คุณสมบัติของแวกซ์และการล้างออก

ความง่ายในการล้างผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแวกซ์ขึ้นอยู่กับสูตรโดยรวมเป็นหลัก ไม่ใช่แค่ชนิดของแวกซ์ที่ใช้ สูตรที่มีการผสมน้ำและสารประสานเนื้อ (emulsifier) เพื่อสร้างอิมัลชัน (เช่น water-in-oil หรือ oil-in-water) จะล้างออกได้ง่ายกว่าสูตรที่เป็นน้ำมันหรือแวกซ์ล้วนๆ อย่างมาก

การเรียงลำดับความง่ายในการใช้งานของแวกซ์ (การนำไปผสม)

จากการพิจารณาจุดหลอมเหลวและความแข็งโดยทั่วไป นี่คือการเรียงลำดับแวกซ์ที่คุณกล่าวถึงจากง่ายไปยากในการนำไปผสม:

1. Cera Alba (Beeswax): มีจุดหลอมเหลวค่อนข้างต่ำ เนื้อนิ่มกว่า ละลายและผสมได้ง่ายกว่า
2. Synthetic Microcrystalline Wax: คุณสมบัติแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับเกรด แต่เกรดที่ใช้ในเครื่องสำอางมักจะจัดการได้ง่าย
3. Candelilla Wax: มีจุดหลอมเหลวสูงกว่าและแข็งกว่า Beeswax
4. Carnauba Wax: มีจุดหลอมเหลวสูงสุดและแข็งที่สุด ทำให้ละลายและนำไปผสมได้ยากที่สุด

เมื่อแวกซ์ถูกหลอมเหลว จะมีลักษณะเหมือนน้ำมันและถือเป็นส่วนหนึ่งของเฟสน้ำมัน (oil phase) ในสูตร

วิธีทำให้สูตรแวกซ์ล้างออกง่ายขึ้น

เพื่อให้ล้างออกง่ายขึ้น คุณต้องสร้างอิมัลชันโดยการเติมน้ำและสารประสานเนื้อที่เหมาะสมลงในสูตร ซึ่งจะช่วยให้ผลิตภัณฑ์กระจายตัวในน้ำได้เมื่อล้าง

ตัวอย่างของส่วนผสมที่ช่วยสร้างอิมัลชันดังกล่าวได้แก่:

• Lecithin
• Sugar Gel (Sucrose Stearate/Palmitate)
• Polysorbate 20
• Polysorbate 80

สารประสานเนื้อเหล่านี้ช่วยเชื่อมเฟสน้ำมัน/แวกซ์เข้ากับเฟสน้ำ การใส่สารลดแรงตึงผิว (surfactant) ลงในสูตรก็ช่วยให้ล้างคราบน้ำมัน/แวกซ์ออกได้ง่ายขึ้นด้วย

โปรดทราบว่า การเติมน้ำและสารประสานเนื้อเพื่อทำให้สูตรล้างออกง่ายขึ้น อาจทำให้ประสิทธิภาพในการจัดทรงหรือความคงทนลดลงเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์แวกซ์/น้ำมันล้วนๆ เนื่องจากอิมัลชันอาจถูกเหงื่อหรือน้ำชะล้างออกไปได้ง่ายกว่า