ช่วยแนะนำสูตรครีมล้างหน้า: แก้ปัญหาแยกชั้นและเนื้อเป็นน้ำมัน

ถามโดย: wachiraanan_136 เมื่อ: January 24, 2017 ประเภทผลิตภัณฑ์: เครื่องสำอาง

คำถาม

ผมสนใจที่จะทำครีมล้างหน้า และอยากทราบว่ารายการส่วนผสมด้านล่างนี้ถูกต้องหรือไม่ครับ ผมลองผสมมาหลายครั้งแล้ว แต่สูตรก็ยังแยกชั้นและมีเนื้อเป็นน้ำมันตลอดเลยครับ ผมอยากขอคำแนะนำเกี่ยวกับปริมาณเปอร์เซ็นต์ที่เหมาะสมของแต่ละส่วนผสม และวิธีการผสมที่ถูกต้องเพื่อไม่ให้สูตรแยกชั้นครับ

  • ส่วนผสม:
    1. Glycerin
    2. Allantoin
    3. Disodium EDTA
    4. Sodium Lactate 60%
    5. Sodium PCA 50%
    6. Lauric Acid
    7. Stearic Acid
    8. Butylene Glycol
    9. Glyceryl Monostearate
    10. Cetearyl Alcohol
    11. Potassium Hydroxide
    12. Glycolic Acid
    13. Phenoxyethanol
    14. Rose Es. Oil / น้ำหอมแต่งกลิ่น
    15. Vitamin-E Acetate
    16. Citric Acid
    17. Polysorbate 20 (Tween 20)
    18. Water

คำตอบ

คำตอบสำหรับสูตรครีมล้างหน้า

สวัสดีครับ เข้าใจเลยครับว่าการทำสูตรเครื่องสำอางเองต้องอาศัยการลองผิดลองถูก สูตรที่คุณเขียนมามีส่วนผสมหลายตัวที่น่าสนใจและเป็นส่วนประกอบทั่วไปในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าแบบครีมครับ

ปัญหาเรื่องการแยกชั้นและเป็นน้ำมันที่คุณเจอ เกิดขึ้นได้บ่อยในการทำสูตรประเภท Emulsion (อิมัลชัน) ซึ่งเป็นการผสมระหว่างส่วนที่เป็นน้ำ (Water Phase) และส่วนที่เป็นน้ำมัน (Oil Phase) ให้เข้ากันอย่างเสถียร การที่สูตรแยกชั้นแสดงว่าระบบ Emulsifier (สารที่ช่วยให้น้ำกับน้ำมันเข้ากัน) ยังไม่เหมาะสม หรือขั้นตอนการผสมยังไม่ถูกต้องครับ

มาดูส่วนผสมที่คุณใช้และบทบาทของแต่ละตัวในสูตรครีมล้างหน้ากันครับ:

  • ส่วนที่ละลายในน้ำ (Water Phase):

    • Glycerin (กลีเซอรีน): เป็น Humectant ช่วยดึงและกักเก็บความชุ่มชื้นให้กับผิว
    • Allantoin (อัลลันโทอิน): ช่วยลดการระคายเคืองและส่งเสริมการสร้างเนื้อเยื่อใหม่
    • Disodium EDTA (ไดโซเดียม อีดีทีเอ): เป็น Chelating Agent ช่วยจับไอออนในน้ำ ป้องกันไม่ให้รบกวนส่วนผสมอื่นและช่วยให้สูตรคงตัว
    • Sodium Lactate (โซเดียม แลคเตท) 60%: เป็น Humectant และส่วนหนึ่งของ Natural Moisturizing Factor (NMF) ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น
    • Sodium PCA (โซเดียม พีซีเอ) 50%: เป็น Humectant และส่วนหนึ่งของ NMF ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและเสริมเกราะป้องกันผิว
    • Butylene Glycol (บิวทิลีน ไกลคอล): เป็น Solvent และ Humectant ช่วยละลายส่วนผสมบางอย่างและเพิ่มความชุ่มชื้น
    • Potassium Hydroxide (โพแทสเซียม ไฮดรอกไซด์): เป็นสารปรับค่า pH ให้สูงขึ้น และทำปฏิกิริยากับกรดไขมัน (Lauric Acid, Stearic Acid) เพื่อสร้างสบู่ (Saponification) ซึ่งสบู่ที่เกิดขึ้นนี้สามารถทำหน้าที่เป็น Emulsifier และสารทำความสะอาดได้
    • Glycolic Acid (ไกลโคลิก แอซิด): เป็น AHA ช่วยผลัดเซลล์ผิว ควรใช้ในปริมาณและ pH ที่เหมาะสมเพื่อประสิทธิภาพและลดการระคายเคือง
    • Phenoxyethanol (ฟีน็อกซีเอทานอล): เป็นสารกันเสีย
    • Citric Acid (กรดซิตริก): เป็นสารปรับค่า pH ให้ต่ำลง ใช้ปรับ pH ในขั้นตอนสุดท้าย
    • Polysorbate 20 (โพลีซอร์เบต 20 หรือ Tween 20): เป็น Solubilizer ช่วยละลายน้ำมันหรือน้ำหอมในน้ำ แต่เป็น Emulsifier ที่ค่อนข้างอ่อน มักใช้ร่วมกับ Emulsifier ตัวอื่น
    • Water (น้ำบริสุทธิ์): เป็น Base หลักของสูตร
  • ส่วนที่ละลายในน้ำมัน (Oil Phase):

    • Lauric Acid (กรดลอริก): เป็นกรดไขมัน ใช้เป็นสารตั้งต้นในการทำสบู่ (เมื่อทำปฏิกิริยากับ Potassium Hydroxide) และมีคุณสมบัติทำความสะอาดและทำให้เกิดฟอง
    • Stearic Acid (กรดสเตียริก): เป็นกรดไขมัน ใช้เป็น Thickener และ Emollient ช่วยให้เนื้อครีมข้นขึ้นและนุ่มนวล
    • Glyceryl Monostearate (กลีเซอรีล โมโนสเตียเรต): เป็น Emulsifier และ Thickener ช่วยเชื่อมน้ำกับน้ำมันให้เข้ากัน (โดยเฉพาะชนิด SE - Self-Emulsifying)
    • Cetearyl Alcohol (เซเทียริล แอลกอฮอล์): เป็น Thickener และ Emollient ช่วยเพิ่มความข้นและความคงตัวของเนื้อครีม
    • Vitamin-E Acetate (วิตามินอี อะซิเตท): เป็น Antioxidant และ Skin Conditioning Agent ละลายได้ในน้ำมัน
    • Rose Es. Oil / Fragrance (น้ำมันหอมระเหย/น้ำหอม): ให้กลิ่น ละลายได้ในน้ำมัน

สาเหตุของปัญหาและการแก้ไข:

การที่สูตรแยกชั้นแสดงว่าระบบ Emulsifier ที่ใช้ยังไม่เหมาะสมกับปริมาณและชนิดของส่วนผสมใน Oil Phase ทั้งหมด หรือขั้นตอนการผสมยังไม่ถูกต้อง การทำ Emulsion ที่เสถียรต้องอาศัยปัจจัยหลายอย่าง ทั้งชนิดและปริมาณ Emulsifier ที่เหมาะสม การให้ความร้อนแก่ทั้งสองเฟส (น้ำและน้ำมัน) ให้ได้อุณหภูมิใกล้เคียงกัน และการปั่น/คนด้วยความเร็วสูงอย่างต่อเนื่องในขณะที่รวมเฟสเข้าด้วยกัน

คำแนะนำเบื้องต้นสำหรับสูตรและวิธีการผสม:

การให้เปอร์เซ็นต์ที่แน่นอนโดยไม่มีการทดสอบทำได้ยากมาก เนื่องจากต้องพิจารณาจากความเข้ากันได้ของส่วนผสมทั้งหมดและเนื้อสัมผัสที่ต้องการ แต่สามารถให้ช่วงการใช้งานทั่วไปและแนวทางการผสมได้ดังนี้ครับ:

  • เปอร์เซ็นต์การใช้งานทั่วไป (อาจต้องปรับตามการทดลอง):

    • ส่วนของน้ำ (Water): ควรเป็นส่วนประกอบหลัก อาจอยู่ที่ 50-70% หรือมากกว่า
    • Humectants (Glycerin, Butylene Glycol, Sodium Lactate, Sodium PCA): ใช้ตามช่วงที่แนะนำในข้อมูลสินค้า รวมกันอาจอยู่ที่ 5-20%
    • Allantoin: 0.1-0.5%
    • Disodium EDTA: 0.1-0.2%.
    • Fatty Acids (Lauric Acid, Stearic Acid): ใช้ในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อสร้างเนื้อสัมผัสและทำความสะอาด อาจรวมกันอยู่ที่ 5-15%.
    • Emulsifier/Thickener (Glyceryl Monostearate SE, Cetearyl Alcohol): ปริมาณรวมของ Emulsifier และ Thickener ใน Oil Phase อาจอยู่ที่ 5-15% ขึ้นอยู่กับปริมาณ Oil Phase ทั้งหมด
    • Potassium Hydroxide: ใช้ในปริมาณน้อยมากเพื่อปรับ pH หรือทำ Saponification ต้องค่อยๆ เติมและวัดค่า pH
    • Glycolic Acid: หากใช้ ควรใช้ไม่เกิน 5% และปรับ pH สูตรสุดท้ายให้อยู่ในช่วง 3.5-4.0
    • Phenoxyethanol: 0.5-1.0%.
    • Vitamin-E Acetate: 0.1-0.5%.
    • Fragrance: 0.1-0.5%.
    • Citric Acid: ใช้ปรับ pH ในขั้นตอนสุดท้าย ค่อยๆ เติมทีละน้อย
  • วิธีการผสม (แนวทางสำหรับ O/W Emulsion):

    1. เตรียม Water Phase: ใส่น้ำบริสุทธิ์ลงในภาชนะที่ทนความร้อน เติมส่วนผสมที่ละลายน้ำได้ทั้งหมด (ยกเว้นสารกันเสีย, Glycolic Acid, Citric Acid) คนให้เข้ากัน นำไปให้ความร้อนประมาณ 70-80°C
    2. เตรียม Oil Phase: ในอีกภาชนะที่ทนความร้อน ใส่ส่วนผสมที่ละลายน้ำมันได้ทั้งหมด (รวมถึง Emulsifier และ Thickener ใน Oil Phase) นำไปให้ความร้อนประมาณ 70-80°C หรือจนส่วนผสมทั้งหมดหลอมละลายเป็นเนื้อเดียวกัน
    3. รวมเฟส: เมื่อทั้งสองเฟสได้อุณหภูมิที่ต้องการ ค่อยๆ เท Oil Phase ลงใน Water Phase อย่างช้าๆ พร้อมกับใช้เครื่องปั่น (เช่น Hand Blender หรือ Homogenizer) ปั่นด้วยความเร็วสูงอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเนื้อครีมเริ่มก่อตัว
    4. Cool-down Phase: ปั่น/คนอย่างต่อเนื่องขณะที่สูตรค่อยๆ เย็นลงจนถึงอุณหภูมิประมาณ 40°C
    5. เติมส่วนผสมที่ไวต่อความร้อน/ปรับ pH: เมื่อสูตรเย็นลงถึงประมาณ 40°C เติม Phenoxyethanol, Glycolic Acid (หากใช้), Fragrance คนให้เข้ากัน
    6. ปรับ pH: วัดค่า pH ของสูตร หากต้องการปรับ pH ให้ใช้ Citric Acid หรือ Potassium Hydroxide ละลายในน้ำเล็กน้อย ค่อยๆ เติมทีละน้อย พร้อมคนและวัดค่า pH จนได้ค่าที่ต้องการ
    7. ตรวจสอบเนื้อสัมผัส: เมื่อสูตรเย็นสนิทแล้ว ตรวจสอบเนื้อสัมผัสและความคงตัว

การทดลองปรับปริมาณ Emulsifier หรือลองใช้ Emulsifier ชนิดอื่นที่เหมาะสมกับ Oil Phase ของคุณมากขึ้น อาจช่วยแก้ปัญหาการแยกชั้นได้ครับ

หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ในการพัฒนาสูตรของคุณต่อไปนะครับ!

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Vitamin E (Tocopheryl Acetate)
Vitamin E (Tocopheryl Acetate)
เครื่องสำอาง
Allantoin
Allantoin
เครื่องสำอาง
Glycerin (USP/Food Grade)
Glycerin (USP/Food Grade)
เครื่องสำอาง
Sodium Lactate (60% Liquid, Natural)
Sodium Lactate (60% Liquid, Natural)
เครื่องสำอาง
Phenoxyethanol (Extra Pure)
Phenoxyethanol (Extra Pure)
เครื่องสำอาง
Sodium PCA 50%
Sodium PCA 50%
เครื่องสำอาง
Glyceryl Stearate SE / Glyceryl Monostearate SE (GMS SE)
Glyceryl Stearate SE / Glyceryl Monostearate SE (GMS SE)
เครื่องสำอาง
Polysorbate 20 (Tween 20)
Polysorbate 20 (Tween 20)
เครื่องสำอาง
Disodium EDTA
Disodium EDTA
เครื่องสำอาง
Butylene Glycol
Butylene Glycol
เครื่องสำอาง
Cetearyl Alcohol (50/50, e.q. Lanette O)
Cetearyl Alcohol (50/50, e.q. Lanette O)
เครื่องสำอาง
Sodium Hydroxide
Sodium Hydroxide
เครื่องสำอาง
Glycopure™ (Glycolic Acid (AHA) 100% Powder)
Glycopure™ (Glycolic Acid (AHA) 100% Powder)
เครื่องสำอาง
Lauric Acid (99%)
Lauric Acid (99%)
เครื่องสำอาง
Stearic Acid (Stearic: 39-45%, Palmitic: 53-60%)
Stearic Acid (Stearic: 39-45%, Palmitic: 53-60%)
เครื่องสำอาง
Strawberry (Fragrance Oil)
Strawberry (Fragrance Oil)
เครื่องสำอาง
Rose Petal
Rose Petal
เครื่องสำอาง
Citric Acid (Anhydrous, Natural)
Citric Acid (Anhydrous, Natural)
เครื่องสำอาง