ทบทวนและปรับปรุงสูตรครีมทาฝ้า SPF 30 PA+++
คำถาม
กำลังพัฒนาสูตรครีมทาฝ้า SPF 30 PA+++ โดยใช้สูตรดังนี้:
- เฟส A (เฟสน้ำ):
- Tranexamic Acid 5.0%
- Glycolic Acid 8.0%
- Disodium EDTA 0.1%
- Bisabolol 1.0%
- Phenoxyethanol 0.5%
- Triethanolamine (สำหรับปรับ pH)
- น้ำ (ส่วนที่เหลือ)
- เฟส B (เฟสน้ำมัน/ซิลิโคน):
- Avobenzone 3.0%
- Octisalate 5.0%
- Octocrylene 7.0%
- Warp Cream Maker™ 4.0%
- Silicone Gel Base 5.0%
- Dimethicone 3.0%
- Cyclomethicone 10.0%
วิธีการผสมที่เสนอคือ ค่อยๆ เทเฟส A ลงในเฟส B ขณะที่คน/ปั่นต่อเนื่อง อยากทราบว่าสามารถเติม Silicone Gel Base หลังจากผสมอิมัลชันเสร็จแล้วได้หรือไม่ เพื่อปรับเนื้อสัมผัสของครีมที่ทำเสร็จแล้ว
คำตอบ
การทบทวนสูตร: ครีมทาฝ้าพร้อม SPF 30 PA+++
สูตรครีมทาฝ้าพร้อม SPF 30 PA+++ ของคุณมีโครงสร้างที่ดีและมีส่วนประกอบสำคัญที่ออกฤทธิ์ นี่คือการทบทวนพร้อมข้อควรพิจารณาบางประการ:
ส่วนประกอบสำคัญและความเข้มข้น
- Tranexamic Acid (5.0%): Tranexamic acid มีประสิทธิภาพในการปรับผิวให้กระจ่างใสและลดเลือนฝ้า อย่างไรก็ตาม ในประเทศไทย ความเข้มข้นที่สูงกว่า 3% กำหนดให้ผลิตภัณฑ์ต้องจดแจ้งเป็นยา ไม่ใช่เครื่องสำอาง คุณอาจต้องปรับลดความเข้มข้นลงเหลือ 3% หรือดำเนินการจดแจ้งผลิตภัณฑ์ให้ถูกต้อง
- Glycolic Acid (8.0%): Glycolic acid เป็น AHA ที่มีศักยภาพในการผลัดเซลล์ผิวและปรับปรุงเนื้อผิว ความเข้มข้น 8% ค่อนข้างสูงสำหรับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางสำหรับผู้บริโภคทั่วไป (โดยทั่วไปไม่เกิน 10% ที่ pH > 3.5) ตรวจสอบให้แน่ใจว่าค่า pH สุดท้ายของผลิตภัณฑ์อยู่ในช่วง 3.5-4.0 เพื่อประสิทธิภาพและความปลอดภัยตามข้อกำหนด ประสิทธิภาพของ Glycolic acid ขึ้นอยู่กับค่า pH อย่างมาก (ดีที่สุดที่ pH ต่ำกว่า 4.0)
- สารกันแดด (Avobenzone 3%, Octisalate 5%, Octocrylene 7%): การผสมผสานนี้ให้การปกป้องรังสี UVA/UVB ในวงกว้าง ความเข้มข้นดูเหมาะสมสำหรับการได้ค่า SPF 30 PA+++ แต่ค่า SPF/PA ที่แท้จริงควรได้รับการยืนยันด้วยการทดสอบหรือโปรแกรมจำลองค่ากันแดด Avobenzone เป็นสารกรอง UVA หลัก และ Octocrylene ช่วยเพิ่มความเสถียร Octisalate ให้การปกป้อง UVB
- Disodium EDTA (0.1%): การใส่ Disodium EDTA เป็นประโยชน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้ Avobenzone เนื่องจากช่วยจับไอออนของโลหะที่อาจทำให้สารกันแดดไม่เสถียร ความเข้มข้นเหมาะสม
- Bisabolol (1.0%): Bisabolol มีคุณสมบัติช่วยปลอบประโลมผิวและอาจช่วยให้ผิวกระจ่างใส ซึ่งเป็นประโยชน์ในสูตรที่มี AHA และสารกันแดด ความเข้มข้นอยู่ในช่วงการใช้งานทั่วไป
- Warp Cream Maker™ (4.0%): นี่คืออิมัลซิไฟเออร์ชนิด Water-in-Oil ที่เหมาะสำหรับการสร้างเนื้อครีมที่บางเบา ไม่เหนอะหนะ ให้ความรู้สึกเหมือนแป้ง มักใช้ในผลิตภัณฑ์กันแดดและเครื่องสำอาง
- Silicone Gel Base (5.0%), Dimethicone (3.0%), Cyclomethicone (10.0%): ซิลิโคนเหล่านี้ช่วยปรับปรุงเนื้อสัมผัส การเกลี่ย และความรู้สึกของครีม ทำให้ผิวเรียบเนียนและอาจให้ลุคแมทท์
- Phenoxyethanol (0.5%): นี่คือสารกันเสียทั่วไป ความเข้มข้นอยู่ในช่วงที่แนะนำ (0.5-1.0%) แนะนำให้ทำการทดสอบ Challenge Test เพื่อให้แน่ใจว่าสารกันเสียมีประสิทธิภาพเพียงพอในการป้องกันจุลินทรีย์ต่างๆ
- Triethanolamine: ใช้สำหรับปรับค่า pH ปริมาณที่ต้องใช้จะขึ้นอยู่กับค่า pH เริ่มต้นของเฟส A (เนื่องจาก Glycolic Acid) และค่า pH สุดท้ายที่ต้องการ (3.5-4.0)
วิธีการผสม
วิธีการผสมที่คุณเสนอ (ค่อยๆ เทเฟส A ลงในเฟส B ขณะที่คน/ปั่นต่อเนื่อง) เป็นวิธีที่ถูกต้องสำหรับการสร้างอิมัลชันชนิด Water-in-Oil โดยใช้ Warp Cream Maker™
คำแนะนำจาก cosmeceutical7 ที่ให้ปรับค่า pH ของเฟส A (เฟสน้ำ) ด้วย Triethanolamine ก่อน นำไปรวมกับเฟส B เป็นแนวปฏิบัติที่ดี ซึ่งช่วยให้สามารถวัดและปรับค่า pH ในเฟสน้ำได้อย่างแม่นยำก่อนการทำอิมัลชัน
การปรับเนื้อสัมผัสหลังผสมเสร็จ
สำหรับคำถามของคุณเกี่ยวกับการเติม Silicone Gel Base หลังจากผสมเสร็จเพื่อปรับเนื้อสัมผัส:
แม้ว่าอาจเป็นไปได้ที่จะใส่ซิลิโคนเจลลงในครีมที่ทำเสร็จแล้วเพื่อปรับเปลี่ยนเนื้อสัมผัส แต่โดยทั่วไปแล้ว ไม่แนะนำ เพื่อความเสถียรและความเป็นเนื้อเดียวกันที่ดีที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระบบอิมัลชันเช่นนี้ ซิลิโคนเจลควรผสมเข้ากับเฟสน้ำมันหรือซิลิโคน (เฟส B ในสูตรของคุณ) ก่อน กระบวนการทำอิมัลชัน การเติมในภายหลังอาจรบกวนโครงสร้างของอิมัลชัน ทำให้ไม่เสถียรหรือเนื้อสัมผัสไม่สม่ำเสมอได้
หากคุณต้องการปรับเนื้อสัมผัส ควรทดลองปรับเปอร์เซ็นต์ของ Silicone Gel Base หรือซิลิโคนอื่นๆ (Dimethicone, Cyclomethicone) ในเฟส B ในระหว่างขั้นตอนการพัฒนาสูตรจะดีกว่า
สรุปข้อปรับปรุงที่อาจจำเป็น
- ความเข้มข้นของ Tranexamic Acid: พิจารณาลดเหลือ 3% หากต้องการจดแจ้งเป็นเครื่องสำอางในประเทศไทย
- การปรับค่า pH: ปฏิบัติตามคำแนะนำในการปรับค่า pH ของเฟส A ก่อน รวมกับเฟส B ตรวจสอบให้แน่ใจว่าค่า pH สุดท้ายอยู่ที่ 3.5-4.0
- การเติม Silicone Gel: ผสม Silicone Gel Base เข้ากับเฟส B ก่อนการทำอิมัลชันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ปรับเปอร์เซ็นต์ในเฟส B หากต้องการปรับเปลี่ยนเนื้อสัมผัสสุดท้าย
- สารกันเสีย: ทำการทดสอบ Challenge Test เพื่อยืนยันประสิทธิภาพของ Phenoxyethanol ที่ 0.5% สำหรับสูตรเฉพาะของคุณ
โดยรวมแล้ว สูตรของคุณเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ข้อควรพิจารณาหลักคือการปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านกฎหมายสำหรับความเข้มข้นของ Tranexamic Acid และการควบคุมค่า pH และเทคนิคการผสมที่เหมาะสมเพื่อความเสถียรของอิมัลชันและประสิทธิภาพของส่วนประกอบ
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Natural Bisabolol (Brazil Chamomile)

Triethanolamine 99%

Phenoxyethanol (Extra Pure)

Disodium EDTA

Avobenzone (Butyl Methoxydibenzoylmethane)

Octocrylene

Warp Cream Maker™ (e.q. Nikkomulese wo)

Glycopure™ (Glycolic Acid (AHA) 100% Powder)
