คำแนะนำการพัฒนาสูตรเซรั่มวิตามินซี: ปัญหาจากสูตรตัวอย่างและสารทางเลือก

สวัสดีค่ะ

ขอขอบคุณสำหรับคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับสูตรเซรั่มวิตามินซีที่คุณเคยใช้ค่ะ ทางเราเข้าใจว่าคุณต้องการทราบรายละเอียดของสูตรดังกล่าวเพื่อนำมาปรับใช้ แต่จากข้อมูลที่คุณให้มาและที่เจ้าหน้าที่ได้ตอบไปก่อนหน้านี้ ยืนยันว่าสูตรต้นฉบับที่คุณได้รับมานั้นมีปัญหาและไม่ถูกต้องตามหลักการตั้งตำรับเครื่องสำอางที่ดีค่ะ

ขอตอบคำถามของคุณในแต่ละข้อโดยละเอียดนะคะ:

1. อัตราส่วน: ไม่สามารถระบุอัตราส่วนที่ถูกต้องจากรายการส่วนผสมที่ให้มาได้เลยค่ะ รายการส่วนผสมนี้ดูไม่สมบูรณ์และไม่น่าเชื่อถืออย่างยิ่ง การเรียงลำดับส่วนผสมตามกฎหมายมักจะเรียงจากปริมาณมากไปน้อย ซึ่งการที่ Salicylic acid ถูกระบุเป็นอันดับแรกนั้นผิดปกติมาก เนื่องจาก Salicylic acid มีข้อจำกัดในการใช้ในเครื่องสำอางที่ทาทิ้งไว้บนผิว (Leave-on) ไม่เกิน 2% ตามกฎหมาย อย. ค่ะ
2. ชนิดของ Salicylic acid และ Vitamin C (Ascorbyl palmitate) และการละลาย:
   • Salicylic acid: Salicylic acid รูปแบบทั่วไป (Salicylic Acid) ไม่ละลายในน้ำโดยตรง แต่จะละลายได้ดีในตัวทำละลายอินทรีย์ เช่น แอลกอฮอล์ หรือต้องใช้เทคนิคพิเศษในการนำมาใช้ในสูตรน้ำ หากต้องการใช้ Salicylic acid ในสูตรน้ำ ควรพิจารณาใช้ Salicylic acid ในรูปแบบที่ละลายน้ำได้ เช่น Complex Salicylic Acid หรือ Acacia Salicylic Acid ค่ะ
   • Ascorbyl palmitate: Ascorbyl palmitate หรือ Vitamin C Ester เป็นวิตามินซีในรูปแบบที่ละลายได้ดีในน้ำมัน ไม่ละลายในน้ำ การจะนำมาใช้ในสูตรที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก จำเป็นต้องมี Emulsifier (สารประสานเนื้อ) เพื่อช่วยให้น้ำกับน้ำมันเข้ากันเป็นเนื้อเดียวกันได้ ซึ่งส่วนผสมนี้ไม่ได้ระบุไว้ในสูตรที่คุณให้มาค่ะ นี่เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้สูตรดังกล่าวไม่น่าจะผสมเข้ากันได้ค่ะ
   • นอกจากนี้ การนำ Salicylic acid มาใช้ร่วมกับ Ascorbyl palmitate ในสูตรเดียวกันนั้นไม่เป็นที่นิยมและอาจไม่เหมาะสมค่ะ Salicylic acid มักใช้เพื่อผลัดเซลล์ผิวหรือรักษาสิว ในขณะที่ Ascorbyl palmitate เป็นวิตามินซีที่เน้นการต้านอนุมูลอิสระในเฟสน้ำมัน การรวมกันในสูตรเดียวอาจทำให้ประสิทธิภาพไม่เต็มที่และเกิดปัญหาความคงตัวได้ค่ะ
3. ลำดับส่วนประกอบ: ตามหลักการระบุส่วนผสมในเครื่องสำอาง ส่วนประกอบที่ใช้ในปริมาณมากที่สุดจะถูกระบุไว้เป็นอันดับแรก หากสูตรเซรั่มมีน้ำเป็นส่วนประกอบหลักจริง น้ำ (Water) ควรจะถูกระบุไว้เป็นอันดับแรกค่ะ การที่ Salicylic acid ถูกระบุไว้เป็นอันดับแรกนั้นผิดปกติและบ่งชี้ว่าสูตรนี้ไม่ถูกต้องค่ะ
4. ส่วนประกอบทางเลือก (ไม่ใช้น้ำมันและสารกันบูด):
   • การไม่ใช้น้ำมัน: หากคุณต้องการเซรั่มวิตามินซีที่ไม่มีส่วนประกอบของน้ำมัน การใช้ Ascorbyl palmitate ซึ่งละลายในน้ำมันจะไม่เหมาะสมค่ะ คุณควรพิจารณาใช้วิตามินซีในรูปแบบที่ละลายน้ำได้แทน เช่น
     • L-Ascorbic Acid: เป็นวิตามินซีรูปแบบบริสุทธิ์ มีประสิทธิภาพสูง แต่ไม่เสถียรในน้ำ ต้องใช้ในสูตรที่มี pH ต่ำ (ประมาณ 2.0-4.0) และอาจต้องใช้สารช่วยเพิ่มความเสถียร
     • Ethyl Ascorbic Acid: เป็นอนุพันธ์วิตามินซีที่ละลายน้ำได้ มีความเสถียรสูง ใช้งานง่าย สามารถใช้ในสูตรน้ำได้โดยตรง
     • Sodium Ascorbyl Phosphate (SAP) หรือ Magnesium Ascorbyl Phosphate (MAP): เป็นอนุพันธ์วิตามินซีที่ละลายน้ำได้ มีความเสถียรสูง ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับสูตรที่มี pH ค่อนข้างสูง (ประมาณ 7-9)
   • การไม่ใช้สารกันบูด: ในสูตรเครื่องสำอางที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก การใช้สารกันบูด (Preservative) เป็นสิ่ง จำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ เช่น แบคทีเรีย เชื้อรา ซึ่งอาจทำให้ผลิตภัณฑ์เน่าเสีย เป็นอันตรายต่อผิว และมีอายุการใช้งานสั้นมาก การทำเซรั่มเนื้อน้ำโดยไม่มีสารกันบูดนั้นมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดการปนเปื้อนและไม่ปลอดภัยต่อการใช้งานค่ะ แนะนำให้เลือกใช้สารกันบูดในปริมาณที่เหมาะสมตามคำแนะนำของผู้ผลิตเพื่อความปลอดภัยและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ค่ะ

สรุป: สูตรเซรั่มวิตามินซีที่คุณได้รับมานั้นมีข้อผิดพลาดหลายประการ ทั้งในด้านส่วนผสม การละลาย และลำดับการระบุส่วนผสม ซึ่งไม่แนะนำให้นำไปผสมค่ะ หากคุณต้องการทำเซรั่มวิตามินซี แนะนำให้ศึกษาจากสูตรมาตรฐานที่น่าเชื่อถือ และเลือกใช้วิตามินซีในรูปแบบที่เหมาะสมกับประเภทของเซรั่มที่คุณต้องการ (เช่น รูปแบบที่ละลายน้ำได้หากไม่ต้องการใช้น้ำมัน) และควรใช้สารกันบูดในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อความปลอดภัยค่ะ

หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์นะคะ หากมีคำถามเพิ่มเติม สามารถสอบถามได้เลยค่ะ