การตรวจสอบสูตรและการวิเคราะห์ส่วนผสม

ขอขอบคุณที่แบ่งปันสูตรเครื่องสำอางของคุณเพื่อตรวจสอบ สูตรนี้มีส่วนผสมออกฤทธิ์ที่มีศักยภาพหลายชนิด เรามาตอบคำถามเฉพาะของคุณเกี่ยวกับการเลือกส่วนผสมและการโต้ตอบที่อาจเกิดขึ้น

สูตรของคุณประกอบด้วย:

• Calcium Gluconate 1%
• Manganese Gluconate 0.5%
• Magnesium Gluconate 0.5% หรือ Magnesium Aspartate 0.5%
• Copper Gluconate 0.05% หรือ Copper PCA 1%
• Zinc Gluconate 0.5% หรือ Zinc PCA 1%
• Sodium PCA 4%
• Niacinamide (Safe-B3™) 10%
• NAT-RIBOSE™ 3%
• Creatine 0.5%
• Pure-Adenosine™ 1%
• L-Carnitine 5%
• Mild Preserved Eco™ 1%
• Xanthan Gum 1%
• WaterSoft™ 5%
• น้ำ ส่วนที่เหลือ

การเปรียบเทียบส่วนผสม: Gluconate/Aspartate เทียบกับ PCA เทียบกับ Mineral Ready™

จากคำอธิบายผลิตภัณฑ์:

• แมกนีเซียม: ทั้ง Magnesium Gluconate และ Magnesium Aspartate ให้แร่ธาตุแมกนีเซียมที่ละลายน้ำได้และสามารถดูดซึมเข้าสู่ผิวได้ จัดเป็นอิเล็กโทรไลต์ คำอธิบายของแต่ละชนิดไม่ได้ระบุความแตกต่างในการเพิ่ม Oxygenation หรือการดูดซึม ระหว่างสองรูปแบบนี้ โดยตรง
• ทองแดง: Copper Gluconate ให้ทองแดง Copper PCA มีคุณสมบัติเด่นในการลดความมันของผิวและลดริ้วรอย และถูกระบุว่า มีประสิทธิภาพมากกว่า Copper Gluconate ในการลดความมัน
• สังกะสี: Zinc Gluconate ให้สังกะสี ช่วยลดความมันของผิวและกระชับรูขุมขน Zinc PCA ถูกระบุว่า มีประสิทธิภาพมากกว่า Zinc Gluconate ในการลดความมันของผิว ลดสิว และช่วยให้ผิวสมานเร็วขึ้น รวมถึงกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและประโยชน์อื่นๆ

การเปรียบเทียบกับ Mineral Ready™: Mineral Ready™ เป็นส่วนผสมเฉพาะของ Magnesium Aspartate, Zinc Gluconate และ Copper Gluconate ข้อมูลทางคลินิกสำหรับ Mineral Ready™ แสดงให้เห็นว่าช่วยเพิ่ม Oxygenation ของผิวและการสร้างพลังงานของเซลล์ (ATP) ซึ่งนำไปสู่การปรับปรุงความหยาบกร้านและความลึกของริ้วรอย

• เลือกใช้ Mineral Ready™ หากเป้าหมายหลักของคุณคือการเพิ่ม Oxygenation และพลังงานของเซลล์ตามที่แสดงในข้อมูลทางคลินิก
• เลือกใช้ รูปแบบ PCA (Copper PCA, Zinc PCA) หากคุณสมบัติเฉพาะเจาะจง เช่น การควบคุมความมันที่ดีกว่า การดูแลปัญหาสิว และการกระตุ้นคอลลาเจน มีความสำคัญมากกว่า เนื่องจากคำอธิบายระบุว่ามีประสิทธิภาพสูงกว่าสำหรับคุณสมบัติเหล่านี้เมื่อเทียบกับรูปแบบ Gluconate ในส่วนของแมกนีเซียม Magnesium Gluconate และ Aspartate ดูเหมือนจะมีคุณสมบัติคล้ายคลึงกัน

ผลของการเติม Glycolic Acid หรือ Lactic Acid

การเติม Glycolic Acid หรือ Lactic Acid (AHAs) จะทำให้ค่า pH ของสูตรของคุณลดลงอย่างมาก AHAs เป็นกรดและสามารถทำหน้าที่เป็น Chelating Agent ได้ โดยจะจับกับไอออนของโลหะ เช่น แร่ธาตุ (แคลเซียม แมงกานีส แมกนีเซียม ทองแดง สังกะสี) ในสูตรของคุณ

• การลดค่า pH เป็นประโยชน์ต่อประสิทธิภาพของ AHAs และเหมาะสมที่สุดสำหรับส่วนผสมบางชนิด เช่น Pure-Adenosine™, NAT-RIBOSE™, และแร่ธาตุในรูปแบบ PCA
• อย่างไรก็ตาม การที่ AHAs จับกับไอออนของแร่ธาตุ อาจลดความพร้อมใช้งานและประสิทธิภาพของแร่ธาตุในการให้ประโยชน์ต่อผิว นอกจากนี้ยังอาจส่งผลต่อความคงตัว (เช่น กับ Xanthan Gum) และลักษณะปรากฏของสูตรได้

การผสมแร่ธาตุความเข้มข้นสูงกับ AHAs อาจเป็นเรื่องที่ท้าทาย หากคุณให้ความสำคัญกับประโยชน์ของแร่ธาตุ การเติม AHAs อาจลดทอนประโยชน์เหล่านั้นได้เนื่องจากการคีเลต พิจารณาใช้ AHAs ในผลิตภัณฑ์แยกต่างหาก หรือปรับความเข้มข้นและค่า pH อย่างระมัดระวังหากคุณเลือกที่จะผสมผสาน

L-Carnitine เป็น Chelating Agent หรือไม่

L-Carnitine เป็นกรดอะมิโน กรดอะมิโนบางชนิดสามารถทำหน้าที่เป็น Chelating Agent ได้เนื่องจากโครงสร้างทางเคมี แม้ว่า L-Carnitine อาจมี ศักยภาพในการคีเลตเล็กน้อย แต่ก็ไม่ใช่หน้าที่หลัก และโดยทั่วไปไม่ถือว่าเป็น Chelating Agent ที่แรงเท่า AHAs หรือ EDTA ศักยภาพในการคีเลตของ L-Carnitine ไม่น่าจะเป็นข้อกังวลสำคัญต่อความคงตัวของแร่ธาตุ เมื่อเทียบกับผลกระทบจากการเติม Glycolic หรือ Lactic Acid

ข้อควรพิจารณาเพิ่มเติม

• ตรวจสอบให้แน่ใจว่าค่า pH สุดท้ายของสูตรเหมาะสมกับส่วนผสมออกฤทธิ์ทั้งหมด โดยเฉพาะ L-Carnitine (pH ที่เหมาะสม 3.5-8 ต้องปรับลดจาก pH ดั้งเดิมที่สูง), Pure-Adenosine™ (pH 3.5-6.5), NAT-RIBOSE™ (pH 3.5-6.5) และแร่ธาตุรูปแบบ PCA (pH 4-6)
• ยืนยันว่า Xanthan Gum ที่คุณเลือกเข้ากันได้กับอิเล็กโทรไลต์จากเกลือแร่ธาตุ
• ควรทำการทดสอบความคงตัวของสูตรขั้นสุดท้ายเสมอ