม แต่ต้องการแบบซึมเร็ว ซึมง่าย ไม่เหนอะ ควรใช้ Satin Cream Maker ถูกต้องหรือไม่? และส่วนผสมนี้มีโอกาสทำให้อุดตันมากน้อยแค่ไหนคะ?
- สนใจซื้อเซรั่มวิตามินซีมาลองใช้ แต่ไม่ทราบว่าตัวไหนจะเหมาะกับสภาพผิว (ผิวผสม เป็นสิวง่าย มี T-zone มัน และแก้มแห้ง) มากกว่ากัน ระหว่าง Stabilized Vitamin C Serum และ Vitamin C E Ferulic ช่วยแนะนำด้วยค่ะ
- เซรั่มวิตามินซีทั้งสองตัว (Stabilized Vitamin C Serum และ Vitamin C E Ferulic) ได้มาแล้วใช้ทาได้เลยหรือไม่? มีความจำเป็นต้องปรับ pH ก่อนใช้ไหม โดยเฉพาะถ้าจะผลิตเพื่อจำหน่าย? หากจำเป็นต้องปรับ ใช้ TEA ใช่หรือไม่? และสามารถใช้ stirrer กับ magnetic bar ในการผสมได้หรือไม่?
- เนื่องจากเห็นว่า pH ของเซรั่มวิตามินซีทั้งสองตัวมีความเป็นกรดมาก จึงสงสัยว่าจะทำให้ระคายเคืองผิวหรือไม่? หากใช้บ่อยๆ ต่อเนื่องเป็นประจำได้ไหม? สามารถใช้เวลากลางวันได้หรือไม่? และมีโอกาสทำให้ผิวหน้าบางลงไหมคะ?
- ปกติใช้ครีมทาสิว CM cream (Clindamycin) ของคลินิกผิวหนังอยู่ อยากให้ช่วยลำดับการทาครีมระหว่างครีมเจลว่านหางจระเข้ที่ผสมเอง (จากข้อ 1), เซรั่มวิตามินซี (จากข้อ 3), และ CM cream ค่ะ
คำตอบ
คำแนะนำการผสมสกินแคร์สำหรับผิวผสม เป็นสิวง่าย
นี่คือข้อมูลเกี่ยวกับคำถามของคุณเกี่ยวกับการผสมสกินแคร์โดยใช้เบสเจลว่านหางจระเข้ เซรั่มวิตามินซี Satin Cream Maker และวิธีการใช้ร่วมกับครีม CM ของคุณ
1. การเพิ่มส่วนผสมลงใน Pure Aloe Vera Gel
ในการสร้างครีมที่เหมาะสำหรับผิวผสมที่เป็นสิวง่ายของคุณ โดยเน้นเรื่องความขาวใส เพิ่มความชุ่มชื้น ป้องกันริ้วรอย และไม่อุดตัน โดยใช้เบส Pure Aloe Vera Gel คุณสามารถเพิ่มส่วนผสมออกฤทธิ์ต่างๆ ลงไปได้
สำหรับเรื่อง ความขาวใส และ ป้องกันริ้วรอย พิจารณาส่วนผสมเช่น Niacinamide (วิตามินบี 3) ซึ่งมีประโยชน์หลายอย่าง รวมถึงช่วยปรับสีผิว ลดรอยแดง เสริมเกราะป้องกันผิว และมีคุณสมบัติป้องกันริ้วรอย และมักจะเข้าได้ดีกับผิวที่เป็นสิวง่าย Alpha Arbutin เป็นอีกหนึ่งส่วนผสมที่มีประสิทธิภาพในการปรับผิวให้กระจ่างใส
สำหรับเรื่อง ความชุ่มชื้น การเพิ่ม Hyaluronic Acid เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ช่วยให้ความชุ่มชื้นโดยไม่รู้สึกหนักผิวหรืออุดตันรูขุมขน เหมาะสำหรับทั้งบริเวณที่แห้งและบริเวณ T-zone ที่มัน
เนื้อสัมผัสของเจลที่ได้จะขึ้นอยู่กับส่วนผสมที่เลือกและความเข้มข้น โดยทั่วไปแล้ว การเพิ่มส่วนผสมที่ละลายน้ำได้ลงในเบสเจลจะยังคงให้เนื้อสัมผัสแบบเจลที่บางเบาและไม่เหนอะหนะ เบส Pure Aloe Vera Gel เองก็ถูกออกแบบมาให้เป็นเจลอยู่แล้ว
2. Satin Cream Maker เป็นเบสครีม
ใช่ค่ะ Satin Cream Maker เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมหากคุณต้องการเปลี่ยนไปใช้เบสครีมที่ซึมเร็วและไม่เหนอะหนะ
สำหรับเรื่องการอุดตัน ส่วนผสมที่ละลายน้ำได้มักจะไม่ก่อให้เกิดการอุดตันรูขุมขน Satin Cream Maker สามารถกระจายตัวในน้ำได้ ซึ่งหมายความว่าไม่น่าจะทำให้เกิดการอุดตันรูขุมขน
3. การเลือกเซรั่มวิตามินซี
จากสภาพผิวของคุณ ซึ่งเป็นผิวผสมและเป็นสิวง่าย มี T-zone มันและแก้มแห้ง Stabilized Vitamin C Serum โดยทั่วไปแนะนำสำหรับผิวธรรมดาถึงผิวมัน ในขณะที่เซรั่ม Vitamin C E Ferulic มักจะแนะนำสำหรับผิวแห้ง
4. การใช้เซรั่มวิตามินซีและการปรับค่า pH
Stabilized Vitamin C Serum ถูกออกแบบมาให้ใช้เป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป แม้ว่าคุณจะสามารถทดลองใช้ได้โดยตรง แต่สำหรับการผลิตเพื่อจำหน่าย จำเป็นต้องปรับค่า pH ตามข้อกำหนด (โดยทั่วไปผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางต้องมีค่า pH อย่างน้อย 3.5) การผสมส่วนผสมเพิ่มเติมลงใน Stabilized Vitamin C Serum โดยทั่วไปไม่แนะนำ เนื่องจากอาจส่งผลต่อความเสถียรของวิตามินซี ยกเว้นน้ำหอมและสีในปริมาณที่กำหนด
หากจำเป็นต้องปรับค่า pH สามารถใช้ Triethanolamine (TEA) ในการปรับค่า pH ได้
สำหรับการผสมส่วนผสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อละลายผงเช่น L-Ascorbic Acid (ซึ่งพบใน Vitamin C E Ferulic) สามารถใช้เครื่องกวนและแท่งแม่เหล็กได้ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณปฏิบัติตามคำแนะนำการผสมเฉพาะสำหรับแต่ละส่วนผสมเพื่อรักษาความเสถียรของสูตร
5. การระคายเคือง ความถี่ และการใช้เซรั่มวิตามินซีในเวลากลางวัน
วิตามินซี โดยเฉพาะในรูปแบบ L-Ascorbic Acid ซึ่งมีอยู่ในเซรั่มทั้งสองชนิด มีความเป็นกรดและอาจทำให้เกิดการระคายเคืองผิวได้เนื่องจากค่า pH ต่ำ ขอแนะนำให้ทำการทดสอบการแพ้ก่อนใช้เป็นประจำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณมีผิวแพ้ง่ายหรือเป็นสิวง่าย
วิตามินซีไม่ได้ทำให้ผิวบางลงเหมือนกรดผลัดเซลล์ผิวอย่าง AHA
คุณสามารถใช้เซรั่มวิตามินซีเป็นประจำได้หากผิวของคุณทนได้ดี สำหรับการใช้ในเวลากลางวัน สิ่งสำคัญคือต้องใช้ครีมกันแดด เนื่องจากวิตามินซีอาจเพิ่มความไวต่อแสงแดดได้ แม้ว่าจะมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันความเสียหายจากแสงแดดก็ตาม ควรทำการทดสอบการแพ้ก่อนเสมอเพื่อให้แน่ใจว่าผิวของคุณไม่มีปฏิกิริยาเชิงลบต่อการใช้ในเวลากลางวัน
6. ลำดับการทาครีมร่วมกับ CM Cream
เมื่อใช้ครีมเจลว่านหางจระเข้ที่คุณผสมเอง เซรั่มวิตามินซี และครีม CM (ซึ่งมี Clindamycin) แนะนำให้ทาแยกเวลา หรือเว้นช่วงห่างอย่างน้อย 30 นาทีระหว่างการทา เนื่องจาก Clindamycin อาจมีปฏิกิริยากับสูตรเครื่องสำอางอื่นๆ ซึ่งอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของยาหรือประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์อื่นๆ
ตัวอย่างเช่น คุณสามารถใช้เซรั่มวิตามินซีในตอนเช้า และใช้ครีม CM และครีมเจลว่านหางจระเข้ในตอนเย็น หรือทาผลิตภัณฑ์ชุดหนึ่ง รอ 30 นาที แล้วจึงทาผลิตภัณฑ์ชุดอื่น.
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Alpha Arbutin (Switzerland)

Vitamin C E Ferulic

Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)

Hyaluronic Acid (Standard Molecule)

Pure Aloe Vera Gel (ไม่ใช่เครื่องสำอาง)

Triethanolamine 99%

Satin Cream Maker™
