การตรวจสอบสูตร

สูตรของคุณมีส่วนผสมออกฤทธิ์ที่มีประโยชน์ในความเข้มข้นสูง มุ่งเน้นไปที่การต่อต้านริ้วรอย การทำให้ผิวกระจ่างใส การให้ความชุ่มชื้น และการซ่อมแซมผิว การผสมผสานส่วนผสมต่างๆ เช่น Galactomyces, Repair Activator, Plankton Artemia Extract, Yeast Radiance, Beta Glucan, Horse Placenta รวมถึงวิตามินและสารให้ความชุ่มชื้นต่างๆ จะได้ผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพในรูปแบบเซรั่มหรือเจล

อย่างไรก็ตาม มีบางประเด็นที่ควรพิจารณาเกี่ยวกับสูตรนี้:

ปริมาณน้ำและความสามารถในการละลาย

สูตรระบุว่ามีน้ำกลั่น 8% ในขณะที่ส่วนผสมอื่นๆ รวมกันเป็น 92% ส่วนผสมเหล่านี้หลายชนิดเป็นของเหลวหรือเจล (เช่น Galactomyces, Repair Activator, Plankton Artemia Extract, Yeast Radiance, Horse Placenta, Double Hyaluron Liquid, VersaMoist, Seamollient, Mild Preserved Eco) และบางชนิดเป็นผงที่ต้องละลายในเฟสน้ำ (Safe-B3, Calcium Pantothenate, Vitamin B6, Disodium EDTA)

ด้วยปริมาณน้ำกลั่นที่เติมเพียง 8% สูตรนี้จึงต้องอาศัยลักษณะของเหลวของส่วนผสมอื่นๆ เป็นหลักในการสร้างเนื้อเบส แม้ว่าส่วนผสมหลายชนิดจะละลายน้ำหรือกระจายตัวในน้ำได้ แต่น้ำบริสุทธิ์ 8% อาจไม่เพียงพอที่จะละลายส่วนผสมผงทั้งหมดได้อย่างสมบูรณ์ และรับรองความคงตัวและการกระจายตัวที่สม่ำเสมอทั่วทั้งสูตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงเปอร์เซ็นต์รวมที่สูงของส่วนประกอบอื่นๆ จำเป็นต้องมีการทดสอบอย่างละเอียดเพื่อยืนยันความสามารถในการละลายและความคงตัว

Galactomyces เป็นเบส

Galactomyces Ferment Filtrate เป็นส่วนประกอบสำคัญในสูตรของคุณที่ 40% เป็นของเหลวและมีส่วนสำคัญต่อเฟสของเหลวในสูตร อย่างไรก็ตาม เป็นส่วนผสมออกฤทธิ์ที่มีคุณสมบัติและอัตราการใช้ที่แนะนำของตัวเอง ไม่ใช่ตัวทำละลายที่เป็นกลางเหมือนน้ำ

การแทนที่น้ำกลั่น 8% ทั้งหมดด้วย Galactomyces ที่มากขึ้น จะเพิ่มความเข้มข้นรวมของส่วนผสมออกฤทธิ์นี้ และเปลี่ยนองค์ประกอบโดยรวมและสัมผัสของผลิตภัณฑ์ (Galactomyces ที่ความเข้มข้นสูงบางครั้งอาจรู้สึกเหนอะหนะ) แม้ว่า Galactomyces จะละลายน้ำได้และมีส่วนช่วยในเบสของเหลว แต่ก็ไม่ใช่สิ่งทดแทนน้ำบริสุทธิ์โดยตรงสำหรับวัตถุประสงค์ในการละลายเพียงอย่างเดียว ความสามารถในการละลายของผงขึ้นอยู่กับองค์ประกอบของเฟสของเหลว ทั้งหมด ซึ่งในสูตรของคุณคือการผสมผสานระหว่างน้ำกลั่นและส่วนผสมของเหลว/เจลต่างๆ

ความจำเป็นของ Disodium EDTA

Disodium EDTA เป็นสารคีเลตที่ใช้จับกับไอออนของโลหะที่อาจมีอยู่ในน้ำหรือมาจากวัตถุดิบอื่นๆ ไอออนของโลหะเหล่านี้บางครั้งอาจรบกวนความคงตัวและประสิทธิภาพของส่วนผสมในเครื่องสำอาง ซึ่งอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนสีหรือการเสื่อมสภาพเมื่อเวลาผ่านไป

แม้ว่าคุณจะใช้น้ำกลั่น ซึ่งควรจะปราศจากไอออนของโลหะ แต่โดยทั่วไปแล้วแนะนำให้เติม Disodium EDTA (โดยทั่วไปที่ 0.1-0.2%) ในสูตรที่ซับซ้อนซึ่งมีส่วนผสมออกฤทธิ์ที่ละเอียดอ่อนจำนวนมาก เช่น สารสกัด สารหมัก และวิตามิน ทำหน้าที่เป็นตัวป้องกันเพื่อให้แน่ใจว่าสูตรมีความคงตัวในระยะยาว และป้องกันปัญหาที่อาจเกิดจากการปนเปื้อนของไอออนโลหะจากแหล่งอื่นๆ ดังนั้น แม้ว่าจะไม่จำเป็นอย่างเคร่งครัดหากวัตถุดิบและกระบวนการผลิตของคุณรับประกันว่าปราศจากไอออนของโลหะ การรวม Disodium EDTA ก็เป็นแนวปฏิบัติที่ดีสำหรับความคงตัวของสูตร

ข้อควรพิจารณาอื่นๆ

• ความเข้ากันได้ของ pH: ส่วนผสมมีช่วง pH ที่เหมาะสมแตกต่างกันไป ตัวอย่างเช่น Vitamin B6 มีความคงตัวที่สุดที่ pH 2-6 ในขณะที่ Calcium Pantothenate อยู่ในช่วงที่สูงกว่าที่ 6.8-8.0 ค่า pH สุดท้ายของสูตร ซึ่งจะได้รับอิทธิพลจากเปอร์เซ็นต์ที่สูงของส่วนผสมต่างๆ เช่น Galactomyces (pH 4-7) และ Repair Activator (pH 4-5.5) จะมีความสำคัญต่อความคงตัวและประสิทธิภาพของส่วนประกอบทั้งหมด คุณควรวัดและปรับค่า pH สุดท้ายให้อยู่ในช่วงที่สมดุลกับความต้องการของส่วนผสมทั้งหมด ซึ่งน่าจะอยู่ระหว่าง 4.0 ถึง 6.5 โดยพิจารณาจากส่วนผสมส่วนใหญ่
• วิธีการผสม: ส่วนผสมหลายชนิดไวต่อความร้อนและควรเติมในขั้นตอนการเย็นตัว (<40-50°C) Vitamin B6 ไวต่อความร้อนและแสงเป็นพิเศษ Calcium Pantothenate และ Mild Preserved Eco สามารถทนความร้อนได้สูงกว่า แต่แนะนำให้ใช้วิธีการเย็นหรือเติมส่วนผสมที่ไวต่อความร้อนในขั้นตอนสุดท้าย Beta Glucan และ Seamollient เป็นของเหลว/เจลที่ควรผสมอย่างระมัดระวังเพื่อให้แน่ใจว่ากระจายตัวได้ดีและไม่ตกตะกอน
• เนื้อสัมผัส: เปอร์เซ็นต์ที่สูงของ Galactomyces (40%), Seamollient (15%) และ Double Hyaluron Liquid (5%) จะมีส่วนสำคัญต่อเนื้อสัมผัส ซึ่งน่าจะทำให้ได้เซรั่มหรือเจลที่มีความหนืด

โดยสรุป สูตรนี้มีการผสมผสานส่วนผสมออกฤทธิ์ที่มีประสิทธิภาพสูง ความท้าทายหลักอยู่ที่การทำให้แน่ใจว่ามีตัวทำละลายเพียงพอสำหรับส่วนผสมทั้งหมดเมื่อใช้น้ำที่เติมเพียง 8% และการจัดการค่า pH และอุณหภูมิในการผสมเพื่อให้ส่วนประกอบทั้งหมดมีความคงตัวและเข้ากันได้ดีที่สุด การรวม Disodium EDTA แนะนำเพื่อเพิ่มความคงตัว