คำแนะนำดูแลปัญหาผิวคล้ำเสีย รอยแผลเป็น และผิวหน้า
คำถาม
สวัสดีค่ะ
ดิฉันมีปัญหาเกี่ยวกับผิวกายและผิวหน้าค่ะ:
ปัญหาผิวกาย:
- มีรอยคล้ำจากแดดและสีผิวไม่สม่ำเสมอทั่วตัวมา 4 ปีแล้วค่ะ
- ช่วงต้นแขนมีรอยวงดำๆ เห็นได้ชัดเจนมากค่ะ
- มีรอยน็อต (แผลเป็น) ตามขาเยอะมาก เนื่องจากน้ำเหลืองเสียตั้งแต่เด็ก
- ช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาได้ลองใช้ครีมบำรุงตามท้องตลาดและขัดผิวบ้างแล้ว แต่รอยวงดำๆ และรอยแผลเป็นยังไม่ดีขึ้นเลยค่ะ ส่วนอื่นดูใสขึ้นบ้าง แต่รอยที่เห็นชัดยังคงอยู่
อยากให้รอยคล้ำที่เห็นชัดเจนหายไปและผิวเรียบเนียนเสมอกัน ถ้าจะใช้ครีมบำรุงควรมีส่วนผสมอะไรบ้างคะ
ปัญหาผิวหน้า:
- ผิวหน้าแห้งเมื่อเจอแอร์ แต่ถ้าไม่เจอแอร์หน้าก็ทำธรรมดาไม่มันไม่แห้งค่ะ
- ก่อนหน้านี้เคยเป็นสิวบ่อยมาก ทั้งที่หน้าไม่มันเลยค่ะ พอเป็นแล้วหายยากมาก ไม่รู้ว่าเกี่ยวกับน้ำเหลืองเสียหรือไม่
- ตอนนี้สิวหายแล้ว จะมาเฉพาะช่วงมีรอบเดือนเม็ด 2 เม็ดค่ะ แต่ที่หนักใจคือรอยสิวที่ยังทิ้งรอยไว้และไม่หายไปสักที
- อยากให้หน้าเรียบเนียนขึ้น ไม่มีรอยสิว อยากให้หน้าสุขภาพดีดูฉ่ำน้ำหน่อยค่ะ
- สนใจจะซื้อส่วนผสมมาปรุงเอง ต้องเลือกส่วนผสมแบบไหนจึงจะตรงกับความต้องการคะ
- จากที่ได้อ่านกระทู้สำหรับมือใหม่ ปัญหานี้ควรจะแยกทำครีมบำรุงสำหรับรอยสิว กับครีมสำหรับหน้าดูฉ่ำน้ำหรือไม่คะ
คำถามทั่วไป:
- ขอนอกเรื่องจากเครื่องสำอางค์นิดหนึ่ง แต่เกี่ยวกับความสวยความงามค่ะ ไม่รู้ว่าผู้หญิงจะเป็นเหมือนกันทุกคนหรือไม่ คือเวลามีรอบเดือนหน้าจะคล้ำลงอย่างเห็นได้ชัดมาก พอรอบเดือนหายความหมองคล้ำก็หายไป ดิฉันสังเกตมาหลายรอบแล้ว มันเกิดจากอะไรคะ แล้วรักษาได้ไหม
ขอบคุณสำหรับคำตอบล่วงหน้านะคะ
คำตอบ
คำแนะนำในการดูแลปัญหาผิวคล้ำเสีย รอยแผลเป็น และผิวหน้า
สวัสดีค่ะ เข้าใจเลยค่ะว่าปัญหาผิวคล้ำเสีย รอยแผลเป็น และผิวหน้าแห้งมีรอยสิวสร้างความกังวลใจได้มาก โดยเฉพาะเมื่อลองใช้ผลิตภัณฑ์แล้วยังไม่เห็นผลที่น่าพอใจ ดิฉันได้รวบรวมข้อมูลจากส่วนผสมที่คุณสนใจมาให้ เพื่อเป็นแนวทางในการดูแลและเลือกส่วนผสมค่ะ
ปัญหาผิวกายคล้ำเสียและรอยแผลเป็น
รอยคล้ำจากแดดและรอยดำจากแผลเป็นเป็นปัญหาเม็ดสีผิวที่ต้องใช้เวลาและความสม่ำเสมอในการดูแล ส่วนผสมที่ช่วยได้คือกลุ่มที่ช่วยลดการสร้างเม็ดสีและกลุ่มที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว
กลุ่มลดการสร้างเม็ดสี:
- Alpha Arbutin: เป็นสารที่ช่วยยับยั้งเอนไซม์ Tyrosinase ซึ่งเป็นเอนไซม์สำคัญในการสร้างเม็ดสีเมลานิน ทำให้รอยคล้ำและจุดด่างดำจางลง ช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
- Niacinamide (Vitamin B3): ช่วยลดการส่งผ่านเม็ดสีไปยังเซลล์ผิวชั้นบน ทำให้รอยดำต่างๆ จางลง นอกจากนี้ยังช่วยเสริมเกราะป้องกันผิว ทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น และช่วยลดการอักเสบซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของรอยดำหลังการอักเสบ
- Vitamin C: มีหลายรูปแบบ ทั้ง L-ascorbic acid ซึ่งเป็นรูปแบบที่มีประสิทธิภาพสูงในการช่วยให้ผิวกระจ่างใส ลดรอยดำ และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน หรือรูปแบบที่เสถียรขึ้นอย่าง Ethyl Ascorbic Acid และ Sodium Ascorbyl Phosphate (SAP) ซึ่งละลายน้ำได้ดีและช่วยลดรอยคล้ำได้เช่นกัน Vitamin C ยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดี
กลุ่มผลัดเซลล์ผิว:
- Glycolic Acid (AHA): เป็นกรดผลไม้ในกลุ่ม AHA ที่มีโมเลกุลขนาดเล็ก สามารถซึมเข้าสู่ผิวได้ดี ช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิวเก่าที่หมองคล้ำออกไป เผยผิวใหม่ที่ดูกระจ่างใสและเรียบเนียนขึ้น การใช้ Glycolic Acid ในความเข้มข้นที่เหมาะสมจะช่วยให้รอยคล้ำและรอยแผลเป็นดูจางลงได้
คำแนะนำสำหรับผิวกาย:
เน้นการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอ และที่สำคัญที่สุดคือ การป้องกันแสงแดด การทาครีมกันแดดบริเวณผิวกายที่สัมผัสแดดเป็นประจำ จะช่วยป้องกันไม่ให้รอยคล้ำที่เป็นอยู่เข้มขึ้น และป้องกันการเกิดรอยคล้ำใหม่ค่ะ การขัดผิวอย่างอ่อนโยนสัปดาห์ละ 1-2 ครั้งก็ช่วยเสริมการผลัดเซลล์ผิวได้
ปัญหาผิวหน้าแห้ง รอยสิว และความหมองคล้ำ
ปัญหาผิวหน้าแห้งเมื่อเจอแอร์และมีรอยสิว แสดงว่าผิวขาดความชุ่มชื้นและอาจมีการอักเสบที่ทำให้เกิดรอยดำหลังสิวหาย ส่วนผสมที่ควรเน้นคือกลุ่มที่ให้ความชุ่มชื้น เสริมเกราะป้องกันผิว และลดรอยดำ
สำหรับผิวฉ่ำน้ำ/ชุ่มชื้น:
- Hyaluronic Acid: เป็นสารที่ช่วยดึงน้ำเข้าสู่ผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ผิวดูอิ่มฟู ชุ่มชื้น และเรียบเนียนขึ้น มีหลายขนาดโมเลกุล เช่น Standard Molecule หรือรูปแบบที่ซับซ้อนขึ้นอย่าง 4D Hyaluronic Acid ที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นได้ในหลายระดับชั้นผิว การรักษาความชุ่มชื้นของผิวจะช่วยให้เกราะป้องกันผิวแข็งแรง ลดปัญหาผิวแห้ง และช่วยให้ผิวคงความชุ่มชื้นได้ดีขึ้น
- Niacinamide (Vitamin B3): นอกจากช่วยเรื่องรอยดำแล้ว ยังช่วยกระตุ้นการสร้าง Ceramide ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของเกราะป้องกันผิว ทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น ลดการสูญเสียน้ำ และช่วยให้ผิวคงความชุ่มชื้นได้ดีขึ้น
สำหรับรอยสิว (รอยดำ):
- Niacinamide (Vitamin B3): มีคุณสมบัติช่วยลดรอยดำจากสิวได้อย่างดีเยี่ยม
- Vitamin C: รูปแบบต่างๆ เช่น L-ascorbic acid, Ethyl Ascorbic Acid, Sodium Ascorbyl Phosphate (SAP) ล้วนมีส่วนช่วยลดรอยดำ ทำให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้น
- Alpha Arbutin: ช่วยลดการสร้างเม็ดสี ทำให้รอยดำจางลง
- Glycolic Acid (AHA): ช่วยผลัดเซลล์ผิวชั้นบนที่มีรอยดำสะสมอยู่ ทำให้รอยดูจางลงและผิวเรียบเนียนขึ้น
การเลือกส่วนผสมมาปรุงเอง:
สำหรับผู้เริ่มต้นที่ต้องการปรุงส่วนผสมเองเพื่อดูแลปัญหาเหล่านี้ สามารถเลือกส่วนผสมหลักๆ ที่กล่าวมาข้างต้นได้ค่ะ
- เน้นผิวฉ่ำน้ำ: อาจเริ่มต้นด้วย Hyaluronic Acid ชนิดที่ละลายน้ำได้ง่าย เช่น 4D Hyaluronic Acid หรือ Hyaluronic Acid (Standard Molecule) ผสมในเบสเซรั่มหรือครีมที่เหมาะสม
- เน้นรอยสิว (รอยดำ): Niacinamide เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะช่วยได้หลายด้าน สามารถผสมในเบสได้ง่าย หรือจะใช้ Vitamin C ในรูปแบบที่เสถียรอย่าง Ethyl Ascorbic Acid หรือ Sodium Ascorbyl Phosphate (SAP) ก็ได้เช่นกัน ควรศึกษาอัตราส่วนและวิธีการผสมของแต่ละส่วนผสมให้ละเอียด และคำนึงถึงค่า pH ที่เหมาะสมเพื่อประสิทธิภาพและความเสถียรของสูตร (เช่น L-ascorbic acid ต้องการ pH ต่ำ, SAP ต้องการ pH ด่างเล็กน้อย, Niacinamide เข้ากับ pH ได้กว้างกว่า แต่ควรเลี่ยงการผสมกับ Vitamin C บางรูปแบบใน pH ที่ไม่เหมาะสม)
ควรแยกทำครีมบำรุงรอยสิวกับหน้าฉ่ำน้ำหรือไม่?
ไม่จำเป็นต้องแยกเสมอไปค่ะ ส่วนผสมหลายชนิด เช่น Niacinamide และ Vitamin C สามารถช่วยได้ทั้งเรื่องรอยสิวและความกระจ่างใส ในขณะเดียวกันก็มีคุณสมบัติช่วยเสริมเกราะป้องกันผิวและให้ความชุ่มชื้นได้ในระดับหนึ่ง
- ถ้าต้องการเน้นผลลัพธ์เฉพาะจุด: การใช้ผลิตภัณฑ์แยกอาจช่วยให้ได้ความเข้มข้นของสารออกฤทธิ์ที่เหมาะสมกับปัญหานั้นๆ มากกว่า เช่น ใช้เซรั่ม Hyaluronic Acid เข้มข้นเพื่อเน้นผิวฉ่ำน้ำ แล้วตามด้วยครีมที่มี Niacinamide หรือ Vitamin C เพื่อเน้นรอยสิว
- ถ้าต้องการความสะดวก: สามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่ครอบคลุมทั้งสองปัญหาได้ เช่น ครีมที่มี Niacinamide และ Hyaluronic Acid ในสูตรเดียวกัน
สำหรับผู้เริ่มต้น การทำผลิตภัณฑ์ที่เน้นส่วนผสมหลัก 1-2 ชนิดในเบสที่เหมาะสมจะควบคุมได้ง่ายกว่าค่ะ
ปัญหาหน้าคล้ำช่วงมีรอบเดือน
ที่คุณสังเกตว่าหน้าคล้ำลงอย่างเห็นได้ชัดช่วงมีรอบเดือน เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้กับผู้หญิงหลายคนค่ะ สาเหตุหลักมาจาก การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน ในร่างกาย โดยเฉพาะฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนที่ผันผวนตลอดรอบเดือน การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเหล่านี้สามารถส่งผลต่อการผลิตเม็ดสีเมลานินในผิวหนัง และยังอาจส่งผลต่อการไหลเวียนของเลือด ทำให้ผิวดูหมองคล้ำลงชั่วคราว
โดยทั่วไปแล้ว ภาวะนี้เป็นเรื่องปกติทางสรีรวิทยาและไม่ได้เป็นอันตราย เมื่อระดับฮอร์โมนกลับสู่ภาวะปกติหลังหมดรอบเดือน ผิวก็จะกลับมาดูกระจ่างใสเหมือนเดิม ไม่จำเป็นต้องมีการรักษาจำเพาะเจาะจงค่ะ การดูแลผิวโดยรวมให้แข็งแรง ชุ่มชื้น และป้องกันแสงแดดอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้ผิวดูสุขภาพดีและกระจ่างใสได้ในทุกช่วงของรอบเดือนค่ะ
หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ในการดูแลผิวของคุณนะคะ การเห็นผลต้องใช้เวลาและความอดทนค่ะ
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Alpha Arbutin (Switzerland)

Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)

Hyaluronic Acid (Standard Molecule)

Vitamin C (L-ascorbic acid) (Ultra-Fine)

Glycopure™ (Glycolic Acid (AHA) 100% Powder)
