ค่า pH ของ Ethyl Ascorbic Acid, ส่วนผสมสำหรับรอบดวงตา, และสารกันเสียที่อ่อนโยน
คำถาม
มีคำถามเกี่ยวกับส่วนผสมและสูตรเครื่องสำอางดังนี้ครับ:
- Ethyl Ascorbic Acid จำเป็นต้องปรับค่า pH ให้ต่ำเหมือน Vitamin C (L-ascorbic acid) หรือไม่ครับ? และค่า pH ที่เหมาะสมสำหรับ Ethyl Ascorbic Acid อยู่ที่เท่าไหร่ครับ?
- REGU®-AGE, Orange Peel Extract, และ Slim-Coffee™ เป็นสารลดใต้ตาดำทั้งสามตัวนี้ มีกลไกการทำงานเหมือนกันหรือไม่ครับ? ถ้าเหมือน ตัวไหนดีที่สุด? ถ้าไม่เหมือน แสดงว่าใช้ทั้งสามตัวเลยจะเห็นผลดียิ่งขึ้นหรือเปล่าครับ?
- สารกันเสียตัวไหนอ่อนโยนกับรอบดวงตามากที่สุดครับ?
คำตอบ
คำตอบสำหรับคำถามการคิดค้นสูตรของคุณ
นี่คือคำตอบสำหรับคำถามของคุณเกี่ยวกับส่วนผสมในเครื่องสำอาง:
1. ค่า pH ของ Ethyl Ascorbic Acid เทียบกับ L-Ascorbic Acid
ถูกต้องแล้วที่ Ethyl Ascorbic Acid ไม่ต้องการค่า pH ที่ต่ำมากเหมือน L-ascorbic acid เพื่อความเสถียร
- L-Ascorbic Acid: วิตามินซีรูปแบบนี้มีความเสถียรและมีประสิทธิภาพสูงสุดในสภาพแวดล้อมที่เป็นกรด โดยทั่วไปต้องการช่วง pH 2.0-4.0 อย่างไรก็ตาม สำหรับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ใช้กับผิว FDA แนะนำให้มี pH อย่างน้อย 3.5 L-ascorbic acid มีแนวโน้มที่จะเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันได้ง่าย โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในน้ำ
- Ethyl Ascorbic Acid: นี่คืออนุพันธ์ของวิตามินซีที่มีความเสถียรสูงและละลายน้ำได้ มีประสิทธิภาพในช่วง pH ที่กว้างกว่า โดยเฉพาะ 3.5-6.0 ทำให้ง่ายต่อการนำไปผสมในสูตรมากกว่า L-ascorbic acid เนื่องจากไม่ต้องการ pH ที่ต่ำมาก
2. ส่วนผสมสำหรับลดรอยคล้ำและอาการบวมใต้ตา (REGU®-AGE, Orange Peel Extract, Caffeine)
ส่วนผสมทั้งสามชนิดนี้ทำงานผ่านกลไกที่แตกต่างกันเพื่อจัดการกับรอยคล้ำและอาการบวมรอบดวงตา:
- REGU®-AGE: ส่วนผสมนี้ทำงานโดยการเสริมสร้างผิวรอบดวงตา ทำให้เนื้อเยื่อกระชับขึ้น ช่วยลดรอยคล้ำและอาการบวมโดยการปรับปรุงการไหลเวียนโลหิตขนาดเล็กและปกป้องผิวจากความเสียหายจากรังสียูวีและการอักเสบ กลไกการทำงานเกี่ยวข้องกับโปรตีนข้าวที่ผ่านการไฮโดรไลซ์ โปรตีนถั่วเหลือง และเอนไซม์ Oxido Reductases
- Orange Peel Extract (Hesperidin Methyl Chalcone): สารสกัดนี้ทำงานหลักโดยการกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต การไหลเวียนที่ดีขึ้นช่วยลดรอยคล้ำที่เกิดจากการไหลเวียนโลหิตไม่ดีหรือการอักเสบ นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์ต้านไกลเคชั่น ช่วยชะลอความเสื่อมของผิวที่เกิดจากปฏิกิริยาไกลเคชั่น อาจทำให้รู้สึกอุ่น/ร้อนบริเวณที่ทาเนื่องจากการไหลเวียนโลหิตที่เพิ่มขึ้น
- Encapsulated Caffeine: คาเฟอีนเป็นที่รู้จักในด้านความสามารถในการกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต และมีคุณสมบัติต้านการอักเสบและต้านอนุมูลอิสระ เมื่อทาเฉพาะที่ สามารถช่วยลดอาการบวมโดยการทำให้หลอดเลือดหดตัวและลดการสะสมของของเหลว รูปแบบ Encapsulated เช่น Encapsulated Caffeine สามารถให้การปลดปล่อยอย่างช้าๆ เพื่อการทำงานอย่างต่อเนื่อง
การเปรียบเทียบและการใช้ร่วมกัน:
เนื่องจากส่วนผสมเหล่านี้มุ่งเป้าไปที่ปัญหาที่แตกต่างกันของรอยคล้ำและอาการบวมใต้ตา (การเสริมสร้างผิว, การกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต, การลดของเหลว/การอักเสบ) การใช้ร่วมกันอาจให้ผลลัพธ์ที่ครอบคลุมมากกว่าการใช้เพียงชนิดเดียว ไม่มีส่วนผสมใดที่ "ดีที่สุด" ในกลุ่มนี้ การเลือกหรือการใช้ร่วมกันที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับสาเหตุเฉพาะของรอยคล้ำหรืออาการบวมและคุณสมบัติของสูตรที่ต้องการ การใช้ส่วนผสมที่มีกลไกเสริมกันเป็นกลยุทธ์ที่พบบ่อยในการคิดค้นสูตรเครื่องสำอาง
3. สารกันเสียที่อ่อนโยนสำหรับรอบดวงตา
สำหรับบริเวณรอบดวงตาที่บอบบาง แนะนำให้ใช้สารกันเสียที่พัฒนาขึ้นเพื่อความอ่อนโยนเป็นพิเศษ
- Eye Preserved™ (Polyhexamethylene Biguanide, PHMB): สารกันเสียนี้ได้รับการพัฒนาเพื่อใช้ในน้ำยาทำความสะอาดคอนแทคเลนส์ ซึ่งบ่งชี้ถึงความเหมาะสมสำหรับการใช้รอบดวงตาและสำหรับผิวแพ้ง่าย มีความอ่อนโยน ทนความร้อนได้ดี ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น และไม่มีฟอร์มาลดีไฮด์ มีประสิทธิภาพในการยับยั้งจุลชีพได้หลากหลายชนิด แต่อาจมีประสิทธิภาพต่ำกว่าสารกันเสียบางชนิด ดังนั้นจึงควรดูแลเรื่องความสะอาดในกระบวนการผลิตให้สูง หากใช้เป็นสารกันเสียหลักหรือชนิดเดียว ไม่เข้ากันกับส่วนผสมที่มีประจุลบ เช่น Hyaluronic Acid และสารเพิ่มความหนืดบางชนิดที่มาจากโพลิเมอร์
Eye Preserved™ ได้รับการคิดค้นสูตรมาโดยเฉพาะเพื่อความอ่อนโยนเพียงพอสำหรับบริเวณรอบดวงตาที่บอบบาง
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Vitamin C (L-ascorbic acid) (Ultra-Fine)

Vitamin C (L-ascorbic acid) (Fine)

REGU®-AGE

Orange Peel Extract (Hesperidin Methyl Chalcone 98%)

Eye Preserved™ (Polyhexamethylene Biguanide, PHMB)

Vitamin C (L-ascorbic acid) (Standard)
