ตรวจทานสูตรแชมพู: ส่วนทำความสะอาด, ส่วนปรับสภาพผม, และสัดส่วนส่วนผสม

ถามโดย: supakanmcpn เมื่อ: August 16, 2014 ประเภทผลิตภัณฑ์: เครื่องสำอาง

คำถาม

มีสูตรแชมพูที่แบ่งออกเป็นส่วนทำความสะอาดและส่วนปรับสภาพผม อยากขอคำแนะนำและข้อเสนอแนะในส่วนต่างๆ ดังนี้ค่ะ:

ส่วนทำความสะอาด:

  • น้ำ (58.8%)
  • Taxapon-n-8000 (SLES 28%) (8.8%)
  • Decyl Glucoside (3.5%)
  • Cocamidopropyl Betaine (CAPB) (8.8%)
  1. Taxapon-n-8000 เป็นสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองได้จริงตามที่เจ้าหน้าที่แจ้งหรือไม่คะ?
  2. มีสารเคมีตัวอื่นที่ทำหน้าที่ชะล้างได้เหมือนกันบ้างไหมคะ?

ส่วนปรับสภาพเส้นผม:

  • Dehyquart H81 (Guar Cationic) (0.5%)
  • PEG-75 LANOLIN (0.7%)
  • Olive oil (0.6%)
  • Sunflower seed oil (0.6%)
  • Ethyl Pantothenol (0.3%)
  • Cetrimonium Chloride (CETAC 30%) (0.29%)
  • Polyquaternium-51 (0.24%)
  • GLYCERINE (2.9%)
  • Stearyl alcohol (??%)
  • Polyquaternium-44 (2.9%)
  • Coco-Glucoside (and) Glyceryl Oleate (0.9%)
  1. ในส่วนปรับสภาพเส้นผมมีส่วนผสมหลายตัวที่ทำหน้าที่คล้ายคลึงกันมากไปหรือไม่คะ?
  2. มีส่วนผสมตัวไหนที่ใส่มากไปหรือน้อยไปไหมคะ?
  3. ควรปรับค่า pH ของสูตรอย่างไรคะ?

คำตอบ

การตรวจทานและข้อเสนอแนะสำหรับสูตรแชมพู

ขอบคุณที่แบ่งปันสูตรแชมพูที่ปรับปรุงแล้วและคำถามของคุณครับ การแบ่งสูตรออกเป็นส่วนทำความสะอาดและส่วนปรับสภาพผมเป็นแนวทางที่ดีครับ ผมจะช่วยตรวจทานแต่ละส่วนและตอบคำถามเฉพาะของคุณครับ

1. ส่วนทำความสะอาด

ส่วนทำความสะอาดของคุณประกอบด้วย:

  • น้ำ (58.8%)
  • Taxapon-n-8000 (SLES 28%) (8.8%)
  • Decyl Glucoside (3.5%)
  • Cocamidopropyl Betaine (CAPB) (8.8%)

1.1 การปรับสัดส่วนและการใช้ SLES:

ถูกต้องครับที่ Taxapon-n-8000 ซึ่งคือ SLES สามารถก่อให้เกิดการระคายเคืองได้ตามที่เจ้าหน้าที่ได้แจ้งไป แม้ว่าการลดปริมาณลงจากสูตรแรก (จาก 10.6% เหลือ 8.8%) และใช้ร่วมกับสารชำระล้างที่อ่อนโยนกว่าอย่าง Decyl Glucoside และ Cocamidopropyl Betaine จะช่วยลดโอกาสการระคายเคืองโดยรวมเมื่อเทียบกับการใช้ SLES เพียงอย่างเดียว แต่สูตรนี้ก็ยังคงมี SLES เป็นส่วนประกอบหลัก ดังนั้นจึงไม่สามารถโฆษณาว่าเป็นแชมพู "Sulfate-Free" ได้ครับ หากเป้าหมายของคุณคือการลดการระคายเคืองให้มากที่สุด การเปลี่ยนไปใช้สารชำระล้างที่อ่อนโยนกว่าแทน SLES ทั้งหมดจะให้ผลดีกว่าครับ

ความเข้มข้นรวมของสารชำระล้างในส่วนนี้ (8.8% SLES + 3.5% Decyl Glucoside + 8.8% CAPB) คิดเป็นปริมาณสารออกฤทธิ์ประมาณ (8.8% * 0.28) + (3.5% * 0.50) + (8.8% * 0.30) = 2.46% + 1.75% + 2.64% = 6.85% (โดยประมาณจากเปอร์เซ็นต์สารออกฤทธิ์ทั่วไปของ Decyl Glucoside และ CAPB) ซึ่งถือว่าค่อนข้างน้อยสำหรับแชมพูทั่วไป อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำความสะอาดและปริมาณฟอง ระดับสารชำระล้างรวมที่ใช้ในแชมพูทั่วไปมักจะอยู่ที่ 10-20% ครับ

1.2 สารเคมีตัวอื่นที่ทำหน้าที่ชะล้าง:

หากต้องการหลีกเลี่ยงซัลเฟตหรือต้องการสูตรที่อ่อนโยนขึ้น ลองพิจารณาสารชำระล้างทางเลือกเหล่านี้:

  • Sodium Lauroyl Methyl Isethionate: สารชำระล้างประจุลบที่อ่อนโยนและให้ฟองดี
  • Lauryl Glucoside: สารชำระล้างไม่มีประจุที่อ่อนโยนอีกตัวในกลุ่มเดียวกับ Decyl Glucoside นิยมใช้ในสูตรที่ต้องการความอ่อนโยน
  • Sodium Cocoyl Isethionate (SCI): สารชำระล้างประจุลบที่อ่อนโยนมาก ให้ฟองเนื้อครีม

การใช้สารชำระล้างที่อ่อนโยนเหล่านี้ร่วมกัน (เช่น Decyl Glucoside, Cocamidopropyl Betaine, และ Sodium Lauroyl Methyl Isethionate หรือ Lauryl Glucoside) ในสัดส่วนที่เหมาะสม สามารถสร้างเบสแชมพูที่ทำความสะอาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ อ่อนโยน และเป็นสูตร Sulfate-Free ได้ครับ

2. ส่วนปรับสภาพเส้นผม

ส่วนปรับสภาพเส้นผมของคุณประกอบด้วย:

  • Dehyquart H81 (Guar Cationic) (0.5%)
  • PEG-75 LANOLIN (0.7%)
  • Olive oil (0.6%)
  • Sunflower seed oil (0.6%)
  • Ethyl Pantothenol (0.3%)
  • Cetrimonium Chloride (CETAC 30%) (0.29%)
  • Polyquaternium-51 (0.24%)
  • GLYCERINE (2.9%)
  • Stearyl alcohol (??%)
  • Polyquaternium-44 (2.9%)
  • Coco-Glucoside (and) Glyceryl Oleate (0.9%)

2.1 ความซ้ำซ้อน:

ใช่ครับ มีส่วนผสมหลายตัวที่ทำหน้าที่ปรับสภาพเส้นผมคล้ายคลึงกัน ซึ่งเป็นเรื่องปกติในสูตรที่ซับซ้อนเพื่อสร้างคุณสมบัติและให้ความรู้สึกที่หลากหลาย อย่างไรก็ตาม คุณสามารถพิจารณาปรับลดหรือเลือกใช้เฉพาะตัวที่ให้ประสิทธิภาพสูงสุดตามที่คุณต้องการได้ครับ

  • กลุ่ม Conditioning Polymers: คุณมี cationic polymer หลายตัว (Dehyquart H81/Guar Cationic, Cetrimonium Chloride, Polyquaternium-51, Polyquaternium-44) แม้แต่ละตัวจะมีคุณสมบัติเด่นต่างกัน (เช่น ช่วยให้หวีง่าย ลดไฟฟ้าสถิตย์ ให้ความลื่น) แต่การใช้หลายตัวเกินไปอาจไม่จำเป็น การทดลองทำและทดสอบจะช่วยให้ทราบว่าการผสมผสานแบบใดให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดโดยไม่ทำให้ผมหนักหรือเกิดการสะสม
  • กลุ่มน้ำมัน: Olive oil และ Sunflower seed oil ต่างก็ช่วยบำรุงและให้ความนุ่มลื่น การใช้น้ำมันสองชนิดร่วมกันทำได้ แต่ปริมาณน้ำมันรวม (1.2%) ค่อนข้างสูงสำหรับแชมพู อาจทำให้แชมพูขุ่นหรือแยกชั้นได้ง่าย และอาจทำให้ผมรู้สึกมันได้หากล้างออกไม่หมด ลองพิจารณาว่าจำเป็นต้องใช้น้ำมันทั้งสองชนิดหรือไม่ หรือลดปริมาณรวมลง

2.2 สัดส่วนที่มากไปหรือน้อยไป:

  • Polyquaternium-44 (2.9%): ปริมาณนี้ค่อนข้างสูงสำหรับ conditioning polymer ในแชมพู การใช้ cationic polymer ในปริมาณสูงอาจทำให้เกิดการสะสมบนเส้นผม ทำให้ผมรู้สึกหนักหรือเหนอะหนะเมื่อใช้ไปนานๆ ปริมาณที่แนะนำสำหรับ Polyquaternium หลายชนิดในแชมพูมักจะต่ำกว่า 1% คุณอาจพิจารณาลดปริมาณนี้ลงอย่างมีนัยสำคัญ
  • น้ำมัน (รวม 1.2%): ดังที่กล่าวไป ปริมาณนี้ค่อนข้างสูงสำหรับแชมพู อาจส่งผลต่อความคงตัวของสูตร (การเป็นอิมัลชัน) และทิ้งความมันบนเส้นผม การลดปริมาณน้ำมันลง หรือพิจารณาใช้น้ำมันอนุพันธ์ที่ละลายน้ำได้ดีกว่า เช่น PEG-75 Lanolin หรือ Coco-Glucoside (and) Glyceryl Oleate (ซึ่งมีอยู่ในสูตรแล้ว) อาจเป็นประโยชน์
  • Glycerine (2.9%): ปริมาณนี้เหมาะสมสำหรับ humectant ที่ช่วยให้ความชุ่มชื้น
  • Cetrimonium Chloride (0.29%): ปริมาณนี้ค่อนข้างน้อยสำหรับ cationic surfactant แต่อาจช่วยเรื่องการลดการพันกันระหว่างสระได้บ้าง
  • Polyquaternium-51 (0.24%): ปริมาณนี้ก็ค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับปริมาณที่แนะนำทั่วไป (มักใช้ 1-2% สำหรับคุณสมบัติหลักในการลดการระคายเคืองและให้ความลื่น) แต่อาจยังคงให้ประโยชน์บางอย่างได้ในระดับนี้
  • Stearyl alcohol: ไม่ได้ระบุเปอร์เซ็นต์ Stearyl alcohol เป็น fatty alcohol ที่ใช้เป็นสารเพิ่มความข้น สารช่วยคงตัว และสารปรับสภาพผม มักพบในครีมนวดผมมากกว่าแชมพู โดยเฉพาะแชมพูใส เนื่องจากละลายในน้ำมันและอาจทำให้ขุ่นได้ หากต้องการใส่ ควรพิจารณาปริมาณตามหน้าที่ที่ต้องการ (เพิ่มความข้น/ปรับสภาพผม) และต้องแน่ใจว่าเข้ากันได้กับส่วนผสมอื่นๆ ในสูตร

การปรับค่า pH

การปรับค่า pH เป็นสิ่งสำคัญมากครับ ตามที่คุณทราบ สูตรน่าจะมีค่า pH เป็นด่างเนื่องจากสารชำระล้าง การปรับค่า pH ให้อยู่ในช่วงกรดอ่อนๆ (โดยทั่วไปประมาณ 5.0-6.5 สำหรับแชมพู) โดยใช้ Citric Acid เป็นวิธีที่ถูกต้อง ซึ่งจะช่วย:

  • ปิดเกล็ดผม ทำให้ผมเรียบลื่นและเงางามขึ้น
  • ลดไฟฟ้าสถิตย์และการพันกันของเส้นผม
  • เพิ่มประสิทธิภาพและความเข้ากันได้ของสารปรับสภาพผมประจุบวก (cationic conditioning agents)
  • ช่วยให้สูตรคงตัวและป้องกันการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์

ค่อยๆ เติมสารละลาย Citric Acid ทีละน้อยพร้อมคนให้เข้ากัน และวัดค่า pH จนกว่าจะได้ค่าที่ต้องการครับ

ข้อเสนอแนะโดยรวม

  1. ส่วนทำความสะอาด: ตัดสินใจว่าต้องการสูตร "Sulfate-Free" หรือไม่ หากต้องการ ให้เปลี่ยน SLES ไปใช้สารชำระล้างที่อ่อนโยนกว่า เช่น Sodium Lauroyl Methyl Isethionate หรือ Lauryl Glucoside ร่วมกับ Decyl Glucoside และ Cocamidopropyl Betaine ปรับความเข้มข้นรวมของสารชำระล้างเพื่อให้ได้ฟองและประสิทธิภาพการทำความสะอาดที่ต้องการ
  2. ส่วนปรับสภาพผม: ทบทวนปริมาณ cationic polymer โดยเฉพาะ Polyquaternium-44 และพิจารณาลดปริมาณลงเพื่อหลีกเลี่ยงการสะสมบนเส้นผม ประเมินปริมาณน้ำมันรวมและผลกระทบต่อความใสและการล้างออก คุณอาจลดปริมาณน้ำมันลง หรือเน้นใช้สารปรับสภาพผมที่ละลายน้ำได้ดีกว่า เช่น PEG-75 Lanolin และ Coco-Glucoside (and) Glyceryl Oleate
  3. การทดลอง: วิธีที่ดีที่สุดในการปรับปรุงส่วนปรับสภาพผมคือการทดลองทำสูตรในปริมาณน้อยๆ โดยปรับเปลี่ยนปริมาณหรือตัดบางตัวออก แล้วทดสอบประสิทธิภาพบนเส้นผมจริง เพื่อหาส่วนผสมและสัดส่วนที่ลงตัวที่สุดสำหรับคุณ
  4. Stearyl Alcohol: หากต้องการใส่ Stearyl alcohol ควรพิจารณาผลกระทบต่อความใสของสูตร และต้องแน่ใจว่าสามารถกระจายตัวในสูตรได้ดี (มักต้องให้ความร้อนร่วมกับส่วนน้ำมัน) กำหนดปริมาณตามความข้นและผลการปรับสภาพผมที่ต้องการ
  5. การปรับค่า pH: ปรับค่า pH สุดท้ายให้อยู่ในช่วง 5.0-6.5 เสมอโดยใช้ Citric Acid

การพัฒนาสูตรแชมพูที่ดีต้องอาศัยการปรับสมดุลระหว่างประสิทธิภาพการทำความสะอาด คุณภาพฟอง ประโยชน์ในการปรับสภาพผม ความคงตัวของสูตร และต้นทุน สูตรปัจจุบันของคุณมีพื้นฐานที่ดี การปรับแต่งส่วนปรับสภาพผมโดยอิงจากการทดสอบประสิทธิภาพจะช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายในการทำแชมพูที่ทำให้ผมนุ่มลื่น ไม่พันกันได้ครับ

หวังว่าข้อเสนอแนะโดยละเอียดนี้จะเป็นประโยชน์ในการปรับปรุงสูตรแชมพูของคุณนะครับ!

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Olive Oil (Extra Virgin)
Olive Oil (Extra Virgin)
เครื่องสำอาง
Glycerin (USP/Food Grade)
Glycerin (USP/Food Grade)
เครื่องสำอาง
Cocamidopropyl Betaine
Cocamidopropyl Betaine
เครื่องสำอาง
Cetrimonium Chloride (CTAC)
Cetrimonium Chloride (CTAC)
เครื่องสำอาง
Lauryl Glucoside
Lauryl Glucoside
เครื่องสำอาง
WaterLock™ (Polyquaternium-51)
WaterLock™ (Polyquaternium-51)
เครื่องสำอาง
IseFoam™ (Sodium Lauroyl Methyl Isethionate)
IseFoam™ (Sodium Lauroyl Methyl Isethionate)
เครื่องสำอาง
Sunflower Oil (High Omega, Refined)
Sunflower Oil (High Omega, Refined)
เครื่องสำอาง
Decyl Glucoside
Decyl Glucoside
เครื่องสำอาง
Lanolin Water Soluble (PEG-75 Lanolin)
Lanolin Water Soluble (PEG-75 Lanolin)
เครื่องสำอาง
Stearyl Alcohol
Stearyl Alcohol
เครื่องสำอาง
Poly-Conditioner 47 (Polyquaternium-47)
Poly-Conditioner 47 (Polyquaternium-47)
เครื่องสำอาง
Sodium Chloride (High Purity, 99.9%)
Sodium Chloride (High Purity, 99.9%)
เครื่องสำอาง
Citric Acid (Anhydrous, Natural)
Citric Acid (Anhydrous, Natural)
เครื่องสำอาง
GuarCat™ Clear (ให้เนื้อใส)
GuarCat™ Clear (ให้เนื้อใส)
เครื่องสำอาง
Phenoxyethanol P5
Phenoxyethanol P5
เครื่องสำอาง
Ecosoft™ PO65 (Coco-Glucoside, Glyceryl Oleate)
Ecosoft™ PO65 (Coco-Glucoside, Glyceryl Oleate)
เครื่องสำอาง